CLS ตอนที่ 373: เขตอันตรายเทียนหลง
หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ต้องหยุดพักเล็กน้อยนั้น อี้เทียนหยุนก็ได้ออกเดินทางต่อ คราวนี้ไม่มีใครขวางทางเขา หกมังกรพี่น้องเฟิงเป็นมือสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดที่ถูกส่งมา เมื่อพวกเขาไม่สามารถจัดการกับเป้าหมายได้ ก็หมายความว่าเป้าหมายนั้นแข็งแกร่งเกินไป หากไม่ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้มา กลัวว่าคงไม่สามารถจัดการได้
เรื่องที่หกพี่น้องนี้ตายยังไม่แพร่ออกไปก่อนชั่วคราว เนื่องจากอี้เทียนหยุนได้ทำการทำลายศพและลบร่องรอยทิ้งไปแล้ว นอกจากจะผ่านไปหลายอาทิตย์ หรือกระทั่งหลายเดือน ฝั่งนั้นจึงจะรู้ว่าการลอบสังหารคราวนี้ล้มเหลว นอกจากจะส่งคนไล่ตามมาอีกกลุ่ม
ที่อี้เทียนหยุนต้องการคือผลลัพธ์นี้ เขาต้องการช่วงชิงเวลา กว่าที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว เขาคงเข้าไปเดินเล่นในถ้ำมังกรขดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนี่จะเป็นช่วงเวลาที่เริ่นจื่อโหรวปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องใช้สมบัติลับเทียนหลงอะไรนั่น
ถ้ำมังกรขดไม่ได้ห่างจากเมืองหลวงไกลนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็ถึง แต่ภายใต้ความเร็วในการบินของเขา ทำให้ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็มาถึงที่นั่นได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่ามีกลุ่มผู้ฝึกตนที่กำลังเดินทางไปยังเขตอันตรายเทียนหลงนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังมากไปด้วยผู้ฝึกตนอิสระ โดยที่ไม่คำนึงถึงความเสี่ยง ระดับของพวกเขาก็มีทั้งต่ำและสูง ที่ต่ำที่สุดมีพลังเพียงระดับปรับแต่งวิญญาณ นี่ช่างเป็นพวกไม่กลัวตายจริงๆ ส่วนพวกระดับสูงหน่อยก็มีพลังระดับก่อแกนวิญญาณ ส่วนระดับผันแปรวิญญาณนั้นยังไม่เห็น
“ที่นี่มีชีวิตชีวาอย่างมาก นี่คือเขตอันตรายเทียนหลงจริงๆ?” อี้เทียนหยุนส่ายหัว มองดูเหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลายที่เดินเข้าออก ราวกับกำลังมุงดูเรื่องสนุกอย่างไงอย่างงั้น
จากนั้นเขาก็เข้าไปอย่างรวดเร็ว เขาสามารถมองเห็นพื้นที่แห่งหนึ่งที่ไกลออกไปดูแล้วประหลาดมาก บนท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆดำ และถ้าหากดูดีๆ แล้วล่ะก็ จะเห็นว่ามีมังกรกำลังบินอยู่ นี่คือมังกรยักษ์ที่ปกคลุมทั่วพื้นที่ แค่มองก็รู้แล้วว่าใหญ่ขนาดไหน
แต่ในขณะที่เขากำลังจะบินเข้าไป ทันใดนั้นก็พลันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันขนาดใหญ่ที่ส่งมาจากพื้นที่นั้น ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ แรงกดดันที่เขาได้รับก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น แข็งแกร่งจนเขาไม่สามารถต้านทานได้ ทำให้ต้องลดระดับลงเรื่อยๆ และเมื่อเขาไปถึงตรงชายขอบ เขาก็สามารถบินได้สูงจากพื้นแค่สองเมตรเท่านั้น ไม่สามารถบินได้สูงไปกว่านี้ ราวกับเป็นเขตห้ามบินอย่างไงอย่างงั้น
แรงกดดันนี้ไม่ต่างอะไรไปจากกฎเลย
“เป็นแรงกดดันที่แข็งแกร่งมาก ขนาดข้ายังบินเหนือพื้นได้เพียงไม่กี่เมตร……”
นี่ยิ่งทำให้อี้เทียนหยุนอยากรู้เกี่ยวกับเขตอันตรายเทียนหลงมากขึ้นไปอีก พลังของเขานั้นไม่อ่อนแอ แต่เขากลับสามารถบินเหนือพื้นได้เพียง 1-2 เมตรเท่านั้น เขารู้สึกราวกับมีพลังที่หนักราวล้านจินกดทับอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถเพิ่มเพดานบินขึ้นไปได้ แต่ถ้าหากเขาลดเพดานบินลง แรงกดดันก็จะลดลงไปด้วย จนกระทั่งเขาลงไปเดินกับพื้น แรงกดดันที่เขาสัมผัสได้ก็เหลือเพียงไม่มีพันจินเท่านั้น แต่ถึงแรงกดดันจะเหลือเพียงเท่านี้ หากเป็นผู้ฝึกตนที่มีพลังระดับต่ำมากเข้ามา เพียงแค่เท้าเพิ่งจะสัมผัสพื้นชายขอบ ตัวเขาก็คงจะถูกแรงกดดันกดทับจนต้องหมอบราบกับพื้น
“ไม่เพียงแต่ระดับต้องมากพอเท่านั้น พลังต้องแข็งแกร่งด้วย ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางที่จะบินในน่านฟ้านี้ได้อย่างแน่นอน….” อี้เทียนหยุนสามารถฝืนบินต่อไปได้ แต่การกระทำนี้ก็เหมือนว่าจะไม่มีความหมายอะไร ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันระดับหลายแสนจิน หรือกระทั่ง 1 ล้านจิน การบินขึ้นไปในอากาศ ยิ่งบินสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้รับแรงกดดันมากเท่านั้น
เขามองขึ้นไปยังอากาศเบื้องบน จากนั้นก็ใช้ดวงตาประเมินวิเคราะห์ข้อมูลออกมา
เขตอันตรายเทียนหลง : ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยพลังมังกรสวรรค์ พลังนี้ปกคลุมทั่วพื้นที่เขตนี้ ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ยิ่งได้รับแรงกดดันมากเท่านั้น ไม่แนะนำให้ผู้ที่มีพลังต่ำกว่าระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 8 เข้ามา ไม่อย่างนั้น แม้กระทั่งเดินยังไม่สามารถทำได้
ยิ่งกว่านั้น เขายังสามารถเห็นบางตำแหน่งในอากาศที่มีแรงกดดันหลายแสนจิน ยิ่งเป็นตำแหน่งที่สูงที่สุด ไม่คิดว่าแรงกดดันที่เห็นจะมากถึง 100 ล้านจิน แล้วอย่างนี้ใครมันจะไปทนได้กัน?
ในตอนนี้เขาต้องแบกรับแรงกดดันแค่เกือบๆ พันจิน แต่หากระเบิดพลังทั้งหมดออกมา เขาสามารถบินได้สูงหลายสิบเมตร แต่การจะทำอย่างนั้นย่อมต้องเผาผลาญพลังวิญญาณไปมหาศาล ทั้งนี้ยังไม่ใช่การใช้พลังเพื่อหลบหนีหรือต่อสู้ แต่เป็นแค่พลังที่ใช้เพื่อบินเท่านั้น
จากนั้นเขาก็เลื่อนสายตามองมายังเขตอันตรายเทียนหลงอีกครั้ง ในนี้นอกจากสภาพแวดล้อมที่มืดครึ้มแล้ว ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง มันมีดอกไม้ ต้นไม้ ราวกับไม่ใช่พื้นที่อันตราย นอกจากแรงกดดันที่กดทับลงมาแล้ว อย่างอื่นแทบจะไม่มีอะไรพิเศษต่างไปจากพื้นที่อื่นๆ ทั่วไปเลย
ยังไงก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงพื้นที่ชั้นนอกเท่านั้น หากว่านี่ยังอันตราย แล้วใครกันจะกล้าเข้าไป
และเมื่อเขามองดู เขาก็เห็นผู้ฝึกตนระดับปรับแต่งวิญญาณหลายคนที่พากันเข้ามาที่นี่ พวกเขาไม่คิดจะออกไปด้านนอก แต่อาศัยอยู่ในนี้เพื่อเป็นพื้นที่ฝึกฝน เพราะแรงกดดันที่มีอยู่ที่นี่ ถือเป็นสถานที่ฝึกฝนชั้นยอดสำหรับพวกเขาเลยทีเดียว
อี้เทียนหยุนก็เคยคิดอยู่เหมือนกัน ที่แท้พวกเขาก็มาฝึกฝนกันนี่เอง แม้จะบอกว่าที่นี่อันตราย แต่ทำไมผู้ฝึกตนที่มีระดับต่ำถึงกล้ามา ไม่กลัวตายกันเลยหรือยังไง
หลังจากเขามองดูแล้ว ก็ทำการเดินเข้าไปด้านใน ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ เพียงปรายตามองเขา ไม่สนใจว่าเขาจะเข้าไปทำไม เพราะมักมีผู้ฝึกตนเข้าไปในนั้นบ่อยๆ แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะเตือนอะไร เพราะขึ้นชื่อว่าเขตอันตราย ด้านในย่อมไม่อาจเอาข้างนอกนี้ไปเปรียบได้
ระหว่างทางที่เข้ามา ผู้ฝึกตนที่เขาเห็นก็ลดจำนวนลงเรื่อยๆ ยิ่งเดินลึกเข้าไปข้างใน ก็ยิ่งมีคนน้อยลง ส่วนใหญ่ล้วนมากันเป็นกลุ่ม และแต่ละกลุ่มต่างก็มีผู้ที่มีพลังอย่างน้อยระดับผันแปรวิญญาณ ไม่ก็ระดับก่อแกนวิญญาณขึ้นไปเป็นผู้นำ
“ผู้น้อยมีชื่อว่าสวี่เฟย ไม่ทราบว่าสหายท่านนี้ต้องการเดินทางเข้าไปยังถ้ำมังกรขดด้วยกันหรือไม่?” ในตอนนี้เอง ทันใดนั้นก็ได้มีบางคนเดินเข้ามาถามเขา
อี้เทียนหยุนหันไปมอง และก็พบว่าผู้ที่พูดเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี ซึ่งมีพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 9 รูปลักษณ์ห่างไกลจากคำว่าหล่อเหลา แต่ก็ค่อนข้างดูดี ดูแล้วมีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เดินยิ้มเข้ามา
ส่วนกลุ่มที่ตามมาด้วยนั้น ชายที่หล่อเหลาที่สุดมีพลังระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 2 กำลังยืนอยู่ด้วยท่าทางอวดดีไม่ธรรมดา เมื่อเห็นว่าสหายของตนคิดจะหาคนอื่นเข้าร่วม บนหน้าก็พลันเผยท่าทางไม่พอใจขึ้นมาหลายส่วน
ที่อยู่ใกล้ๆ นั้น มีผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งที่ตัวติดกับเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นของเล่นของผู้ชายคนนั้น กำลังมองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยสีหน้าดูถูก
“พวกเจ้าก็จะไปถ้ำมังกรขดด้วย?” อี้เทียนหยุนถาม
“ใช่แล้ว ในนี้ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือถ้ำมังกรขด บางทีอาจจะโชคดีเจอกระดูกมังกรข้างในก็ได้!” สวี่เฟยถูมือพร้อมกับยิ้มออกมา
อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว เขาโคตรจะไม่อยากไปกับคนอื่น เพราะว่ามันไม่มีความหมาย ไปเองคนเดียวจึงจะเร็วที่สุด
“สหายท่านนี้อย่าได้ลังเลเลย ข้าคุ้นเคยกับที่นี่ ถ้าเดินมั่วๆ ไม่รู้ทางอาจจะหลงเข้าไปยังพื้นที่อันตราย หรือไม่ก็หลงทางอยู่ในนั้น ถ้าหากให้ข้านำทาง เพียงไม่นานท่านก็จะไปถึงถ้ำมังกรขดอย่างง่ายดาย!” สวี่เฟยถูมือ จากนั้นก็พูดพร้อมรอยยิ้มประจบว่า “แต่ว่าข้าต้องการเศษหินวิญญาณ 1,000 เพื่อพาท่านไปยังถ้ำมังกรขด ท่านว่ายังไง?”
ในที่สุดอี้เทียนหยุนก็เข้าใจ พูดไปพูดมา ที่แท้สวี่เฟยผู้นี้ก็คือผู้นำทางนี่เอง!
“ตกลง ตราบเท่าที่เจ้าพาข้าไปถึงถ้ำมังกรขดอย่างราบรื่น เศษหินวิญญาณ 1,000 ก้อนนี้จะเป็นของเจ้าในทันที” อี้เทียนหยุนตอบรับ เขาไม่อยากจะเสียเวลาด้านนอกนี้ ยิ่งไปถึงถ้ำมังกรขดเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี