CLS ตอนที่ 349: ความเร็วที่น่าสะพรึง
กองพลวายุภายใต้การชี้นำของขุนพลฟง ทำให้เวลานี้พวกเขาต่างมุ่งกันถูกทาง แม้ว่าจะตัดต้นไม้ไปมากแล้ว แต่ค่ายกลสัมผัสพิศวงก็ยังส่งผลต่อพวกเขาอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการบอกทางที่ถูกต้อง
“ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำการทำลายค่ายกลด้วยวิธีที่ป่าเถื่อนขนาดนี้……”
เย่ชิงเสวียนกับพวกสีหน้าไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ ไม่คิดว่าพวกเขาจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีการเตรียมตัวมาอย่างดี พวกขุนพลมังกรถูกขังอยู่ใน พวกเขาจึงไม่ต้องการเหยียบย่างเข้ามาในป่า ดังนั้นจึงใช้วิธีที่ต่ำที่สุด แต่ก็ให้ผลดีที่สุดแทน
“ใช่ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเขาจะต้องพบพวกเราแน่ๆ โดยเฉพาะความเร็วของกองพลวายุนี้เร็วมาก พริบตาก็สามารถเคลื่อนตัวมาได้ไกลแล้ว ถ้าเป็นไปตามนี้ อย่างมากสามวัน เผ่าภูตของพวกเราจะต้องถูกเจออย่างแน่นอน!” ผู้อาวุโสเยี่ยนคาดการอย่างคร่าวๆ ถ้าเปลี่ยนความเร็วในการตัดไม้เป็นการวิ่งแล้วล่ะก็ พวกเขาคงจะไปถึงเผ่าภูตของพวกเธอภายในเวลาไม่นานอย่างแน่นอน
ถ้าวิธีการที่โง่ที่สุดต้องใช้เวลาสามวันในการเจอเผ่าภูต งั้นก็ยอมโง่เถอะ แต่สำหรับพวกเธอแล้ว กลับทำให้ไม่มีโอกาสที่จะลอบโจมตีได้เลย
ถ้าพวกเธอทำการลอบโจมตี ขุนพลฟงจะต้องตอบโต้กลับในทันทีแน่ เมื่อถึงตอนนั้น การจะหนีก็จะกลายเป็นเรื่องยากแล้ว
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี?” นัยน์ตาสีเงินของเย่ชิงเสวียนมีประกายแห่งความกังวล
กองพลวายุนี้ทรงพลังมาก เมื่อลงมือเป็นต้องมีการตายเกิดขึ้น เพียงแค่ขุนพลฟงคนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการพวกเธอในพริบตาแล้ว ต่อให้อี้เทียนหยุนจะแข็งแกร่ง พวกเธอก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี
“รอคำสั่งจากท่านราชาภูต!” ผู้อาวุโสเยี่ยนพูดอย่างจริงจัง “ท่านราชาภูตให้พวกเรามาป้องกันที่นี่ ก่อนที่ท่านจะมา พวกเราคงทำได้เพียงรอคอยเท่านั้น รอจนกว่าท่านจะมา”
ผู้อาวุโสคนอื่นก็พยักหน้า เพราะอี้เทียนหยุนคือราชาภูตของพวกเธอ ดังนั้นจึงต้องเชื่อฟังคำสั่งของอี้เทียนหยุน หากไม่เชื่อฟังคำสั่งของอี้เทียนหยุน แล้วการที่เขาเป็นราชาภูตจะมีความหมายอะไร? นอกจากอี้เทียนหยุนจะสั่งให้พวกเธอเคลื่อนไหวตามใจ แต่อี้เทียนหยุนสั่งให้พวกเธอมาจับตาดูสถานการณ์ที่ทางเข้า แล้วรอให้เขามาถึง
“หวังว่าท่านราชาภูตจะมีวิธีแก้ปัญหานี้นะ….” ในใจเย่ชิงเสวียนเต็มไปด้วยความกังวล เธอกลัวว่าอี้เทียนหยุนจะออกไปสู้ซึ่งหน้า ขุนพลฟงผู้นี้แข็งแกร่งมาก แรงกดดันที่ส่งออกมาไม่ใช้น้อยๆ เลย
หลังจากพวกเขาทำการตัดถางเส้นทางอยู่ช่วงใหญ่ ในที่สุดร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังพวกเธอ พร้อมกับเอยออกมาว่า “นี่มันอะไรกัน พวกมันคิดจะทำลายต้นไม้พวกนี้ทั้งหมดอย่างงั้นเหรอ จากนั้นก็บุกเข้ามาตรงๆ?”
“ท่านราชาภูต!” เมื่อพวกเธอเห็นอี้เทียนหยุนมา ก็พลันสัมผัสได้ถึงความประหลาด ทำไมพวกเธอถึงรู้สึกว่าอี้เทียนหยุนแข็งแกร่งขึ้นล่ะ?
พวกเธอไม่ได้เข้าใจผิด อี้เทียนหยุนได้ทำการเลื่อนระดับแล้วจริงๆ หลังจากกินเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณสี่กลั่นเข้าไป พลังของเขาก็ทะลวงเข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 7 ซึ่งความเร็วในการเลื่อนระดับนี้ค่อนข้างน่าสะพรึงเป็นอย่างมาก ยังไงก็ตาม จากนี้ไป ความเร็วของเขาก็จะช้าลงอย่างมาก เมื่อไม่มีภารกิจให้ทำ เขาก็ยากที่จะเลื่อนระดับได้เร็วอย่างนี้อีก
มีเพียงแค่ทำการสังหารเพื่อเลื่อนระดับ ส่วนเรื่องภารกิจนั้น นี่ต้องดูสถานการณ์กันอีกที
“ใช่แล้ว พวกมันใช้วิธีการที่โง่ที่สุดในการโจมตีพวกเรา ทำให้ค่อยๆ เคลื่อนที่เข้ามาทีละน้อย ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่เกินสามวัน พวกมันจะต้องไปถึงเขตที่อยู่อาศัยของพวกเราอย่างแน่นอน!” ผู้อาวุโสเยี่ยนพูดอย่างจริงจัง
“สามวันอย่างงั้นเหรอ…..” อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็กวาดตาดู แล้วพูดว่า “ให้ข้าตรวจสอบสถานการณ์ดูก่อน”
หลังจากนั้น อี้เทียนหยุนก็กระโจนออกไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับหยิบคันศรน้ำค้างแข็งเทวะออกมา พร้อมกับยิงศรน้ำแข็งออกไปยังทหารของกองพลวายุที่อยู่ด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“น้ำค้างแข็งพิโรธ!”
ท่าโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดถูกใช้ออกไป พร้อมกับโหมดคลั่งที่เพิ่มพลังโจมตีขึ้น 8 เท่า ทำให้พลังทำลายของเขาเพิ่มขึ้นในพริบตา อึดใจต่อมา ศรน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็ถูกยิงออกไป ด้วยพลังรบที่มากถึง 46 ล้าน!
หลังจากเลื่อนระดับ พลังโจมตีของเขาก็น่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิม ศรน้ำแข็งที่ถูกยิงออกไป พริบตาก็ไปโผล่อยู่ด้านหน้า ทุกที่ที่ศรน้ำแข็งเคลื่อนผ่าน ต่างก็กลายเป็นดินแดนน้ำแข็งไปโดยพลัน
ทันใดนั้น น้ำค้างแข็งพิโรธก็วิ่งออกจากป่า ไปปรากฏอยู่ใกล้ๆ กลุ่มทหารในกองพลวายุ เพียงพริบตาที่ศรพ้นจากป่า ขุนพลฟงก็หันขวับมาทางนี้ในทันที พร้อมกับมาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้ากลุ่มทหารในกองพลวายุของเขา ก่อนที่จะฟาดกระบี่ในมือของตนออกมา
“วายุคำราม!”
รู้แต่ว่ากระบี่ถูกแทงออกมา แต่ไม่รู้ในพริบตานี้กระบี่ถูกแทงออกมากี่ร้อยครั้ง ก่อให้เกิดเป็นพายุพุ่งเข้าปะทะกับน้ำค้างแข็งพิโรธ กลายเป็นมังกรลมตัวใหญ่ พุ่งเข้าชนกับศรน้ำค้างแข็ง!
“เปรี้ยง!”
พร้อมกับเสียงดังสนั่น ทำให้ภายในป่าราวกับเกิดพายุคลั่งขึ้น ศรน้ำค้างแข็งทะลวงเข้าไปยังด้านในตัวมังกรลม ก่อนที่จะกลายร่างเป็นพายุหิมะ ขณะที่ตัวพายุกลับพุ่งมายังทิศทางที่อี้เทียนหยุนอยู่! ทุกที่ที่พายุเคลื่อนผ่าน มันได้ทำลายต้นไม้ที่อยู่รอบๆ พร้อมกับแช่แข็งพื้นดินจนกลายเป็นดินแดนน้ำแข็ง
อี้เทียนหยุนหรี่ตา พร้อมกับหลบออกด้านข้างอย่างรวดเร็ว หลบพลังทำลายล้างของพายุหิมะลูกนี้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะจะสามารถหลบพายุหิมะลูกนี้ได้ แต่ในใจของเขาก็รู้สึกดิ่งลงอย่างมาก!
ขุนพลฟงผู้นี้เมื่อเทียบกับขุนพลมังกรแล้ว แข็งแกร่งกว่ามาก ไม่สามารถนับว่าอยู่ในระดับเดียวกันได้ และข้อมูลที่ดวงตาประเมินบอกออกมา ก็เป็นคำอธิบายชั้นดีเลยทีเดียว
ขุนพลฟง : ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 4, ถือกระบี่เทพเทียนฟง, สวมชุดเกราะชวี่ฟง, สวมรองเท้าศึกชวี่ฟง ซึ่งสลักอาคมเพิ่มความเร็วไว้ ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น 50%, มีความเร็วเป็นยอด, พลังรบปัจจุบัน 48 ล้าน! จุดอ่อน : เปลวเพลิงสามารถหยุดยั้งสายลมได้, ฝึกวิชาธาตุลม, วายุโหม, ประกายวายุ, เมื่อสังหารมีโอกาสได้รับ กระบี่เทพเทียนฟง……
พลังที่อีกฝ่ายระเบิดออกมาในพริบตานั้นสูงถึง 48 ล้าน ทำให้สามารถบดขยี้พลังจากโหมดคลั่งของอี้เทียนหยุนได้ทันที ซึ่งนี้ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคาด ผู้เชี่ยวชาญที่มาถึงระดับวิญญาณเที่ยงแท้ แต่ละขั้นที่เพิ่ม ย่อมทำให้พลังโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างมากจนน่ากลัว
โดยเฉพาะความเร็วนั้น ในพริบตานั้นเป็นความเร็วที่เร็วมากจริงๆ เร็วจนขนาดอี้เทียนหยุนยังเห็นเป็นภาพติดตา! ความเร็วของผู้ฝึกตนธาตุลมก็น่ากลัวพออยู่แล้ว แถมนี้ยังมีเครื่องสวมใส่ระดับสวรรค์ที่สลักอาคมเพิ่มความเร็วไว้อีก ทำให้เขาต้องตกตะลึงกับความเร็วที่อีกฝ่ายแสดงออกมา!
“ไม่โดนอย่างงั้นเหรอ?” ขุนพลฟงหยุดโจมตี สายตาที่เย็นชาปานน้ำแข็งของเขาจับจ้องไปที่จุดนั้น “แข็งแกร่งดีทีเดียว เพียงแต่เลือกคู่ต่อสู้ผิด ถ้าแน่จริงก็ออกมาดวลตัวต่อตัวกับข้า ตราบเท่าที่จัดการข้าได้ เจ้าก็จะปกป้องเผ่าภูตของเจ้าเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้น พวกเราจะบุกเข้าไป เข่นฆ่าจนถึงรังของเจ้า!”
ขุนพลฟงทำการประกาศออกมา เขาต้องการสู้กับอี้เทียนหยุน กับศัตรูที่แข็งแกร่ง จำเป็นต้องการเป็นคนแรก ที่สำคัญคือขุนพลฟงเป็นพวกบ้าการต่อสู้ เขาไม่ชอบวิธีการลับหลัง เขาชอบเผชิญหน้าตรงๆ มากกว่า
“ดวลกับเจ้าตัวต่อตัวอย่างงั้นเหรอ เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไง?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ เขาไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับขุนพลฟงโดยตรง เขากำลังคิดหาวิธีการรับมืออื่น