CLS ตอนที่ 360: กลับ!
ขณะที่พวกอี้เทียนหยุนจากที่นี่ไปอย่างเงียบๆ นั้น ข่าวการตายของขุนพลฟงก็ได้ก่อให้เกิดความไม่สงบครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ทำให้ตกตะลึงไปทั่วทั้งทวีปเทียนจิ่งและตี้จิ่ง ขุนพลฟงผู้เป็นผู้นำและกองพลวายุทั้งหมด ต่างก็ตายในการต่อสู้ครั้งนี้ และเมื่อหน่วยสอดแนมได้มาถึง ก็พบเพียงแค่ซากศพกองใหญ่ ไม่มีพยานที่มีชีวิตแม้แต่คนเดียว
คนไม่กลับมา ก็รู้แล้วว่าถูกสังหาร การต่อสู้ในครั้งนี้ก็ได้ถูกจัดการเฉกเช่นเดียวกันกับคราวของขุนพลมังกรที่ล้มเหลว
“ขุนพลฟงก็ตายด้วย สองแม่ทัพใหญ่ต่างก็ตายกันทั้งคู่!” จักรพรรดิใต้พิภพพิโรธสุดๆ ก่อเป็นท่าทางข่มขวัญกดทับลงทุกพื้นที่ ทำให้เหล่าต้าเฉินทั้งหลายพากันตัวสั่น ไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก
ทางฝ่ายราชครูก็มีสีหน้าน่าเกลียดเช่นกัน จากนั้นก็พลันเดินออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “ขอฝ่าบาทให้เฉินนำกองกำลังเข้าบดขยี้เผ่าภูตให้สิ้นซากด้วยเถิด!”
“ได้! ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้นำ รวมถึงส่งเหล่านายกองตามไปด้วย ให้เจ้าบดขยี้เผ่าภูตให้สิ้นซากเพื่อข้า!” จักรพรรดิใต้พิภพพิโรธสุดๆ เขาอยากจะเป็นผู้ลงมือทำลายล้างเผ่าภูตด้วยตัวเอง แต่ในเมื่อราชครูเป็นผู้เอ่ยปาก เขาก็จะให้ราชครูเป็นคนรับหน้าที่นี้ ส่วนตัวเขาจะเป็นผู้บัญชาการจากที่นี่แทน
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท!”
ราชครูไม่เอ่ยแม้แต่ครึ่งคำ หลังจากค้อมเอวรับคำสั่ง เขาก็รีบออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว ในตาของเขาล้วนเต็มไปด้วยจิตสังหาร ในฐานะราชครูของอาณาจักรใต้พิภพ เป็นธรรมดาที่เขาต้องกู้คืนหน้าตาของอาณาจักรที่เสียไป ทั้งเขายังมีความสัมพันธ์อันดีกับขุนพลทั้งสอง ตอนนี้พวกเขาต่างถูกฆ่าตายข้างนอก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง
“ช่างเป็นคนที่หุนหันพลันแล่นจริงๆ แต่ว่าทำไมถึงสูญเสียขุนพลทั้งสองไปอย่างกะทันหันอย่างนี้ แม้จะสู้ไม่ได้ แต่ก็น่าจะหนีมาได้ไม่ใช่เหรอ?” สายตาของจักรพรรดิใต้พิภพเต็มไปด้วยความเย็นชา โกรธจนปิดไม่อยู่
ขุนพลผู้มากความสามารถทั้งสองคนตาย จะให้ไม่โกรธก็เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องหน้าตา ตอนนี้อาณาจักรใต้พิภพล้วนแต่เสียหน้าโดยสมบูรณ์
“แท้จริงแล้วเป็นขุมอำนาจไหนกัน ข้าไม่เชื่อว่าเผ่าภูตจะมีฝีมือมากขนาดนี้ ในนั้นจะต้องมีผู้ช่วยอย่างแน่นอน หรือว่าจะเป็นคนของอาณาจักรเทียนหลง?” หลังจากที่จักรพรรดิใต้พิภพเดินไปได้สองก้าวก็พลันพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง “ไม่น่าใช่ อาณาจักรเทียนหลงในตอนนี้แม้แต่เรื่องตัวเองยังจัดการไม่ได้ แล้วจะลงมือช่วยเผ่าภูตได้ยังไง?”
“ถ้าข้ารู้ว่าขุมอำนาจไหนคอยช่วยเหลือเผ่าภูตอยู่เบื้องหลังแล้วล่ะก็ ข้าจะนำกองทัพใต้พิภพของข้าเข้าบดขยี้พวกมันอย่างแน่นอน! ต่อให้จะเป็นอาณาจักรเทียนหลง ก็ต้องถูกบดขยี้อย่างไม่ปรานี!”
จักรพรรดิใต้พิภพวางมือลงบนบัลลังก์มังกรที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมกับบีบอย่างแรง “แกรก” เปลี่ยนบัลลังก์มังกรตัวนั้นให้กลายเป็นเศษฝุ่น ครั้งแล้วครั้งเล่า ล้ำเส้นขีดจำกัดเขาไม่หยุด เหนือไปกว่าการคาดการของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ในอาณาจักรมีเรื่องต้องทำแล้วล่ะก็ เขาก็อยากจะเป็นคนลงมือบดขยี้เผ่าภูตด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
ทางฝั่งราชครูก็ได้นำแม่ทัพนายกองทั่วไปออกไปปฏิบัติการ แม่ทัพนายกองทั่วไปพวกนี้ค่อนข้างมีระดับที่ต่ำไปหน่อย พวกเขาต่างมีพลังระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 1 ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของราชครูเพื่อไปบดขยี้เผ่าภูต ซึ่งที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อปลอดภัยไว้ก่อน หากราชครูผู้นี้สู้ไม่ได้ จากนี้ก็ไม่มีใครที่จะบดขยี้เผ่าภูตนี้ได้แล้ว
ที่สำคัญคือใครเป็นผู้ให้การช่วยเหลือพวกมัน เพราะหน่วยสอดแนมที่ถูกส่งออกไป ล้วนแต่ไม่มีใครกลับมา ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงนั้นเป็นยังไง
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็มาถึงด้านนอกของป่าภูต กลุ่มของพวกเขาหยุดอยู่ด้านนอก ตัวราชครูก็มองเข้าไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่โตและทรงพลังนี้ด้วยสายตาเย็นชา
“ไม่คิดว่าจะต้องให้ข้าเป็นคนออกโรงเอง ในเมื่อเป็นอย่างนี้ พวกเจ้าก็เตรียมตัวตายกันได้เลย!” ราชครูหัวเราะเยาะ จากนั้นก็ทำการบุกเข้าไปในป่าภูตนี้ทันที ตัวเขานั้นเป็นนักสลักอาคมที่มีระดับไปต่ำเลย ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวค่ายกลที่ติดตั้งอยู่ข้างใน
และหลังจากนั้นสักพัก ราชครูก็ได้ขมวดคิ้ว “ไม่แปลกเลย นี่มันค่ายกลสัมผัสพิศวง ทั้งยังมีขนาดที่ใหญ่มาก แน่นอนว่าต้องเป็นนักสลักอาคมระดับต้าซือเป็นผู้จัดการถึงจะได้ผลลัพธ์นี้ ดูเหมือนว่าข้าคงต้องทำลายมันเสียก่อน!”
จากนั้น ราชครูก็เริ่มจัดทัพที่ด้านนอก เตรียมกวาดล้างค่ายกลสัมผัสพิศวงนี้ หลังจากที่เขาตรวจดูอย่างระวัง เขาก็เริ่มทำการกวาดล้างค่ายกลสัมผัสพิศวงนี้ทันที แต่ก็ยังต้องเสียเวลาอยู่หลายวันเช่นกัน จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถทำลายค่ายกลสัมผัสพิศวงนี้ลงได้
“ค่ายกลสัมผัสพิศวงถูกทำลายลงแล้ว ตามข้ามา เข้าไปจับเผ่าภูตทุกคนซะ จำไว้ว่าต้องจับมาเป็นๆ!” ราชครูตะโกนออกมาคราหนึ่ง จากนั้นก็นำเหล่าทหารบุกเข้าไปด้านใน เหล่าทหารพากันขานรับเสียงดัง พร้อมกับบุกเข้าไปด้านในพร้อมกับจิตสังหารที่เต็มเปี่ยม
ทุกคนต่างก็ตื่นเต้น ในที่สุดก็ได้เวลาบดขยี้เผ่าภูตนี้เสียที แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกเขาดีใจได้ยังไง?
และเมื่อพวกเขาบุกไปถึง ก็พบว่าด้านในล้วนว่างเปล่า คนสักคนก็ไม่มี ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจ เผ่าภูตไม่อยู่แล้ว บ้านทุกหลังล้วนว่างเปล่า ไม่ว่าอะไรก็ถูกเอาไปหมด
“นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกมันอพยพไปแล้วอย่างงั้นเหรอ?” ราชครูรู้สึกตกใจ จากนั้นก็พูดอย่างไม่ยอมว่า “เป็นไปไม่ได้ พวกมันไม่มีทางออกไปจากป่านี้ ถ้าออกไปจากที่นี่ พวกมันก็ต้องตาย”
ราชครูรู้เรื่องของเผ่าภูตหลายอย่าง แน่นอนว่ารวมถึงการอพยพไปจากที่นี่ด้วย ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ ถ้าออกไปจากที่นี่ ก็เท่ากับวิ่งเข้าใส่ความตาย แต่ตอนนี้พวกเขากับหนีไปจริงๆ
“ไปค้น ไปค้นหาพวกมันให้ข้า! ต่อให้ต้องขุดดินลงไปก็ต้องหาพวกมันให้เจอ!” ในใจราชครูโกรธอย่างมาก พร้อมกับออกคำสั่งนี้ทันที นี่พวกมันไม่ได้หนีไปจริงๆ ใช่ไหม? อย่างนี้มันไม่ไร้ยางอายไปหน่อยหรือไง
“ครับ!”
พวกเขารีบค้นหา แต่ก็ไม่ได้รับผลลัพธ์อะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือที่อื่นๆ ล้วนแต่หาไม่เจอ
“อพยพไปแล้ว ดูเหมือนว่าพวกมันจะยอมแพ้ที่จะต่อต้าน จึงเลือกที่จะทิ้งที่นี่ไป ไปเปิดสถูปวิญญาณ!” ราชครูพูดอย่างเย็นชา “เมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าก็จะเปิดสถูปวิญญาณ พร้อมกับเผาทำลายที่นี่ทิ้งซะ!”
ราชครูก็อารมณ์เสียไปเหมือนกัน พร้อมกับสั่งให้ทุกคนทำลายที่นี่ บดขยี้ที่นี่ซะ!
ขณะเดียวกัน อี้เทียนหยุนก็ได้แอบนำคนของเขาไปยังทวีปตี้จิ่ง ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก เนื่องเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะบินได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเดิน พูดอีกอย่างคือขี่หลังมังกรดินไป
เขาจับมังกรดินมาได้มากมาย แน่นอนว่าย่อมต้องใช้งานมันให้คุ้มค่า ความเร็วของมันนั้นค่อนข้างเร็ว ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังเลือกที่จะเดินทางแบบอ้อมๆ ดังนั้นจึงไม่มีใครพบพวกเขา ทำให้การอพยพเป็นไปอย่างปลอดภัย
“ตรงหน้านี้คือนิกายเทียนเฉวียน พวกเราจะอาศัยอยู่ที่นั่นกันชั่วคราว” อี้เทียนหยุนเงยหน้ามอง ดูนิกายเทียนเฉวียนตรงหน้าที่แสนคุ้นเคย ดูแล้วที่นั่นไม่มีเรื่องอะไร มองไกลๆ ยังเห็นศิษย์ทั้งหลายทำกิจกรรมของตนอย่างขวักไขว่
ส่วนคนข้างหลังก็พากันมองดูด้วยความสนใจ อยากจะรู้ว่าที่อยู่ของราชาภูตของพวกตนนั้นเป็นยังไง
“ผู้มาเป็นใครน่ะ ผู้อาวุโสอี้?” พวกเขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอย่างห้าวหาญและทรงพลัง ยิ่งกว่านั้นยังขี่มังกรดินมาอีก ทำให้ก็เลยทำให้พวกเธอพากันตกใจ
ขณะที่พวกเธอเห็นมังกรทั้งหลายเดินเข้ามา ใบหน้าที่งดงามก็เผือดสี แต่ดีที่เห็นคุ้นเคยอยู่ในนั้นด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงวิ่งไปรายงานแล้ว
“อืม นี่คือแขกของพวกเรา เปิดประตูให้พวกเราเข้าไปหน่อย” อี้เทียนหยุนบอกพวกเธอ
“ได้ค่ะ” พวกเธอรีบเปิดประตูอย่างไว ให้พวกเขาทยอยกันเข้าไป
อี้เทียนหยุนนำคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปด้วยท่าทางที่ทรงพลัง ขณะที่ชิเสวี่ยอวิ๋นที่อยู่ด้านนอกเห็นอี้เทียนหยุนก็ดีใจ แต่จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นตกใจในทันที
“สวรรค์ ครั้งนี้เจ้าพาใครมาเนี่ย” ชิเสวี่ยอวิ๋นตกใจ คนมากขนาดนี้ แล้วยังมังกรดินทั้งหลายอีก คงไม่ใช่ว่าจะให้ทั้งหมดนี้เข้าร่วมนิกายเทียนเฉวียนหรอกนะ?