CLS ตอนที่ 365: ข้อมูล
เริ่นจื่อโหรวคือองค์หญิงของอาณาจักรเทียนหลง องค์หญิงก็คือองค์หญิง เสิ้งหนี่ก็คือเสิ้งหนี่ แต่เสิ้งหนี่จะได้รับก็ต่อเมื่อกลายเป็นราชา หรือจักรพรรดินีของอาณาจักร
“ตุบ!”
หินวิญญาณนับร้อยถูกเทลงบนโต๊ะ ทำให้ผู้ฝึกตนที่กำลังคุยกันอยู่พากันตกใจ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองอี้เทียนหยุนด้วยความรู้สึกสงสัย
“เรื่องที่พวกเจ้ารู้ช่วยบอกให้ข้าฟังหน่อย ใครที่ให้ข้อมูล ข้าจะมอบเศษหินวิญญาณมากกว่าร้อยชิ้นนี้ให้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่แยแส
“บอก บอกเรื่องอะไร?” มองดูหินวิญญาณนับร้อยชิ้นนี้ พวกเขาก็พากันกลืนน้ำลาย แม้ว่าเศษหินวิญญาณร้อยชิ้นนี้จะไม่มาก แต่อย่างน้อยก็เป็นเงิน
“ใครบอกเรื่องราวของอาณาจักรได้ดีกว่า ให้ข้อมูลได้มากกว่า ข้าจะมอบหินวิญญาณให้กับคนนั้น” อี้เทียนหยุนมองไปยังพวกเขาแล้วพูด
“ที่แท้ก็เรื่องของอาณาจักรนี่เอง ไม่ทราบว่าสหายท่านนี้ต้องการรู้เรื่องอะไร ข้าเพิ่งมาจากอาณาจักร ค่อนข้างที่จะรู้เรื่องราวทุกอย่างดีเชียวล่ะ!”
“ข้า ข้าก็เพิ่งกลับมาเช่นกัน ข้าว่าข้ารู้เรื่องทางนั้นมากกว่า!”
“ผายลม เจ้าอยู่ที่นี่มาตลอด ยังมีหน้ามาบอกว่าเพิ่งกลับมาจากอาณาจักรอย่างงั้นเหรอ?”
จากนั้นพวกเขาก็พูดตอบโต้กันไปมา จนสุดท้ายก็สู้กัน คนตายเพราะเงินทอง นกตายเพราะอาหาร เพื่อหินวิญญาณพวกนี้ พวกเขาถึงขนาดกล่าวโทษกันไปมา
“หยุด!” อี้เทียนหยุนมองไปยังชายที่บอกว่าเพิ่งกลับมาจากอาณาจักร แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “มา เจ้าพูดก่อน ข้าอยากจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ทุกอย่างขององค์หญิงที่เมืองหลวง ไม่ว่าเจ้าจะรู้อะไรก็ให้บอกมาให้หมด”
“ที่แท้สหายก็อยากจะรู้เรื่องขององค์หญิงนี่เอง นี่ง่ายมาก องค์หญิงที่เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ก็พลันก่อให้เกิดความวุ่นวายในเมืองหลวงทันที เพราะอัครเสนาบดีหลงหมายปองราชบัลลังก์อยู่ เมื่อองค์หญิงกลับมาเพื่อรับตำแหน่งเสิ้งหนี่ จึงเหมือนกับเป็นการตบหน้าอัครเสนาบดีหลง!” ชายคนนั้นพูด “คนที่สนับสนุนองค์หญิงนั้นก็เป็นคนของพี่ชายองค์หญิง ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้รับใช้องค์จักรพรรดิเริ่นหลง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมสนับสนุนองค์หญิงให้กลายเป็นเสิ้งหนี่”
“นี่เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของสายเลือดตระกูลเริ่น ผู้มีสายเลือดมังกรสวรรค์ที่บริสุทธิ์ที่สุด แล้วอย่างนี้พวกเขาจะไม่สนับสนุนได้ยังไง?”
“แต่สายเลือดมังกรสวรรค์ของอัครเสนาบดีหลงก็ไม่ได้อ่อนแอ ได้ยินว่าเขาเองก็เป็นญาติกับองค์หญิงเหมือนกันนี่?”
ชายคนนี้รู้เรื่องมากจริงๆ เขาบอกเล่าเรื่องราวหลายอย่าง แม้ว่าจะเรื่องนี้จะไม่ใช่ความลับ แต่ก็เป็นข้อมูลที่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้
“เจ้ามันก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นแหละ ข้ายังรู้มากกว่าเจ้าเลย!” ผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้ๆ แค่นเสียงอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือองค์หญิงเป็นผู้ที่มีสายเลือดมังกรสวรรค์ที่บริสุทธิ์ที่สุด ทำให้สามารถควบคุมสมบัติลับมังกรสวรรค์ได้! หากไม่สามารถควบคุมสมบัติลับมังกรสวรรค์ ก็ถือว่ายังห่างจากการขึ้นเป็นจักรพรรดิ ในความคิดข้า ตอนนี้องค์หญิงคงต้องเผชิญกับวิกฤติที่ใหญ่หลวงแล้ว อัครเสนาบดีหลงย่อมไม่ยอมให้องค์หญิงได้ตำแหน่งนี้ไปครองอย่างแน่นอน เขาจะต้องหาโอกาสสังหารองค์หญิงแน่!”
“เจ้ามันก็แค่คาดเดาส่งเดช พวกเขาจะกล้าทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ?”
“ข้าน่ะเหรอคาดเดาส่งเดช? เจ้านั่นแหละที่พูดเหลวไหล!”
พวกเขาเกือบจะต้องสู้กันแล้ว ก่อนหน้านี้ยังพูดกันดีๆ อยู่ ตอนนี้กลับจะลงไม้ลงมือกันแล้ว ที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้สนิทอะไรกัน เพียงแค่พบกันกลางถนน จึงได้มาคุยกันที่นี่เท่านั้น
เมื่อเป็นเรื่องของรางวัลแล้ว พวกเขาจึงเริ่มต่อสู้กัน
อี้เทียนหยุนครุ่นคิดอยู่ด้านข้าง ข้อมูลที่พวกเขาบอกมามีความเป็นไปได้ แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ไม่มีใครมั่นใจว่ามันจะไม่ไปถึงขั้นนั้นจริงๆ
“เอาล่ะพอได้แล้ว เอาไปคนละร้อย!” อี้เทียนหยุนหยิบหินวิญญาณออกมาอีกร้อย เขาเป็นคนง่ายๆ ในเมื่อข้อมูลของพวกเขาเป็นประโยชน์ เขาก็ไม่คิดที่จะตระหนี่
ทั้งสองต่างพากันมองหน้ากัน พร้อมกับรีบรับเงินส่วนของตัวเอง แล้วยิ้มแฉ่งราวดอกไม้บาน
“ขอบคุณ ขอบคุณคุณชายมาก” พวกเขาพากันฉีกยิ้มจนถึงใบหู พร้อมกับพูดขอบคุณหลายคำ ขณะที่รับหินวิญญาณด้วยท่าทางมีความสุข
“คุณชายท่านนี้ ที่สอบถามข่าวนี้ คงไม่ใช่ว่าท่านวางแผนที่จะไปสนับสนุนองค์หญิงหรอกนะ?” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งถามขึ้น
“ทำไมถึงพูดอย่างงั้นล่ะ?” ตาของอี้เทียนหยุนมีประกายเย็นชาวาบผ่าน เขาในตอนนี้ได้ปิดบังเพื่อไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น แต่ถ้าพวกเขาทำให้เรื่องนี้มันยากขึ้นล่ะก็ ก็อย่ามาโทษหากว่าเขาไม่เกรงใจ
“ตอนนี้ทั้งสองฝั่งกำลังรวบรวมกำลังจากทุกสารทิศ หากท่านคิดจะสนับสนุนองค์หญิงล่ะก็ ที่เมืองหลงเหว่ยมีการรับสมัครผู้เชี่ยวชาญอยู่ ท่านสามารถไปสมัครที่นั่นได้” เขายิ้ม พร้อมกับบอกข่าวนี้ให้โดยไม่คิดเงิน
“ไม่จำเป็น” อี้เทียนหยุนยิ้ม จากนั้นก็จากไป ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ
พวกเขาพากันมองหน้ากัน จากนั้นก็ยักไหล่ อี้เทียนหยุนกับพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกัน พวกเขาเพียงแค่รับเงินและบอกข้อมูลแค่นั้นก็พอ
หลังจากจากมา เขาก็ทำการบินไปยังเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ไม่คิดจะหยุดพักที่เมืองนี้ต่อ หลังจากบินติดต่อกันมาหลายวัน ในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรเทียนหลง!
เมืองหลวงเป็นที่ที่ครื้นเครงมาก ผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ เพราะทรัพยากรทุกอย่างล้วนสามารถหาได้จากที่นี่ อี้เทียนหยุนบินเข้าไป ในขณะที่กำลังจะบินเข้าไปในเมืองนั้น ทันใดนั้นก็ได้มีผู้เชี่ยวชาญตะโกนเสียงดังออกมา “สหายท่านนี้ ไม่ทราบว่าเจ้ากำลังคิดจะไปที่ไหน?”
อี้เทียนหยุนหันไปมอง แล้วก็เห็นผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณกำลังบินมาที่นี่ นอกจากจะเป็นบุคคลสำคัญของเมืองหลวงแห่งนี้ นอกนั้นห้ามบินโดยเด็ดขาด เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการมาตรวจสอบเขา
และเพื่อไม่ให้เป็นการเข้าใจผิด อี้เทียนหยุนก็เผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา จากนั้นร่างของเขาก็พลันหายไปกลางอากาศ หายไปจากสายตาของผู้คุ้มกันคนนั้น
“คนล่ะ?!” เขาตกใจอย่างมาก เขาเพิ่งจะบินเข้าไปใกล้อี้เทียนหยุน อีกฝ่ายกลับหายตัวไปแล้ว
หลังจากมองดูรอบๆ แล้วไม่พบตัวอี้เทียนหยุน เขาก็ได้แต่สงสัยออกมา “แปลกจริง คนผู้นั้นทำไมอยู่ๆ ถึงได้หายไปได้กัน? หรือว่าข้าจะตาฝาด?”
ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณคนนั้นเอามือเกาหัว จากนั้นก็บินไปด้วยสีหน้างุนงง กลับไปยังกำแพงเมือง
อี้เทียนหยุนไม่ได้ทำอะไร ก็แค่ล่องหน เขาไม่อยากเสียเวลา จึงได้ทำการบินเข้าไปในเมืองโดยตรง หากต้องรอตรวจเพื่อเข้าเมือง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะเข้ามาได้ หากเขาบอกผู้คุ้มกันพวกนี้ว่าตัวเองต้องการเจอองค์หญิง แล้วคิดว่าพวกเขาจะปล่อยเขาเข้ามาหรือยังไง? แต่ต่อให้เข้ามาได้ ก็จำเป็นต้องมีการแจ้งเตือนเป็นทอดๆ ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาเอาได้
ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะล่องหนแล้วบินเข้ามาโดยตรงเลย เวลาห้านาทีนี้ สามารถทำให้เขากำจัดเรื่องยุ่งยากพวกนี้ได้เกินพอ
และพริบตา เขาก็บินมาถึงกำแพงพระราชวัง บนฟ้าเต็มไปด้วยค่ายกล ป้องกันศัตรูบุกเข้ามาทางอากาศ แต่ยังไงก็ตาม ตัวเขาก็ไม่จำเป็นต้องบุกเข้าไปทางนั้น เพียงแค่เดินผ่านประตูเข้าไปดื้อๆ ก็พอแล้ว เพราะยังไงผู้คุ้มกันก็มองไม่เห็นเขาอยู่ดี
นอกจากจะเป็นผู้มีพลังระดับราชาวิญญาณ นอกนั้นอย่าหวังว่าจะมองเห็นเขาได้เลย
หลังจากเข้ามาแล้ว เขาก็รีบบินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และออกหาข่าวว่าเริ่นจื่อโหรวนั้นอยู่ที่ไหน และเมื่อเขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ไม่ดีแล้ว ต้องรีบไปช่วยเธอให้เธอที่สุด!” อี้เทียนหยุนพลันเร่งความเร็วขึ้น บินตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว