CLS ตอนที่ 381: ประตูทั้งสี่
มีหินจำนวนมากระหว่างทาง บ้างก็เป็นแมลงหิน บ้างก็ไม่ใช่ แต่อันไหนจริงอันไหนปลอม นั้นยากจะตัดสิน แต่นี่ก็สำหรับผู้ฝึกตนทั่วไปเท่านั้น เพราะเพียงแค่อี้เทียนหยุนใช้ดวงตาประเมินดู เขาก็รู้ว่าจริงหรือไม่จริง
หากว่ามันโจมตีเข้ามา เขาก็แต่ตวัดกระบี่ในมือออกไป และก็ฉับ แยกออกเป็นสองส่วนโดยไม่มีความยากแม้แต่น้อย
ส่วนสวี่เฟยก็รับหน้าที่คอยเก็บซากศพอยู่ด้านหลังด้วยความตื่นเต้น เพราะว่านี่สำหรับเขาแล้วก็คือเงินทั้งนั้น! แมลงหินพวกนี้สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงยา หรือว่าวัตถุดิบสำหรับหลอมอาวุธ ได้โดยไม่มีปัญหา หากว่าขายออกไป ราคาของมันอย่างน้อยก็เท่ากับหลายพันหินวิญญาณ เทียบกันแล้วรายได้ยังมากกว่าทำหน้าที่ผู้นำทางเสียอีก
แน่นอนว่าในนี้อันตรายมาก หากไม่มีอี้เทียนหยุนนำทางล่ะก็ เขาย่อมไม่กล้าเข้ามายังที่แห่งนี้ แม้ว่าในสถานที่อันตรายจะมากไปด้วยสมบัติ แต่เขาก็ไม่กล้าเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยง
“พี่ใหญ่อี้ ข้ารู้สึกว่าหินด้านนั้นอันตราย อาจจะเป็นแมลงหินก็ได้….” สวี่เฟยอาจไม่สามารถช่วยเรื่องอื่นๆ ได้ แต่ก็ยังพอสามารถเอ่ยเตือนล่วงหน้าได้
แล้วก็จริง เพียงเดินเข้าไปต่อได้สองก้าว ก็ได้มีหินกลิ้งเข้ามา แต่ก็ถูกอี้เทียนหยุนผ่าออกเป็นสองเสี่ยง
“ดี ความสามารถด้านสัมผัสของเจ้าแข็งแกร่งมาก” อี้เทียนหยุนยิ้ม แม้ว่าสำหรับเขาแล้วจะไม่จำเป็น แต่ความสามารถในการแจ้งเตือนอันตรายของสวี่เฟยนี้ก็ดีจริงๆ ทำให้เขาสามารถลดความยุ่งยากลงมาได้ส่วนหนึ่ง
ก่อนหน้านี้เขาก็ชื่นชอบสวี่เฟยผู้นี้อยู่แล้ว แม้จะไม่รู้จักพื้นหลังของเขา แต่ตอนนี้เมื่อดูจากพื้นหลังของเขาแล้ว ก็ดูไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับอีกฝ่ายมา ทั้งท่าทางที่ซื่อตรงบวกกับความซื่อสัตย์ แม้ว่าด้านพรสวรรค์จะไม่ได้สูงส่งที่สุด แต่ว่าความสามารถที่สัมผัสได้ถึงอันตรายล่วงหน้านับว่ามีคุณค่าอย่างมาก
ตอนนี้วังเทียนหยุนต้องการพลังอำนาจจำนวนมาก ยิ่งมีผู้เชี่ยวชาญมากเท่าไหร่ยิ่งดี แล้วยิ่งบุคคลที่มีพรสวรรค์ด้านบัญชาการยิ่งน้อยไปกันใหญ่ หากว่าได้มาเป็นพวกด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก
ยังไงก็ตาม เขาก็ยังไม่ได้เอ่ยปากชวน ทั้งหมดนี้ยังจำเป็นต้องดูกันไปจนถึงที่สุดก่อน แม้ว่าดวงตาประเมินจะทำให้สามารถมองเห็นอะไรหลายๆ อย่าง แต่ว่าก็ไม่สามารถมองเห็นจิตใจของผู้คนได้ ส่วนค่าความชอบแม้จะช่วยให้เขาสามารถตัดสินใจได้ แต่สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในทันที จึงไม่สามารถเอามารวมกันได้
“ชมเกินไปแล้ว ข้าก็แค่บังเอิญเท่านั้น” สวี่เฟยเอามือลูบหัวด้วยคามอาย
จากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เผชิญกับความยากอะไรอีก พากันเดินผ่านเส้นทางนี้ไปได้อย่างง่ายดาย ตลอดเส้นทาง ล้วนแต่ไม่พบอันตรายอะไร ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี รอจนกระทั่งพวกเขาเดินไปจนสุดเส้นทาง ที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขาก็คือประตูสี่บาน ประตูทั้งสี่บานนี้ ล้วนแต่มีขนาดที่ต่างกัน
ไล่ตั้งแต่ด้านซ้าย ประตูก็ค่อยๆ เล็กลง บนนั้นมีตัวอักษรแถวหนึ่ง
ระดับมนุษย์, ระดับปฐพี, ระดับสวรรค์!
ที่แยกเป็นสามความยากนี้ แน่นอนว่าระดับสวรรค์ต้องเป็นระดับที่ยากที่สุด ยังไงก็ตาม ก็ยังมีประตูบานหนึ่งซึ่งเป็นบานที่เล็กที่สุด เพียงพอให้คนเดินเข้าไปได้คนเดียวเท่านั้น ซึ่งบนนั้นไม่มีเครื่องหมายอะไรอยู่ แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าประตูบานนี้เป็นบานที่อันตรายที่สุด
ส่วนประตูที่เหลืออีกสามบานก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ระดับสวรรค์แน่นอนว่าย่อมไม่ธรรมดา เพียงแต่บนประตูที่ไม่มีเครื่องหมายอะไรกลับให้ความรู้สึกที่อันตรายกว่า ประตูที่เหลืออีกสามบานนี้ใหญ่มาก มากพอที่จะให้มังกรขนาดยักษ์ผ่านเข้าไป มีเพียงประตูบานเล็กบานนั้นเท่านั้นที่ดูงดงามและไม่บอกระดับ
ในนี้มีผู้ฝึกตนอยู่หลายคน เส้นทางที่อี้เทียนหยุนเลือก เป็นเพียงเส้นทางเดียวที่ถูกต้อง จากเส้นทางนับไม่ถ้วน หลังจากที่ผ่านการลองผิดลองถูกมา ทำให้หลายคนรู้ว่าเส้นทางไหนคือเส้นทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าหากเข้ามาเป็นครั้งแรก ความยากของมันนับว่ามหาศาล
ยังไงก็ตาม เส้นทางที่อี้เทียนหยุนเลือกนั้น ไม่จำเป็นต้องเดินไกลมาก เพียงแค่ต้องฝ่าพายุไม่กี่ลูกเท่านั้น
“มีความยากด้วยกันสี่ระดับ….” อี้เทียนหยุนมองไปยังที่แห่งนั้นพร้อมกับในใจก็ผุดความคิดขึ้น
“ใช่แล้ว ได้ยินว่าที่นี่มีความยากด้วยกันสี่ระดับ แต่ละระดับก็ให้รางวัลแตกต่างกัน และบานที่ยากที่สุดคือบานที่ผ่านเข้าไปได้คนเดียว ได้ยินว่ายังไม่เคยมีใครที่เข้าไปแล้วออกมาได้” สวี่เฟยตอบคำถามอยู่ด้านข้าง
ก่อนหน้าที่นี่ อี้เทียนหยุนก็รู้จักที่นี่อยู่ก่อนแล้ว แต่ละด่านที่นี่เขาล้วนรู้จัก เพราะบนแผนที่สมบัติมังกรขดที่เขาครอบครองได้มีการบอกถึงเส้นทางเขาวงกตนี้ด้วย นี่เป็นเพียงแค่เส้นทางหนึ่งเท่านั้น ส่วนเส้นทางที่แท้จริงนั้นอยู่ด้านใน
“เจ้าจะเข้าไปไหม?” อี้เทียนหยุนถาม
“เข้าไปสิ ทำไมจะไม่เข้าไปล่ะ!” สวี่เฟยเลียปาก “มาถึงนี่แล้ว หากไม่เข้าไป แล้วจะเข้ามาที่นี่ทำไม?”
หากจากจะแข็งแกร่งขึ้นก็จำเป็นต้องเสี่ยง ต้องมองหาโอกาสให้ตัวเอง ไม่อย่างนั้น หากจะให้ตัวเองเอาแต่ฝึกเองลุ่มๆ ดอนๆ นั่นคงจะเป็นเรื่องที่ยากมาก
“ประตูบานไหนที่เจ้าเลือก?” อี้เทียนหยุนถาม
“ระดับปฐพี ข้ารู้สึกว่าระดับปฐพีคือขีดจำกัด ส่วนระดับสวรรค์ยากเกินไป ไม่ต้องไปคิดเลย” สวี่เฟยรู้จักขีดจำกัดของตนดี ดังนั้นจึงไม่กล้าเลือกระดับที่สูงนัก หากว่าเลือกระดับที่สูงเกินตัว นั่นไม่เท่ากับพาตัวเองเข้าไปตายหรอกเหรอ
“ระดับปฐพี” อี้เทียนหยุนพยักหน้า เขาคิดว่าสวี่เฟยเหมาะกับระดับปฐพีนี้ เพราะว่ายิ่งระดับสูง อันตรายก็จะยิ่งมาก
“แล้วพี่ใหญ่อี้ล่ะ ท่านจะเลือกประตูไหน?” สวี่เฟยถาม
“ข้า…..”
ขณะที่อี้เทียนหยุนกำลังจะตอบนั้น ก็พลันมีน้ำเสียงที่ไม่น่าฟังลอยมาจากใกล้ๆ
“นี่ไม่ใช่สวี่เฟยหรอกเหรอ ไม่คิดว่าน้ำหน้าอย่างเจ้าจะสามารถเข้ามาที่นี่ได้ด้วย ถือว่าใจกล้าไม่เบา” เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินมาหยุดตรงหน้าพวกเขา พร้อมกับมองมาทางพวกเขาอย่างเหยียดๆ
“หวังเมิ่งหลง!” น้ำเสียงสวี่เฟยดิ่งลง
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่สนใจที่จะพูดกับเจ้าหรอก” หวังเมิ่งหลงมองมา ในสายตามากไปด้วยความชื่นชม
และยังมีหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่งกำลังยืนจ้องประตูทั้งสี่อยู่ตรงกลาง จากนั้นก็หลับตาลง หญิงสาวผู้งดงามคนนี้เป็นที่ดึงดูดสายตาของคนจำนวนมาก ในสายตาของแต่ละคนต่างก็เต็มไปด้วยความชื่นชม
อี้เทียนหยุนทำการมองสำรวจสาวงามนางนี้ ระดับของเธอไม่ต่ำเลย มีพลังระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 9 เทียบได้กับเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายเลยทีเดียว นอกจากหญิงงามนางนี้แล้ว ผู้ที่มีระดับสูงที่สุดก็คือหวังเมิ่งหลงผู้นี้ เขามีพลังระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 7
แน่นอนว่านอกจากพวกเขาแล้วยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณอยู่ แต่ว่านี่ตัดสินจากอายุ ดูจากพรสวรรค์ ส่วนพวกระดับผันแปรวิญญาณนั้น ล้วนแต่เป็นคนคุ้มกัน คอยทำหน้าที่ปกป้องพวกเขา เทียบกันด้านพรสวรรค์แล้ว ถือว่าต่ำกว่า
แน่นอนว่าระดับผันแปรวิญญาณนั้นแข็งแกร่งมาก แต่สำหรับอัจฉริยะอายุเยาว์ทั้งสองคนนี้ ระดับผันแปรวิญญาณไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่สำหรับพวกเขาแล้วนี่คือจุดสิ้นสุด
“ไม่คิดว่าฮัวซีอิ่งจะมาด้วย…..” สวี่เฟยมองไปที่หญิงงามนางนั้นพร้อมกับอุทานออกมา “ไม่เสียทีที่เป็นถึงองค์หญิงเทียนหนี่องค์ถัดไป ยังเยาว์แต่ก็มีพลังถึงระดับนี้แล้ว การมาในครั้งนี้ บางทีอาจจะมาเพื่อช่วยองค์หญิงตามหาจักรพรรดิเริ่น ฮัวซีอิ่งอยู่ฝั่งเดียวกับองค์หญิง”
อี้เทียนหยุนเหลือบมองคราหนึ่ง จากนั้นก็ไม่สนใจอะไรเธออีก เพราะว่าเธอไม่มีอะไรให้สนใจ
จากนั้นเขาก็เลื่อนความสนใจให้กับประตูทั้งสี่ด้านหน้า ตำนานอยู่ในนั้น ยิ่งระดับสูงยิ่งยาก รางวัลก็จะยิ่งมาก ส่วนที่ว่ารางวัลจะเป็นอะไรนั้น ขึ้นอยู่กับโชค
ในประตูทั้งสี่บานนี้ นากจากประตูที่ไม่บอกอะไรแล้ว ประตูอื่นๆ อีกสามบานล้วนแต่มีคนเคยผ่านแล้ว ระดับสวรรค์ที่มีความยากมากก็เคยมีคนผ่านได้สำเร็จ เหลือก็แต่ประตูบานนั้น
“น่าสนใจ ไม่มีคนเคยผ่านอย่างงั้นเหรอ….”
ในใจเขาตอนนี้ รู้แล้วว่าต้องเลือกประตูบานไหน