CLS ตอนที่ 339: การยอมรับโดยสมบูรณ์!
ขณะที่ทางฝั่งอาณาจักรใต้พิภพคิดจะส่งขุนพลอีกคนมาก ทางด้านนี้อี้เทียนหยุนก็กำลังถูกผลักดันเข้ารับตำแหน่งราชาภูต หลังจากการเตรียมการแล้วเสร็จ บรรพชนเผ่าภูตก็ได้เรียกเผ่าภูตทุกคนมารวมตัวกัน
คนทั้งหลายไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร แต่ก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แม้จะมีบางคนคิดว่าแปลก แต่ก็มีบางคนคิดว่าอาจจะเป็นการอธิบายแผนการต่อไป หรือไม่ก็บอกกล่าวสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นแผนการเพื่อผลักดันอี้เทียนหยุนขึ้นเป็นราชาภูตเลยสักคน
เรื่องนี้มีเพียงแค่คนในไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ คนส่วนใหญ่ล้วนแต่ไม่รู้เรื่องนี้
อย่างรวดเร็ว ทุกคนก็ได้มารวมตัวกัน อี้เทียนหยุนยืนอยู่ด้านข้างบรรพชนเผ่าภูต เมื่อมองจากที่นี่ เขาก็เห็นผู้คนที่มารวมตัวกันจนแน่นขนัด จากจำนวนคร่าวๆ ในอดีต เผ่าภูตมีประชากรอยู่ประมาณพันคน และไม่รู้ว่ากระจัดกระจายอยู่ภายนอกอีกกี่คน แต่ถ้าพูดกัน ณ ปัจจุบันนี้ รวมกับคนที่ถูกช่วยมาด้วยแล้ว ก็มีเกินพันมาแค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ถือว่าไม่ได้มากเลยจริงๆ
แต่เดิมเผ่าภูตก็ให้กำเนิดยากอยู่แล้ว ทั้งยังมาถูกทรยศอีก ไม่ก็ถูกอาณาจักรใต้พิภพจัดการอย่างโหดเหี้ยม การที่ประชากรเหลืออยู่มากขนาดนี้ถือว่าปาฏิหาริย์แล้ว
“เชื่อว่าทุกคนคงจะสงสัยว่าทำไมข้าถึงได้เรียกตัวทุกคนมาอย่างปัจจุบันทันด่วนขนาดนี้” บรรพชนเผ่าภูตพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องอะไร แค่มีเรื่องอยากจะถามทุกคนเท่านั้น นี่คือน้องชายอี้ บุญคุณที่เขามีต่อเผ่าภูตเราใหญ่ไหม?”
“ใหญ่! แน่นอนว่าใหญ่มาก! ไม่เพียงแต่ช่วยพวกเราเท่านั้น แต่ยังสังหารขุนพลมังกรด้วย ช่วยล้างแค้นให้กับพวกเรา!”
“ใช่แล้ว! คุกใต้พิภพซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอาณาจักรใต้พิภพก็ถูกเขาทำลายอีก นี่ถือเป็นเรื่องที่ร้ายกาจจริงๆ!”
“ตราบเท่าที่มีพี่ใหญ่อี้อยู่ เผ่าภูตของพวกเราจะปลอดภัยมาก!”
พวกเขาพากันร้องตะโกนสนับสนุน เป็นการพิสูจน์ว่าชื่อเสียงของอี้เทียนหยุนนั้นน่าตื่นตะลึงขนาดไหน อี้เทียนหยุนช่วยเผ่าภูตไว้หลายเรื่อง การที่จะหวังให้ชื่อเสียงของเขาต่ำนั้น ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ในสายตาของพวกเขาแต่ละคนต่างก็เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ แน่นอนว่าเขาคือผู้กล้าในใจของพวกเขา!
“อืม ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะพอใจมาก….” บรรพชนเผ่าภูตพอใจมากที่พวกเขาสนับสนุนน้องชายอี้ ทำให้ตอนนี้เรื่องที่จะทำนั้นง่ายขึ้น “เมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าก็จะขอประกาศเรื่องที่สำคัญมากเลยก็แล้วกัน!”
หลังจากเผ่าภูตจำนวนนับไม่ถ้วนได้ยินคำนี้ ก็พากันสงบลงในทันที พร้อมกับเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง พวกเขารู้สึกว่าเรื่องที่กำลังจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
บรรพชนเผ่าภูตเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “น้องชายอี้ได้ช่วยเผ่าภูตเราพ้นจากอันตราย หากไม่มีเขา ข้าคิดว่าเผ่าภูตเราคงไม่สามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือที่ชั่วร้ายของอาณาจักรใต้พิภพ ทั้งยังจะต้องตกอยู่ในกำมือของพวกมัน!”
“ในขณะที่ขุมอำนาจอื่นหวาดกลัวต่ออาณาจักรใต้พิภพนี้ เขาก็ได้ออกหน้ามาอย่างกล้าหาญ เข้ามาช่วยเหลือเผ่าภูตของพวกเรา! ดังนั้น ข้าจึงคิดเรื่องนี้ขึ้น นั่นก็คือการผลักดันเขาขึ้นเป็นราชาภูตของพวกเรา! ข้าเชื่อว่าภายใต้การนำของเขา เผ่าภูตของเราจะต้องมุ่งสู่ความรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน!”
ข่าวนี้ทำให้พวกเขาเหมือนกับถูกค้อนทุบ พากันตกตะลึงไป ข่าวนี้มันออกจะกะทันหันเกินไป ทำให้พวกเขาไม่ทันคิดเรื่องนี้ ให้คนนอกเป็นราชาของพวกเขา แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อ
“ให้พี่ใหญ่อี้เป็นราชาของพวกเราอย่างงั้นเหรอ?”
“คนนอก เผ่ามนุษย์ เป็นราชาของพวกเรา?”
“นี่มันไม่น่าเชื่อเกินไปแล้ว ท่านบรรพชนเต็มใจที่จะผลักดันเขาให้เป็นราชาของพวกเราจริงๆ?”
พวกเขาพากันระเบิดออกมาในทันที แต่ละคนต่างก็พากันมองหน้ากัน ล้วนแต่เห็นความตกใจอยู่ในสายตาของอีกฝ่าย ยังไงก็ตาม อย่างรวดเร็ว ทุกคนก็พลันเผยสายตามุ่งมั่นออกมา
“ข้าเต็มใจให้พี่ใหญ่อี้เป็นราชาของพวกเรา เขาช่วยเผ่าภูตของพวกเราไว้มาก ยิ่งกว่านั้นเขายังแข็งแกร่งมากอีกด้วย!”
“ข้าต้องการให้ผู้กล้าอี้เป็นราชาภูตของพวกเราเช่นกัน ข้าเชื่อว่าผู้กล้าอี้จะต้องทำให้เผ่าภูตของพวกเรารุ่งเรืองอย่างแน่นอน!”
“ข้าเห็นด้วย ก่อนหน้านี้ข้าคิดไม่ถึง ไม่คิดว่าจะทำอย่างนี้ได้จริงๆ! ข้าขอสนับสนุนเต็มที่!!”
พวกเขาพากันร้องเป็นเสียงเดียวกัน ไม่มีใครคัดค้านแม้แต่คนเดียว เผ่าภูตทุกคน ไม่มีใครคัดค้าน ผ่านด่านนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
เรื่องนี้ทำให้พวกบรรพชนพากันตกใจ พวกเขาคิดว่าจะต้องมีคนไม่ยอมรับเป็นจำนวนมาก แต่ละคนต่างก็เตรียมคำพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมพวกคัดค้าน แต่กลายเป็นว่าการเตรียมการตลอดหลายวันของพวกเขาต้องสูญเปล่าไป โดยที่ไม่ต้องทำอะไร เรื่องในคราวนี้ก็ผ่านฉลุย โดยที่ไม่มีคนคัดค้านแม้แต่คนเดียว!
ต้องรู้ว่าขนาดคนเผ่าเดียวกันยังมีการคัดค้าน แต่พอเป็นคนนอกกลับไม่มีคนคัดค้านแม้แต่คนเดียว เรื่องอย่างนี้ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
อี้เทียนหยุนโล่งใจ ดูเหมือนว่าหลังจากที่ค่าความชอบเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยลดการคัดค้านของพวกเขาลง เขาสามารถเห็นได้ถึงค่าความชอบของเผ่าภูตทุกคนต่างก็มีกันเกิน 200 ทั้งยังมีหลายคนมีเกิน 300 นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างมาก
แม้แต่ในนิกายเทียนเฉวียนเองยังไม่มีมากขนาดนี้ แต่ก็เพราะว่าสถานการณ์แตกต่างกัน ทำให้ค่าความชอบของพวกเธอเพิ่มขึ้นยาก เขาได้ช่วยเผ่าภูตทั้งเผ่าไว้ พูดตรงๆ แล้ว หากไม่มีเขาช่วย เผ่าภูตคงจะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน
ดังนั้น หากว่าใครคัดค้าน นั่นต้องเป็นคนโง่อย่างแน่นอน การสร้างบุญคุณที่ดีที่สุดก็คือการช่วยเหลือ เมื่อเทียบกับคำสรรเสริญ หรือมอบของขวัญให้แล้ว มันสำคัญกว่ามากนัก
“ในเมื่อทุกคนไม่คัดค้าน ข้าก็จะขอประกาศ ณ ที่นี่เลย ข้าขออนุญาตให้น้องชายอี้เข้ารับการทดสอบราชาภูตได้ ตราบเท่าที่เขาผ่านการทดสอบราชาภูตนี้ เขาก็จะกลายเป็นราชาของพวกเรา!” บรรพชนเผ่าภูตเผยรอยยิ้มบนใบหน้า เรื่องราวเป็นไปอย่างราบรื่นมาก หลุดไปจากที่คาด แต่ก็มีเหตุผล
“ยังไงกฎก็ไม่สามารถแหกได้ ตราบเท่าที่เขาผ่านการทดสอบราชาภูต เขาก็จะกลายเป็นราชาของพวกเรา หากล้มเหลว งั้นคงพูดได้แค่เพียงว่าเสียดายเท่านั้น”
ทุกคนพยักหน้า การทดสอบราชาภูตคือสิ่งที่คนที่ต้องการเป็นราชาต้องผ่าน ถ้าล้มเหลว ต่อให้เป็นคนที่มีพรสวรรค์ หรือมีความสามารถแข็งแกร่ง งั้นคงพูดได้แค่ว่าลาก่อน พวกเขาคงต้องหมดสิทธิ์ที่จะนั่งในตำแหน่งราชานี้
“ในเมื่อทุกคนยอมรับข้าขนาดนี้ ข้าสัญญาว่าจะพาเผ่าภูตขึ้นสู่ความรุ่งเรืองอย่างแน่นอน!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “แต่ว่าก่อนหน้านั้น ข้าคงต้องเข้ารับการทดสอบราชาภูตนี้ก่อน หากสำเร็จ ข้าก็จะกลายเป็นราชาภูต แต่หากล้มเหลว ข้าก็ยังจะเป็นมิตรต่อเผ่าภูตตลอดไปเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง!”
“พี่ใหญ่อี้จะต้องเป็นราชาภูตได้อย่างแน่นอน คนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะล้มเหลวได้ยังไง!”
“ใช่แล้ว ผู้กล้าอี้จะต้องทำสำเร็จ เจ้าช่วยเผ่าภูตของพวกเรามามากขนาดนี้ แล้วทำไมยังจะล้มเหลวได้อีก?”
“พี่ใหญ่อี้จะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน พวกเราเชื่อมั่นในตัวท่าน!”
พวกเขาพากันให้กำลังใจไม่หยุด คิดว่าอี้เทียนหยุนจะต้องผ่านการทดสอบราชาภูตนี้ได้อย่างแน่นอน
“เอาล่ะ เรื่องนี้ไม่อาจช้าได้ เริ่มเข้ารับการทดสอบราชาภูตได้!” บรรพชนเผ่าภูตประกาศออกมา
โดยไม่มีการชักช้า เพิ่งจะประกาศจบ พวกเขาก็ต้องการให้เขาเข้ารับการทดสอบราชาภูตในทันที ตอนนี้เผ่าภูตต้องการราชาผู้ที่จะทำหน้าที่บัญชาการ เมื่อเขากลายเป็นราชาภูตเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเขาถึงจะสามารถนำพาเผ่าภูตได้
บางทีไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากให้คนอื่นได้เป็นราชาภูต แต่เพราะว่าชื่อเสียงของอีกฝ่ายไม่มากพอ ทั้งความแข็งแกร่งยังไม่ถึง เมื่อความแข็งแกร่งไม่พอ ชื่อเสียงไม่ถึง ก็ไม่สามารถเป็นได้