CLS ตอนที่ 361: ก่อตั้งวังเทียนหยุน
ในอดีต อี้เทียนหยุนพามาอย่างมากก็คนสองคน แต่ว่าคราวนี้เขากลับพามาเป็นกองทัพ! ยิ่งกว่านั้นยังมีมังกรดินอีกหลายสิบตัว แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ชิเสวี่ยอวิ๋นตกใจได้ยังไง? ถ้าพวกเขาทั้งหมดนี้เข้าร่วมกับนิกายเทียนเฉวียน นี่จะเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
“ท่านน้า ข้ากลับมาแล้ว” อี้เทียนหยุนมองไปยังชิเสวี่ยอวิ๋นที่ทำสีหน้าตกใจ จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ข้ามีเรื่องหลายเรื่องที่ต้องบอก ท่านช่วยเรียกประชุดเหล่าผู้อาวุโสให้ข้าหน่อย จะได้อธิบายเรื่องราวทุกอย่างในคราวเดียว”
“อืม ได้….. ไม่มีปัญหา” ชิเสวี่ยอวิ๋นกลอกตาพูด “มาเถอะ ดูสิว่าคราวนี้เจ้าหนูอย่างเจ้าจะอธิบายยังไง!”
เย่ชิงเสวียนกับพวกต่างก็พากันมองสำรวจรอบๆ เมื่อเข้ามาในซากโบราณสถานเทียนเฉินนี้แล้ว อี้เทียนหยุนก็พบว่าที่นี่ได้รับการซ่อมแซมค่อนข้างดี ดูแล้วไม่ต่างจากเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ถ้ายังเป็นไปในทางนี้เรื่อยๆ ที่นี่จะต้องกลายเป็นของใหม่อย่างแน่นอน
“ค่ายกลที่นี่….. หรือว่าจะเป็นฝีมือของเผ่าภูตเรา?” บรรพชนเผ่าภูตที่ตรวจสอบรอบๆ พูดขึ้นมาด้วยประหลาดใจ
“น่าจะ เจ้าของคนก่อนที่นี่ได้ให้นักสลักอาคมระดับต้าซือมาช่วยสร้าง แต่จะเป็นใครนั้น ข้าไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “จากนี้พวกเราจะอยู่ที่นี่ ให้ที่นี่เป็นฐานของพวกเรา”
พวกเขาพากันพยักหน้า อี้เทียนหยุนว่ายังไงพวกเขาก็ว่าตาม พวกเขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ตราบเท่าที่มีที่ให้ลงหลักปักฐานได้ แค่นั้นก็พอ
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ได้เข้ามายังห้องประชุม ผู้อาวุโสเผ่าภูตสองสามคนกับท่านบรรพชนก็เข้ามาหารือในเรื่องนี้ด้วย
“คนพวกนี้คือคนของเผ่าภูต เชื่อว่าพวกท่านก็น่าจะเคยได้ยินมา” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “แล้วข้าก็จะไม่ขอพูดมาก ตอนนี้ข้าคือราชาภูต แต่เพราะว่าปัญหาที่เกิดจากอาณาจักรใต้พิภพ ทำให้ข้านำพวกเขามาที่นี่เพื่อหาที่ซ่อนตัว ทั้งข้ายังวางแผนจะให้เผ่าภูตมีพื้นที่อิสระ ไม่ขึ้นตรงต่อใคร ก็เหมือนกับการเข้าร่วมกับนิกายเทียนเฉวียนเรา แต่จะไม่หลอมรวมเข้าด้วยกัน พูดแล้วก็เหมือนกับก่อนหน้าที่คุยกันเรื่องสองสำนัก แต่ตอนนี้เพิ่มเป็นสามแทน!”
คำพูดง่ายๆ ของอี้เทียนหยุนทำให้ชิเสวี่ยอวิ๋นกับพวกพากันตกใจ พริบตาอี้เทียนหยุนก็กลายเป็นราชาภูตแล้ว นี่มันช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ ในหัวพวกเธอรู้สึกสับสนไปหมด เพราะไม่สามารถรับเรื่องที่มันกะทันหันอย่างนี้ได้ เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป ยิ่งกว่านั้น ชื่อเสียงของเผ่าภูตนั้น หลายคนล้วนแต่เคยได้ยิน ถึงความสุดยอดของพวกเขา!
ตอนนี้พวกเขาจะเข้าร่วมกับนิกายเทียนเฉวียนจริงๆ ซึ่งนี่เป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่ออย่างมาก ในด้านการสลักอาคม น้อยคนนักที่เหนือกว่าเผ่าภูต แต่ตอนนี้เผ่าภูตที่ว่ากำลังจะเข้าร่วมกับนิกายเทียนเฉวียนของพวกเธอจริงๆ แค่คิดก็ไม่อยากจะเชื่อแล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก พวกเธอก็พากันได้สติ ชิเสวี่ยอวิ๋นถลึงตาใส่เขาคราหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แขกผู้ทรงเกียรติ ไม่ทราบว่ามีปัญหา หรือข้อเรียกร้องอะไรหรือไม่ ที่จะเข้าร่วมกับนิกายเทียนเฉวียนของพวกเรา?”
“พวกเราล้วนเชื่อฟังคำแนะนำของท่านราชาภูต ท่านราชาภูตว่าไงพวกเราก็ว่าตาม” เย่ชิงเสวียนในฐานะตัวแทนก็ได้กล่าวออกมา พร้อมทั้งมองสำรวจชิเสวี่ยอวิ๋นไปด้วยในตัว นัยน์ตาสีเงินคู่นั้นของเธอกำลังเป็นประกายระยิบระยับ
ผู้อาวุโสคนอื่นก็ไม่มีข้อเรียกร้องอื่น พวกเขาต่างก็ทำสีหน้าว่าเอาตามนั้น เอาตามที่อี้เทียนหยุนว่า อย่างที่เย่ชิงเสวียนบอกออกไป
เผ่าภูตหากไม่ใช่คนทรยศแล้ว ต่างก็ถือว่าราชาภูตคือที่สุด ต่อให้จะสั่งให้พวกเขาฆ่าตัวตาย พวกเขาก็จะทำโดยไม่ปริปากบ่น แค่เข้าร่วมกับนิกายอื่นแค่นี้ ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถึงยังไงก็เป็นความคิดของราชาภูต แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่มีปัญหา
พวกเขาต้องให้ความสำคัญกับคำสั่งของราชาภูตเป็นที่สุด! ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะมีราชาภูตไว้ทำไม หากไม่ใช่เพื่อพาพวกเขาไปข้างหน้า
“นี่…. ถ้าจะเอาตามที่เทียนหยุนพูด งั้นข้าก็จะปล่อยให้เจ้าจัดการ เพราะว่าข้าก็ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดี” ชิเสวี่ยอวิ๋นรู้สึกว่ากลุ่มคนฝั่งตรงข้ามมีพลังในระดับที่ทรงพลังมาก ทรงพลังจนพวกเธอไม่สามารถเทียบได้
การที่จะให้พวกเขามารวมกับพวกเธอ เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
“ถ้างั้น ข้าก็จะขอพูดเองแล้วกัน จากวันนี้ไป เผ่าภูตจะเข้าร่วมกับนิกายเทียนเฉวียนเราอย่างเป็นทางการ ส่วนเรื่องวังมังกรคู่ที่เราพูดกันก่อนหน้า ก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน แต่เอาไว้หลังจากที่วังเทียนจี๋เข้าร่วมกับพวกเราแล้วค่อยเปลี่ยนทีหลัง หลังจากที่เผ่าภูตเข้าร่วมกับพวกเราแล้ว ตอนนี้พวกเราก็จะกลายเป็นขุมอำนาจชั้น 3 อย่างเป็นทางการ ดังนั้นควรจะมีชื่อเป็นของตัวเอง”
แต่ละคนต่างก็พากันมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อว่ายังไงดี เรื่องการตั้งชื่อนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากนิดหน่อย
“เรื่องนี้ ทำไมไม่ใช้ชื่อของเจ้าล่ะ?” ชิเสวี่ยอวิ๋น จากนั้นก็พูดออกมา “ชื่อว่าวังเทียนหยุน เจ้าว่าไง? พวกเราล้วนแต่มีเจ้าเป็นจุดศูนย์กลาง และเมื่อวันที่พวกเรากลายเป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างอาณาจักร ก็จะใช้ชื่อว่าเทียนหยุนเหมือนกัน!”
ข้อเสนอนี้พลันได้รับการตอบรับในทันที แม้ว่าจะไม่ใช่ความคิดที่แปลกใหม่อะไร แต่พวกเธอทั้งหมดล้วนแต่มีวันนี้ได้เพราะอี้เทียนหยุน ดังนั้นการจะใช้ชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อ เรื่องนี้จึงไม่มีปัญหา ซึ่งนี่ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงอำนาจของเขาได้ดี ทั้งยังเป็นขุมอำนาจที่เขารวบรวมมาเองด้วย
“นี่มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั๊ง….” อี้เทียนหยุนรู้สึกอาย จะใช้ชื่อเขาเป็นชื่อสำนัก นี่มันออกจะน่าอายไปหน่อย
“ท่านราชาภูต ข้าว่าใช้ชื่อท่านก็ดี เมื่อเป็นอย่างนี้ มันจะเป็นการแพร่ขยายชื่อเสียงของท่านไปด้วยในตัว!” เย่ชิงเสวียนเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้อย่างมาก เธอรู้สึกพอใจมากจริงๆ
“ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่านิกายเทียนเฉวียนก็เป็นอย่างนี้หรอกเหรอ เทียนเฉวียนเองก็เป็นชื่อของท่านบรรพชนผู้ก่อตั้ง เมื่อเป็นอย่างนี้ คนรุ่นหลังก็จะได้รู้ว่าเจ้าเป็นผู้ก่อตั้งสำนักขึ้นมา” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดเสริมขึ้นมา
อี้เทียนหยุนที่ลังเลก็พลันตาเป็นประกาย “ก็ได้ งั้นก็ใช้ชื่อนี้แล้วกัน จากวันนี้ไป ขุมอำนาจทั้งสองจะรวมเข้าด้วยกัน ก่อนตั้งเป็นวังเทียนหยุน ถือว่าเป็นขุมอำนาจชั้น 3 อย่างเป็นทางการ!” เขาทำการประกาศออกมา
จากนั้น พวกเขาก็ทำการประกาศเรื่องนี้ต่อศิษย์ภายนอก แต่ไม่ได้บอกเรื่องของเผ่าภูตออกไป บอกเพียงแค่ว่ามีขุมอำนาจอื่นทำการเข้าร่วมกับนิกายเทียนเฉวียน แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้พวกเธอพากันตกใจแล้ว
ศิษย์ส่วนใหญ่นั้นไม่รู้ว่าคนพวกนี้คือเผ่าภูต ฐานะของพวกเขาจำเป็นต้องเก็บเป็นความลับชั่วคราว ถ้าเกิดมีศิษย์บางคนหลุดปากออกไป พวกเขาคงเจอปัญหาหนัก เพราะฐานะของเผ่าภูตตอนนี้ค่อนข้างเปราะบาง ถ้ามีคนโง่พูดออกไป ทุกอย่างคงจบสิ้นกัน
ดังนั้น พวกเธอจึงรู้เพียงว่ามีขุมอำนาจหนึ่งที่อยู่ๆ ก็เข้าร่วมกับพวกเธอ ส่วนจะเป็นขุมอำนาจไหนนั้นไม่แน่ชัด ในใจของพวกเธอย่อมมีความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์เป็นธรรมดา อยู่ๆ ก็มาเข้าร่วมกับพวกเธอ พวกเธอย่อมมีอาการต่อต้านคนนอกกันเล็กน้อย ยังไงก็ตาม การรวมสองสำนักเข้าด้วยกันย่อมมีความขัดแย้งเป็นธรรมดา แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ได้มีอาการต่อต้านอะไร
ซึ่งเรื่องนี้นั้นจำเป็นต้องจัดการอย่างช้าๆ แล้วเมื่อถึงเวลาที่วังเทียนจี๋เข้ามา ก็จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งอีกครั้ง การรับคนกลุ่มใหญ่เข้ามากลางทาง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล
เมื่อวังเทียนหยุนถูกก่อตั้งอย่างเป็นทางการ ข้อมูลในภารกิจก็ถูกเติมเต็มในทันที ผู้เชี่ยวชาญในเผ่าภูตมีมาก ไม่ได้อ่อนแอกว่าขุมอำนาจชั้น 3 แม้แต่น้อย ตอนนี้เมื่อพวกเขาเข้าร่วม ก็ทำให้พวกเขาขึ้นเป็นขุมอำนาจชั้น 3 ได้ทันที
แต่ที่ภารกิจยังไม่สำเร็จนั้น เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะว่าพวกเขายังไม่ได้ย้ายไปที่ทวีปเทียนจิ่งยังไงล่ะ!