CLS ตอนที่ 385: ประตูเปิด!
ภายใต้แรงดูดที่น่าสะพรึง ทำให้พลังวิญญาณถูกดึงออกมาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นค่าประสบการณ์หลอมเข้าไปในร่างของอี้เทียนหยุน แม้ว่าค่าประสบการณ์ที่ได้จะมาก แต่โดยรวมแล้วก็ยังน้อยไปอยู่ดี นอกเสียจากจะเปิดใช้งานโหมดคลั่ง ไม่อย่างนั้นค่าประสบการณ์แค่นี้ไม่พอที่จะทำให้เขาในตอนนี้เลื่อนขึ้นได้สักระดับ
อี้เทียนหยุนแน่นอนว่าไม่ได้ต้องการค่าประสบการณ์ แต่ต้องการดึงเอาพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์ออกมา หากเป็นร่างกายที่ตายแล้วไม่สามารถทำอย่างนี้ได้ เพราะพลังวิญญาณจะอ่อนแอลงขั้นใหญ่ กลายเป็นเปราะเกินกว่าที่จะรับแรงดูดไหว
เขาไม่ได้เสียเวลาดูดกลืนพลังวิญญาณนานนัก ร่างของหยวนชิงหลงก็กลายเป็นลำแสงพร้อมกับหายไป ก่อนที่จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง โดยที่ไม่มีอะไรต่างไปจากก่อนหน้า ไม่มีอาการบาดเจ็บ จากสภาพร่างกายที่ปางตาย เพียงพริบตาก็สามารถฟื้นกลับมาเป็นดั่งเดิมได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่การที่จะทำอย่างนี้ได้ ที่นี่จำเป็นต้องมีพลังวิญญาณเพียงพอ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถฟื้นสภาพกลับมาได้เร็วขนาดนี้ มีเพียงแต่ต้องทำลายค่ายกลของที่นี่ ไม่อย่างนั้น หยวนชิงหลงก็จะไม่มีทางตาย ต่อให้โจมตีจนร่างอีกฝ่ายแหลกเป็นชิ้นๆ เขาก็จะยังคงสามารถกลับคืนสภาพเดิมได้ หากอีกฝ่ายถูกจัดการจนสลายไป ก็ไม่เท่ากับว่าด่านทดสอบด่านนี้ต้องจบสิ้นลงไปด้วยหรอกเหรอ แล้วอย่างนี้ผู้ที่เข้ามาทดสอบทีหลังก็ไม่มีคู่ต่อสู้ให้สู้ด้วยน่ะสิ
“ยินดีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว” ดวงตาของหยวนชิงหลงเต็มไปด้วยความตกใจ “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ถึงกับแข็งแกร่งกว่าข้าไปอีกขั้นหนึ่ง ขนาดผู้ฝึกตนสองคนที่ผ่านการทดสอบไปก่อนหน้า ยังไม่สามารถบดขยี้ข้าได้อย่างเจ้า พวกเขาเพียงแค่ฉวยโอกาสผ่านด่านไป แต่ว่าเจ้ากลับใช้พลังสะกดข้าโดยตรง ความต่างนี้มันเหนือกว่าทั่วไปมาก”
เมื่อได้ยินว่าตัวเองผ่านแล้ว อี้เทียนหยุนก็พลันมีรอยยิ้มขึ้นมา โชคดีที่ผ่าน ถ้าให้สังหารอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าต้องสังหารไปจนถึงเมื่อไหร่ เพราะที่นี่ค่อนข้างพิเศษ เขาไม่สามารถทำลายค่ายกลของที่นี่ได้ง่ายนัก ถ้าต้องให้เขาสังหารหยวนชิงหลงจนสิ้นซากถึงจะผ่าน ความยากของมันต้องถือว่ามหาศาล
“ข้าผ่านแล้วอย่างงั้นเหรอ? ข้าคิดว่าต้องต่อสู้กับเจ้าต่อเสียอีก” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อเจ้าจัดการข้าได้ ก็ถือว่าเจ้าผ่านแล้ว แม้ว่าร่างกายของข้าจะไม่สามารถตายได้ แต่ข้าก็มีสิทธิ์ตัดสินใจเช่นกัน การโจมตีไม่กี่กระบวนท่าของเจ้าเมื่อสักครู่ ถ้าหากว่าข้าไม่มีร่างกายที่ไม่สามารถตายได้นี้ ข้าคงจะถูกเจ้าจัดการไปแล้ว” หยวนชิงหลงพูดด้วยรอยยิ้ม
คำพูดของเขาถือว่าถูกต้อง จากพลังโจมตีเมื่อสักครู่ ต่อให้เป็นมังกรเขียวที่แท้จริง ก็ต้องถูกจัดการจนร่างแหลกไปอยู่ดี
“ผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าทำไมที่นี่ถึงต่างจากที่อื่น? ที่นี่มีประตูด้วยกันสี่บาน แต่มีเพียงประตูนี้เท่านั้นที่แตกต่าง ทั้งยังเล็กกว่าประตูอีกสามบานที่เหลืออย่างมาก” อี้เทียนหยุนถามขึ้นอย่างสงสัย
“ขอโทษที เรื่องนี้ข้าไม่สามารถตอบเจ้าได้ นี่ไม่ใช่หน้าที่ของข้า หน้าที่ของข้าคือทำการทดสอบ ส่วนเรื่องอื่นข้าไม่สามารถตอบได้” หยวนชิงหลงเดินหลบไปด้านข้าง จากนั้นพื้นที่ตรงหน้าก็ปรากฏถนนที่ปูด้วยหินลาดยาวออกไป พร้อมกับที่ปลายทางปรากฏประตูขึ้น “เจ้าในตอนนี้ผ่านการทดสอบแล้ว ถึงเวลาต้องไปจากที่นี่แล้ว ไปรับเอาความรุ่งโรจน์ของเจ้า”
ที่หยวนชิงหลงไม่สามารถตอบคำถามของตนได้ นี่เป็นเรื่องที่อี้เทียนหยุนคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว บางคำตอบต้องการความทรงจำจำนวนมาก แต่ว่าหยวนชิงหลงในตอนนี้มีความทรงจำอยู่เพียงน้อยนิด ทั้งยังไม่มีทางที่จะฟื้นความทรงจำได้อีก
ดังนั้น นี่จึงเป็นร่างที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ไม่มีทางเปลี่ยนไปจากนี้ได้ตลอดกาล แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเพิ่มพูนความทรงจำต่อจากนี้ได้ แต่ความทรงจำแต่เก่าก่อนก็ไม่มีหนทางฟื้นคืน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตอบคำถามพวกนั้นได้
อี้เทียนหยุนพยักหน้า แล้วก็ไม่ถามต่อ เพราะต่อให้ถามไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
หลังจากนั้นเขาก็ยกเท้าเดินไปข้างหน้า ตรงไปยังทางออก ซึ่งไม่รู้ว่าไอ้ความรุ่งโรจน์ที่ว่านั้นคืออะไร
ในขณะเดียวกันที่ประตูด้านนอก ก็ได้มีคนกลับออกมาจากประตูได้สำเร็จ
“ฟู่ ในที่สุดก็ออกมาได้สักที ขนาดระดับปฐพียังยากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าระดับสวรรค์จะยากขนาดไหน แล้วยังประตูไร้ชื่อนั่นอีก?” สวี่เฟยถอนหายใจออกมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ดูแล้วค่อนข้างหนัก เห็นได้ชัดว่าเขาต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่หนักหน่วงมา
ยังไงก็ตาม ถึงจะมีสภาพอย่างนั้น อย่างน้อยเขาก็ผ่านออกมาได้โดยที่ไม่ตาย และเมื่อเขาเพิ่งจะออกมาพักได้ไม่ทันไร ตรงประตูระดับสวรรค์ก็ได้เปิดขึ้น พร้อมกับมีร่างก้าวออกมา ซึ่งร่างนั้นก็คือฮัวซีอิ่ง สีหน้าของเธอดูแล้วซีดเซียวอย่างมาก มองแทบไม่เห็นสีเลือดเลย
ร่างกายภายนอกดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่กลับกัน เธอได้รับบาดเจ็บภายใน ทั้งยังเป็นอาการบาดเจ็บที่ค่อนข้างหนักอีกด้วย สีหน้าของเธอหากเทียบกับก่อนเข้าไป ซีดกว่ากันมาก
แต่ยังไงแล้ว เวลาที่ใช้ก็เร็วมากจริงๆ ทั้งยังเป็นประตูความยากระดับสวรรค์ด้วย ขนาดหวังเมิ่งหลงที่เข้าไปก่อนสวี่เฟยยังไม่ออกมา แล้วในขณะที่สวี่เฟยซึ่งเข้าไปในประตูความยากระดับปฐพีเพิ่งจะออกมาได้ไม่นานในสภาพสาหัส เธอก็ออกมาจากประตูความยากระดับสวรรค์แล้ว
“ไม่เสียทีที่ได้รับการขนานนามว่าอัจฉริยะ ผ่านได้เร็วจริงๆ” สวี่เฟยที่นั่งฟื้นกำลังอยู่ใกล้ๆ คิดขึ้น
ฮัวซีอิ่งก็กำลังนั่งฟื้นกำลังอยู่ไม่ไกลเช่นกัน ตราบเท่าที่ผ่านการทดสอบของที่นี่ ก็จำเป็นต้องนั่งฟื้นกำลัง เห็นได้ชัดถึงการสูญเสียพละกำลังในการผ่านด่าน
จากนั้นสักพัก หวังเมิ่งหลงก็พุ่งออกมาจากด้านในด้วยสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผล ดูแล้วท่าทางสาหัสอย่างมาก ตามตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลอาบจนลงไปถึงเท้า แต่ก็ดีที่อย่างน้อยยังรอดออกมาได้
เมื่อเห็นฮัวซีอิ่งที่กำลังนั่งฟื้นกำลังอยู่ตรงหน้า เขาก็พลันแสดงสีหน้าตกใจออกมา เขาเข้าไปก่อนฮัวซีอิ่งด้วยซ้ำ แต่ไม่คิดว่าเธอจะออกมาก่อนเขาก้าวหนึ่ง ตอนนี้ถือว่าเขาเสียหน้าแล้ว ยิ่งกว่านั้น บนร่างยังเต็มไปด้วยบาดแผล ดูแล้วน่าสังเวชอย่างมาก
หวังเมิ่งหลงไม่พูดอะไร เดินไปนั่งฟื้นกำลังอยู่ใกล้ๆ ไม่มีใครเข้าไปรบกวนเขา คนที่สามารถผ่านการทดสอบจากประตูความยากระดับสวรรค์นั้น ใครกันจะไปกล้าหาเรื่อง?
ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งฟื้นกำลัง ก็ได้มีผู้คน 66 คนออกมาจากประตูระดับมนุษย์และปฐพีติดๆ กัน แต่ก็มีบางคนที่ไม่สามารถออกมาได้
“คุณหนู เสี่ยวหยวน เธอ” ผู้คุ้มกันหญิงของฮัวซีอิ่งกัดริมฝีปากแน่น พร้อมกับเบ้าตาที่แดงก่ำ
มีเพียงเธอที่ออกมา แต่สหายของเธอไม่ออกมาด้วย มีความเป็นไปได้เดียวก็คือ เธอตายอยู่ในนั้น นี่ตัดสินจากช่วงเวลาในการผ่านด่าน ซึ่งรวบรวมมาจากการผ่านด่านจำนวนหลายครั้ง หากยืดเวลาไปจนพวกที่ออกมาฟื้นอาการบาดเจ็บจนหายดี ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่สามารถออกมาจากด้านในได้ คงตายอยู่ในนั้น
“เฮ้อ จากความแข็งแกร่งของเธอหากไม่สามารถออกมาได้ คงเป็นเพราะความประมาท” ฮัวซีอิ่งถอนหายใจออกมา
นี่ไม่ใช่เรื่องที่หายาก คนที่เข้าไปยังด่านทดสอบจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับความตายที่เข้ามาอยู่เสมอ เข้าไปแล้วหากไม่ผ่านก็คือตาย ไม่มีทางเลือกอื่น กับสถานที่อันโหดร้ายอย่างถ้ำมังกรขดนี้ หลายคนมาเพื่อสมบัติ บ้างก็เพื่อเพิ่มระดับของตน
หากไม่คิดที่จะเสี่ยง ก็ไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
และในขณะที่คนส่วนใหญ่ฟื้นตัวแล้วเสร็จ พร้อมที่จะเดินทางต่อ สวี่เฟยยังคงนั่งอยู่ด้านหน้าประตูไร้ชื่อ รอคอยการปรากฏตัวของอี้เทียนหยุน
“เจ้าโง่ มันไม่ออกมาแล้ว ขนาดประตูความยากระดับสวรรค์ยังยากขนาดนั้น มันไม่มีทางผ่านออกมาได้หรอก!” หวังเมิ่งหลงพูดอย่างดูถูก
หลังจากผ่านออกมาได้ เขาก็รู้ว่าความยากของมันนั้นน่าสะพรึงแค่ไหน ไม่มีใครกล้าเข้าไปยังประตูบานสุดท้ายหรอก
สวี่เฟยยังคงนิ่ง นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไร สายตาของเขายังคงจับจ้องไปยังประตูบานนั้น รอคอยอย่างสงบตามที่ได้ตกลงไว้
“เจ้าโง่ เจ้ามันโง่ รออยู่ที่นี่จนตายเถอะ พวกข้าต้องไปก่อนล่ะ” หวังเมิ่งหลงหัวเราะเยาะ พร้อมกับเตรียมตัวออกไปจากที่นี่
ฮัวซีอิ่งส่ายหัว แต่ก็ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย ตัวเองรนหาที่ตายเอง จะโทษคนอื่นก็ไม่ได้ ใครใช้ให้เขารักหน้าตามากกว่าชีวิตกันล่ะ
และในขณะที่พวกเขากำลังจะจากไปนั้น ประตูบานที่เล็กที่สุดก็พลันเปิดออกอย่างไม่คาดคิด!