CLS ตอนที่ 369: ถ้ำมังกรขด
อี้เทียนหยุนคิ้วขมวด การคาดเดาของเริ่นจื่อโหรวก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล การดูดกลืนแกนโลหิตของคนอื่นเพื่อเปลี่ยนให้เป็นของตัวเองใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าต้องเป็นแกนโลหิตของคนที่มีสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ได้เกิดจากท้องพ่อแม่เดียวกัน แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นญาติกัน
เพราะถึงยังไงก็ต้องกำจัดเริ่นจื่อโหรวอยู่แล้ว ดังนั้นการทำอย่างนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดา
“ถ้างั้น สมบัติลับเทียนหลงก็ยังคงอยู่ที่นี่อย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนถาม
“ใช่แล้ว สมบัติลับเทียนหลงยังคงอยู่ในเมืองหลวงนี้ แต่หากไม่มีสายเลือดมังกรสวรรค์ที่บริสุทธิ์ ก็ไม่สามารถเอามันไปได้ ใช่ว่าทุกคนจะสามารถควบคุมมันได้” เริ่นจื่อโหรวพูดอย่างจริงจัง “ถ้าพวกเขาสังหารพี่ใหญ่ไปแล้วจริงๆ ถ้างั้นพวกเขาก็น่าจะทำการดูดกลืนแกนโลหิตของพี่ใหญ่ไปด้วย เมื่อเป็นอย่างนั้น อัครเสนาบดีหลงก็น่าจะสามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้ แต่ตอนนี้พวกเขายังไม่ควบคุมมันไม่ได้ ก็หมายความว่าพี่ใหญ่อาจจะยังไม่ได้ หรือไม่พวกเขาก็ดูดกลืนแกนโลหิตของพี่ใหญ่ไปแล้ว แต่ว่าแกนโลหิตยังคงไม่บริสุทธิ์พอ”
ทำไมเริ่นจื่อโหรวจึงไม่เชื่อว่าพี่ชายของเธอจะตายในเขตอันตรายอย่างงั้นเหรอ ก็เพราะว่าเขตอันตรายแม้จะอันตรายสมชื่อ แต่พี่ชายของเธอก็ใช่ว่าจะมีพลังต่ำเสียเมื่อไหร่ หากสู้ไม่ได้ก็ยังสามารถหนีได้ เริ่นหลงที่ได้เป็นถึงจักรพรรดิ พลังของเขานั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ แล้วเขาจะมาตายง่ายๆ อย่างนี้ได้ยังไง?
แต่ที่สำคัญคือตอนนี้เริ่นจื่อโหรวนั้นไม่รู้ว่าสถานการณ์ในเขตอันตรายนั้นเป็นยังไง เธอเองไม่มีโอกาสได้ไปยังเขตอันตรายมากนัก อย่าว่าแต่พี่ชายของเธอเลย
“แล้วเจ้าได้ส่งคนไปสืบเรื่องในเขตอันตรายหรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนถาม
“ข้าส่งไปแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไร ถ้ำมังกรขดนั้น ส่วนลึกยังไม่ได้รับการสำรวจ หากผู้มีพลังที่ต่ำเกินไปเข้าไป ก็ไม่ต่างจากฆ่าตัวตาย” เริ่นจื่อโหรวส่ายหัว “ข้านั้นอยากจะไปสำรวจด้วยตัวเอง แต่ก็มีเรื่องมากมายให้จัดการ จำเป็นต้องหาใครสักคนมาช่วยข้าในเรื่องนี้”
“ถ้ำมังกรขดอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนตกใจ เขาจำได้ว่าตัวเองมีแผนที่สมบัติของถ้ำมังกรขดอยู่ในช่องเก็บไอเทม หรือว่าจะเป็นถ้ำมังกรขดนี้?
จากนั้นเขาก็เปิดแผนที่สมบัติของถ้ำมังกรขดในช่องเก็บไอเทมขึ้นมาดู หลังจากมองดูรายละเอียดของแผนที่ เขาก็รู้ว่ายากที่จะเข้าไปจริงๆ ยังไงก็ตาม เขาก็มีแผนที่นี้อยู่ ดังนั้นเรื่องทุกอย่างจึงง่ายขึ้นมาก
ก่อนหน้านี้เขายังไม่มีเวลาไปสำรวจ แต่ไม่คิดว่าตอนนี้เขาจะมีงานให้ต้องเข้าไปสำรวจถ้ำนี้ ดูจากแผนที่สมบัติมังกรขดนี้ หากว่าเขาไปตามเป้าหมายที่ระบุไว้ในแผนที่ เขาก็จะสามารถขุดสมบัติออกมาได้ แต่ว่าจะเป็นสมบัติอะไรนั้น เขาก็ยังบอกไม่ได้
มีคำอธิบายบอกไว้ว่าที่นี่นั้นอันตรายอย่างมาก อย่างน้อยต้องเป็นผู้ที่มีระดับก่อแกนวิญญาณขึ้นไปถึงจะสามารถไปได้ แต่ว่าเขาในตอนนี้อีกไม่นานก็จะทะลวงเข้าสู่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ได้แล้ว ดังนั้นคำอธิบายนี้จึงไม่มีผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย
“ใช่แล้ว ถ้ำมังกรขด มีข่าวลือเล่าว่าถ้ำมังกรขดนั้นมีเผ่ามังกรอาศัยอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงมีโครงกระดูกของเผ่ามังกร หรือแกนโลหิตของเผ่ามังกรอยู่ หากพบเจอสองสิ่งนี้เข้าล่ะก็ มันจะสามารถช่วยเพิ่มระดับให้กับตนได้” เริ่นจื่อโหรวพูดอย่างจริงจัง “แต่ว่านี่เป็นแค่เพียงข่าวลือเท่านั้น ตอนนี้แม้แต่กระดูกก็ยังไม่เห็น ไม่ต้องพูดถึงมังกรที่แท้จริงเลย แต่ใครจะรู้ว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะปรากฏสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างมากกลุ่มหนึ่งขึ้น ทั้งพวกมันยังถูกส่งออกมาจากที่นั่นเพื่อทำลายเมืองอยู่บ่อยครั้ง พี่ใหญ่จึงได้พาเหล่าขุนพลจำนวนหนึ่งไปที่นั่นเพื่อกำจัดสัตว์อสูร แต่ใครจะรู้ว่าไปแล้วเขาจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก……”
“คำอธิบายนี้ค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าเกิดว่านี่เป็นเพียงข่าวปลอมที่ต้องการให้ภายนอกรับรู้ล่ะ” อี้เทียนหยุนลังเล “แล้วพวกเราจะไปกันเมื่อไหร่ดี? หากว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่แน่ใจว่ามันจะปลอดภัยกว่าที่ถ้ำมังกรขด”
“หลังจากจัดการเรื่องบางอย่าง ข้าก็คิดจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญเพื่อไปที่นั่นอีกครั้ง แต่ในเมื่อตอนนี้มีท่านพี่อยู่ด้วย งั้นข้าก็จะไปกับท่านพี่สองคน ไม่จำเป็นต้องพาคนอื่นไปด้วยให้วุ่นวาย” เริ่นจื่อโหรวเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา “เราออกเดินทางกันพรุ่งนี้เลย เรื่องนี้ช้าไปคงไม่ดี…. ข้าหวังว่าพี่ใหญ่จะยังมีชีวิตอยู่”
“หากว่าเขาไม่ได้ตกลงไปในแผนการของอัครเสนาบดีหลง เขาจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน”
อี้เทียนหยุนไม่พูดสิ่งที่เขาคิดออกไป และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรพูด เริ่นหลงหายตัวไปหลายปีแล้ว ไม่ใช่หายตัวไปแค่ไม่กี่วัน โอกาสที่อีกฝ่ายจะยังมีชีวิตอยู่นั้นค่อนข้างต่ำ แน่นอนว่าก็ยังดีกว่าถูกอัครเสนาบดีหลงจับตัวไป อย่าว่าแต่หลายปีเลย แค่ไม่กี่วันก็คงถูกฆ่าตายแล้ว
“ใช่ หวังว่าจะไม่ตกอยู่มือของอัครเสนาบดีหลง…..” สายตาของเริ่นจื่อโหรวเผยให้เห็นถึงร่องรอยของความกังวล
หลังจากตกลงกันได้แล้ว เริ่นจื่อโหรวก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับแผนการที่จะออกไปจากที่นี่เพื่อไปยังถ้ำมังกรขดในวันพรุ่งนี้ ขณะเดียวกัน ศพของขุนพลหวังก็ได้ถูกนำไปแขวนที่ประตูเข้าเมือง พร้อมกับก่อให้เกิดความวุ่นวายที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
ไม่คิดว่าขุนพลผู้นี้จะเป็นกบฏ ต้องการลอบสังหารองค์หญิง ซึ่งการแขวนประจานเขาต่อหน้าสาธารณะชนครั้งนี้ ทำให้หลายคนพุ่งเป้าไปยังอัครเสนาบดีหลงในทันที เนื่องเพราะขุนพลหวังผู้นี้เป็นคนของอัครเสนาบดีหลง!
เรื่องนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพากันมาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม ขณะเดียวกัน ที่ด้านนอกก็มีการประกาศหลักฐานจำนวนมากออกไป แสดงให้เห็นว่าขุนพลหวังผู้นี้เป็นสายลับของอาณาจักรใต้พิภพ ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับอัครเสนาบดีหลง ถือเป็นการใส่ความกันอย่างถึงที่สุด
ผู้ฝึกตนในเมืองหลวงจำนวนมากหลังจากที่เห็นหลักฐานพวกนี้ ต่างก็พากันตาสว่างในทันใด ขุนพลหวังผู้นี้เป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพ ไม่แปลกที่จะลอบสังหารองค์หญิง ทั้งยังคิดโยนความผิดให้กับอัครเสนาบดีหลง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ทำให้ผู้คนพากันเดือดดาลในทันที ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วจะเป็นการกระทำของอาณาจักรใต้พิภพ
ทันใดนั้น ผู้คนก็พากันหันปลายหอกไปยังอาณาจักรใต้พิภพ ไม่มีใครคิดว่าอัครเสนาบดีหลงเป็นผู้ส่งมือสังหารผู้นี้ไป อัครเสนาบดีหลงเป็นพระปิตุลาขององค์หญิง ต่อให้อยากจะได้บัลลังก์ขนาดไหน เขาก็คงไม่คิดจะใช้วิธีลอบสังหารอย่างนี้หรอกจริงไหม
ขณะเดียวกัน ในห้องลับห้องหนึ่ง บรรยากาศข้างในก็ได้เงียบจนน่ากลัว
มีชายผู้หล่อเหลากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร พร้อมกับกำลังจิบชา ขณะที่สายตาของเขากำลังจับจ้องไปยังผู้คนที่กำลังคุกเข่าตัวสั่นอยู่กับพื้น พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่จริงจังว่า “พวกเจ้านี่ใช้ไม่ได้จริงๆ เกือบจะทำเรื่องสำคัญของข้าเสียไปแล้ว ถ้าเกิดเล็งเป้ามาที่ข้า ชื่อเสียงของข้าก็จะเสียหาย แล้วอย่างนี้ข้าจะได้อาณาจักรเทียนหลงมาครอบครองได้ยังไง?”
เขาก็คืออัครเสนาบดีหลง ชายผู้หลอกลวงผู้คน
“นะ นายท่าน เรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุ ใครจะไปคิดว่าระหว่างที่ลงมือจะมีพี่ชายอะไรนั่นโผล่ขึ้นมา แถมพลังของมันยังแข็งแกร่งมาก….. เพียงพริบตาก็ทำให้ขุนพลหวังต้องคุกเข่าโดยไร้ซึ่งแรงขัดขืน” ต้าเฉินที่อยู่บนพื้นพูดออกมาทั้งที่ตัวสั่น ไม่กล้าเงยหน้ามองชายตรงหน้า
“พี่ชาย? ช่างน่าขำจริงๆ เริ่นหลงตายอยู่ในถ้ำมังกรขดเรียบร้อยแล้ว จะไปมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ดูเหมือนเด็กหญิงนางนี้คงจะไปรู้จักผู้เชี่ยวชาญนี้ที่ไหนสักแห่ง ดังนั้นอีกฝ่ายจึงได้มาช่วยเธอ!” อัครเสนาบดีหลงพูดอย่างไม่แยแส “ไม่คิดว่าแผนการถ่วงเวลาที่ข้าใช้เวลาออกไปต้านทานอาณาจักรใต้พิภพและให้พวกเจ้าลงมือจะล้มเหลวไม่เป็นท่า ช่างเป็นพวกสวะที่ใช้การไม่ได้จริงๆ!”
ขณะที่พูด พัดใบตองที่อยู่ด้านหลัง(เหมือนพัดขององค์หญิงพัดเหล็ก) ก็ได้ส่งพลังวิญญาณออกมา ยิงเข้าใส่ผู้คนทั้งสามที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านหน้าจนกระเด็นไป ทำให้ใบหน้าของพวกเขาต้องซีดลงเป็นกองใหญ่
อัครเสนาบดีหลงไม่ได้ต้องการเมืองหลวง จะดีที่สุดหากสามารถจับเริ่นจื่อโหรวได้ แต่ว่าเริ่นจื่อโหรวอยู่ๆ ก็หายตัวไป ส่วนเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรใต้พิภพนั้น แน่นอนว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขา
“ใช่แล้ว เป็นพวกเราใช้การไม่ได้เอง….. ยังไงก็ตาม พวกเขาก็มีแผนการที่จะไปยังถ้ำมังกรขด นี่เป็นโอกาสทองพวกเรา!”
“หืม? พวกมันจะไปถ้ำมังกรขดอย่างงั้นเหรอ?” หลังจากอัครเสนาบดีหลงได้ฟังก็ตกใจ จากนั้นก็หัวเราะออกมาคราหนึ่ง ในสายตามีความเย็นเยียบเพิ่มขึ้นหลายส่วน “ข้าคิดว่าพวกมันจะเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในวังซะอีก ไม่คิดว่าจะเลือกทางตายแบบนี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ข้าก็ไม่จำเป็นต้องปรานีอีก…. งั้นก็หกมังกรไป ให้ลงมือจับพวกมันที่ทางผ่านช่องแคบ! ยังไงก็ตาม ครั้งนี้อย่าทำให้ข้าผิดหวัง ข้าต้องการคนตัวเป็นๆ เข้าใจไหม!”
“เข้าใจครับ!” พวกเขาต่างก็ขานรับเป็นเสียงเดียวกัน “ตราบเท่าที่ออกจากเมืองหลวง องค์หญิงก็ไม่มีความได้เปรียบแต่อย่างใด!”
“ใช่ ตราบเท่าที่ออกจากเมืองหลวง เธอย่อมไม่มีความได้เปรียบอะไรอีก…..” อัครเสนาบดีหลงหัวเราะเยาะ “การกลับมาหลังจากหายตัวไปหลายปี ตัวคนก็กลายเป็นโง่ลงกว่าเก่า…..”