CLS ตอนที่ 366: น้องสาวโดนรังแก
ณ ตำหนักเทียนหลง เริ่นจื่อโหรวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ได้มองลงมายังคนพูดที่อยู่ด้านล่างอย่างเย็นชา
“องค์หญิง ก่อนหน้านี้อัครเสนาบดีหลงได้ทำทุกอย่างเพื่ออาณาจักรเทียนหลง ตอนนี้ท่านจัดการอย่างนี้ มันไม่เท่ากับเป็นการตัดอำนาจของเขาหรือพะยะค่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ เขาจะต้องนำกองกำลังเข้าโจมตีเมืองหลวงของพวกเราอย่างแน่นอน!” ต้าเฉินคนหนึ่งพูดขึ้น
“เหลวไหล! ตัดอำนาจอะไรกัน อาณาจักรเทียนหลงเป็นของตระกูลเริ่น ผิดด้วยหรือไงที่แค่ลดอำนาจคนๆ หนึ่ง?” ต้าเฉินอีกคนพูดอย่างไม่พอใจ โต้แย้งอยู่ใกล้ๆ “อัครเสนาบดีหลงผู้นี้ หลังจากที่จักรพรรดิเริ่นสวรรคตไป เขาก็ได้สร้างอำนาจเพื่อบัญชาการพวกเรา กระทั่งคิดกำจัดพวกเราไปดูแลพื้นที่ชายแดน เห็นได้ชัดว่าต้องการควบคุมเมืองหลวงแห่งนี้ไว้ในกำมือ”
“ใช่! พวกเราสนับสนุนแค่สายเลือดหลักเพียงเท่านั้น คนอื่นคิดจะมาปกครองอาณาจักรเทียนหลงของพวกเรา เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้องค์หญิงได้กลับมาแล้ว พวกเราก็พร้อมที่ไปยังเมืองชายแดน เพื่อต่อต้านการรุกรานของอาณาจักรใต้พิภพ”
“ใช่ ตอนนี้องค์หญิงไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้งบารมียังอยู่ที่นี่ เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนภายนอกต่างก็พากันสนับสนุนองค์หญิง? บารมีขององค์หญิง หลังจากผ่านไปหลายปีก็ยังมั่นคงดุจเดิม!”
“องค์หญิงจะต้องกลายเป็นเสิ้งหนี่อย่างไม่ต้องสงสัย นี่เป็นของสายเลือดตระกูลเริ่น อัครเสนาบดีหลงจะควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้หรือไง? มีสมบัติลับเทียนหลงอยู่ พวกเราก็สามารถต่อต้านอาณาจักรใต้พิภพได้ นี่เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงของอาณาจักรเทียนหลงเรา!”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่หวังว่าจะใช้วิธีที่ละมุนละม่อมกว่านี้หน่อย….. บารมีของอัครเสนาบดีหลงในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่ำเหมือนเช่นเดิมแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้ใช้ยุทธวิธีเหลยถิงขับไล่กบฏ จัดการผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรใต้พิภพเป็นจำนวนมาก ตอนนี้บอกว่ากำจัดเป็นกำจัด มันออกจะรุนแรงเกินไป….. จะดีจะร้าย อัครเสนาบดีหลงก็เป็นถึงพระปิตุลาขององค์หญิง……”
เหล่าต้าเฉินทะเลาะกัน ทำให้เริ่นจื่อโหรวที่อยู่ด้านบนคิ้วขมวด
“หยุดเถียงกันได้แล้ว ความคิดของข้า ข้าตัดสินใจดีแล้ว ส่วนเรื่องอัครเสนาบดีหลงนั้น ไว้เขากลับมาแล้วค่อยว่ากันอีกที!” เริ่นจื่อโหรวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“องค์หญิง การทำอย่างนี้จะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนได้ง่ายมากนะพะยะค่ะ….. ตอนนี้อัครเสนาบดีหลงกำลังนำกองทัพเข้าต่อต้านอาณาจักรใต้พิภพที่ชายแดนอยู่ การที่ท่านมาลดอำนาจเขาที่นี่ จะทำให้ถูกครหาได้นะพะยะค่ะ” ต้าเฉินรีบพูดขึ้น
ต้าเฉินที่อยู่ที่นี่มีไม่มาก แต่ทุกคนล้วนแต่มีตำแหน่งสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแต่เห็นด้วยกับเริ่นจื่อโหรว มีส่วนน้อยเท่านั้นไม่เห็นด้วย คิดว่าเธอนั้นทำเกินไป
อัครเสนาบดีหลงกำลังออกรบที่ด้านนอก แต่เริ่นจื่อโหรวกับทำการลดอำนาจอัครเสนาบดีหลง จัดการคนใกล้ชิดอัครเสนาบดีหลงให้ไปอยู่ที่อื่น นี่ย่อมสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน โดยเฉพาะตอนที่เริ่นจื่อโหรวไม่ได้อยู่ที่นี่ ทำให้บารมีของเธอนั้นลดลง การทำอย่างนี้ของเธอ ก็เท่ากับผลักตัวเองเข้าสู่กองไฟอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่าเริ่นจื่อโหรวย่อมมีบารมี แต่ก็ยังด้อยกว่าอัครเสนาบดีหลงอยู่มาก เพราะว่าเธอหลับลึกเป็นเวลานาน ทำให้หลายคนสงสัยว่าเธอหายไปไหนมา หลายปีนั้น แท้จริงแล้วเธอไปอยู่ไหน
“ไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันแล้ว ให้ไปจัดการตามที่ข้าบอกไปซะ!” เริ่นจื่อโหรวมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา ท่าทางดุดันอย่างมาก เพียงแค่สายตาที่มองมาก็ทำให้เหล่าต้าเฉินพากันรู้สึกตัวสั่น ก้มหน้าลง ไม่กล้าเถียงกันอีก
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว ต้องการพักผ่อน กลับไปได้”
“พะยะค่ะ องค์หญิง!”
พวกเขาพากันกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าอยู่ที่นี่สืบต่อ
เริ่นจื่อโหรวก็ได้หมุนตัวเดินจากมา และในขณะที่กำลังเดินผ่านระเบียงยามเพื่อกลับไปยังห้องบรรทมของตน ก็ได้มีเงาหลายเงาโผล่ขึ้นมา พร้อมกับทำการขวางหน้าเธอเอาไว้
“องค์หญิง ได้โปรดตามพวกเรามาด้วย” คนในชุดดำเดินเข้ามา และในจังหวะที่เสียงของเขาจบลงนั้น รอบๆ ก็พลันปรากฏหมอกดำขึ้น ปกปิดพื้นที่ที่เธออยู่ในพริบตา
“พวกเจ้าเป็นคนที่อัครเสนาบดีหลงส่งมาอย่างงั้นเหรอ? ส่งมาแต่ละครั้ง ช่างไม่มีความคิดสดใหม่เลยจริงๆ?” นัยน์ตาทั้งสองข้างของเริ่นจื่อโหรวเต็มไปด้วยจิตสังหาร เธอยื่นมือออกไปทำท่าคว้าจับ พร้อมกับปลดปล่อยมังกรสวรรค์ในร่างออกมา
“คำราม!”
มังกรสวรรค์ที่ออกมาจากร่างของเธอทำการร้องคำรามไปรอบๆ พร้อมกับเลื้อยรอบร่างเธอ ปกป้องร่างของเธอจากหมอกดำที่กำลังใกล้เข้ามา
“ไม่เสียทีที่เป็นมังกรสวรรค์ ทำให้หมอกดำไม่สามารถเข้าไปใกล้ร่างกายได้ ถ้าเป็นคงธรรมดาล่ะก็ คงถูกหมอกดำนี้กลืนกินเข้าไปแล้ว” คนชุดดำพูดพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ “แต่วางใจได้ คราวนี้พวกเรามีวิธีการใหม่มาให้เจ้าได้ชมอย่างแน่นอน”
ในหมอกดำ พลันปรากฏเงาคนสองคนขึ้น พร้อมกับทำการสะบัดแส้ยาวเข้าใส่ที่นี่อย่างโหดร้าย
“ไสหัวไป!”
เริ่นจื่อโหรวที่รวบรวมพลังเสร็จก็ได้กระทืบเท้าอย่างแรง ปลดปล่อยมังกรสวรรค์ออกไป จนทำให้อากาศเกิดการสั่นไหว ราวกับฟ้าจะถล่มลงมาอย่างไงอย่างงั้น
และในขณะที่มังกรสวรรค์กำลังโจมตีอีกฝ่ายนั้น อย่างไม่คาดคิด แส้ยาวที่ฟาดเข้ามาก็ได้พันธนาการมังกรสวรรค์ไหว ไม่ว่ามังกรสวรรค์ตนนี้จะดิ้นยังไง ก็ดิ้นไม่หลุด
“แส้กำราบมังกรอย่างงั้นเหรอ?” เริ่นจื่อโหรวพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ไม่รู้ว่าเจ้าไปเอาวิธีการโง่ๆ นี้มาจากไหน คิดว่าแค่ขยะชิ้นนี้จะกำราบข้าได้อย่างงั้นเหรอ?”
“องค์หญิง ท่านคิดง่ายไปแล้ว…..”
คนชุดดำภายใต้ผ้าคลุม เหมือนกับกำลังยิ้มชั่วร้ายออกมา
แส้ที่ทำการจับมังกรสวรรค์ได้นี้ ก็ได้เริ่มปลดปล่อยพลังงานสีดำออกมา พร้อมกับไหลซึมเข้าไปในร่างมังกรสวรรค์นี้อย่างรวดเร็ว ต้องการที่จะกัดกร่อนมังกรสวรรค์ตนนี้ ภายใต้การกัดกร่อน มังกรสวรรค์ก็ได้ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา กระทั่งใบหน้าของเริ่นจื่อโหรวก็ได้มีปื้นดำๆ ขึ้น
มังกรสวรรค์นี้ไม่ใช่พลังธรรมดา แต่เป็นพลังจากวิญญาณของเธอ พูดได้ว่ามันได้เชื่อมต่อกับเธอ นี่ไม่ใช่ร่างเงาจิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ดังนั้นหากถูกโจมตี เธอก็จะได้รับความเสียหายด้วยเหมือนกัน
“นี่คือผิดสังหารมังกร!” สีหน้าของเริ่นจื่อโหรวเปลี่ยนไป “อัครเสนาบดีหลงมองเจ้านี่ให้พวกเจ้าอย่างงั้นเหรอ!”
“ฮ่าๆ เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก วันนี้ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ต้องตามพวกเราไป ส่วนเรื่องในพระราชวังนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องยุ่งอีกแล้ว กลับไปกับพวกเราแต่โดยดีเถอะ” คนชุดดำพูดพร้อมหัวเราะออกมา
เมื่อถูกพิษสังหารมังกรเข้าไป เริ่นจื่อโหรวก็เริ่มอ่อนแอลง แต่เธอจะไม่สู้ก็ไม่ได้ ในมือของเธอจึงได้ปรากฏมีดมังกรเพื่อใช้โจมตีออกไป แต่ทันใดนั้น ก็ได้มีร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมา พร้อมกับทำการจัดการกับคนที่จับกุมมังกรสวรรค์ของเริ่นจื่อโหรวไว้ ร่างอีกฝ่ายถูกเหยียบติดพื้น กระทั่งเสียงร้องยังไม่ทันได้เปล่งออกมา ก็หมดลมหายใจไปเสียก่อน
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ทุกคนพากันตกใจ โดยไม่มีการบอกล่วงหน้า ก็มีคนถูกฆ่าไปซะแล้ว ทั้งยังเป็นการฆ่าอย่างง่ายดายด้วย แม้ว่าเพื่อนของเขาจะมีระดับไม่สูงนัก แต่ก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณขั้นสูงสุด กลับต้องมาถูกเหยียบตายใต้ฝ่าเท้านี้จริงๆ
“ใครกัน!” คนชุดดำตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล
“คนหลายคนกำลังรังแกน้องสาวของข้า ข้าที่เป็นพี่ชายจะไม่ออกมาได้ยังไง…..” อี้เทียนหยุนพูดออกมา แต่คำพูดนี้ของเขาก็ได้ทำให้ทุกคนพากันตกใจ
พี่ชายอย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าพี่ชายของเริ่นจื่อโหรวตายไปแล้วหรอกเหรอ?