CLS ตอนที่ 393: จักรพรรดิเริ่น!
อี้เทียนหยุนไม่สนใจว่าฐานะของหวังเมิ่งหลงผู้นี้จะเป็นอะไร กล้าคิดจะค้นตัวเขา ถ้างั้นมันก็จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมา! หวังเมิ่งหลงคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมาก หากเทียบกับอี้เทียนหยุนแล้วตัวเองต้องแข็งแกร่งกว่า หากว่าตัวเขาเลือกประตูบานที่สี่ ตัวเขาเองก็ย่อมที่จะสามารถผ่านมันออกมาได้สำเร็จเช่นกัน
ตอนนี้เห็นได้ชัดแล้ว่าหวังเมิ่งหลงผู้นี้ถูกจัดการโดยสมบูรณ์ จนไม่มีแรงแม้แต่จะโต้กลับ
หากเทียบกับคนพวกนี้แล้ว อี้เทียนหยุนถือว่าอยู่คนละระดับเลยทีเดียว เพียงแต่เขาไม่คิดที่จะรังแกพวกมดปลวกที่อ่อนแอ แต่กลายเป็นว่ากลับมีคนตาบอด คิดจะลงมือกับเขา ดังนั้นจึงทำให้เขารู้สึกช่วยไม่ได้อย่างมาก
“แขน แขนของข้าหักแล้ว…..”
หวังเมิ่งหลงกรีดร้องออกมา ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้เขาต้องหลั่งเหงื่อ แต่สีหน้าของเขากลับดูเหมือนไม่ยอมแพ้
“ข้า ตระกูลหวังของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป ข้าจะให้พ่อของข้าทำลายล้างโคตรของเจ้า ฆ่าล้างเจ้าเก้าชั่วโคตร!” หวังเมิ่งหลงถูกจัดการจนมีสภาพอย่างนี้ยังไม่วายที่จะลากเอาพ่อของตนมาขู่
“ตระกูลหวัง? ตระกูลหวังที่เจ้าพูดถึง คงจะหมายถึงแม่ทัพหวังเทียนอย่างงั้นสินะ?” เริ่นหลงที่อยู่ใกล้ๆ มองมาที่เขาพร้อมกับขมวดคิ้วถาม
“ฮ่าๆๆ…. ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้จักพ่อของข้าสินะ ใช่แล้ว! แม่ทัพหวังเทียนคือพ่อของข้า เขาเป็นแม่ทัพภายใต้อำนาจอัครเสนาบดีหลง พวกเจ้าตายแน่!” หวังเมิ่งหลงหัวเราะ แต่เพิ่งจะเปล่งเสียงออกมาได้ไม่เท่าไหร่ แขนข้างที่หักก็ถูกดึงอีกครั้ง ทำให้เขาต้องหลั่งเหงื่อออกมาจนเปียกซ่ก
แม่ทัพหวังผู้นี้ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่แม่ทัพหวังที่อี้เทียนหยุนสังหารไปเมื่อก่อนหน้า คนแซ่หวังมีอยู่มากมาย ดังนั้นจึงไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแซ่หวังของหวังเมิ่งหลงเท่านั้น ถ้าพ่อของเขาถูกสังหาร อย่างงั้นเขาคงไม่เสียใจจนตายหรอกเหรอ
โดยเฉพาะศพนั้นยังถูกแขวนประจานต่อหน้าสาธารณชน ถือเป็นความอับอายอย่างยิ่ง ยิ่งกว่านั้น หวังเมิ่งหลงย่อมไม่สามารถหนีไปจากความรับผิดชอบได้ คงจะถูกจับไปประหารเก้าชั่วโคตรแล้ว
“เป็นแม่ทัพหวังจริงๆ ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าใครจะกล้าสังหารน้องชายอี้เก้าชั่วโคตร!” เริ่นหลงพูดอย่างดูถูก “อย่าว่าแต่แม่ทัพหวังเลย ต่อให้เป็นอัครเสนาบดีหลงยังไม่กล้า!”
“พูดจาใหญ่โตนัก คิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิหรือไง?” หวังเมิ่งหลงพูดดูถูก “ข้าว่าเจ้าปล่อยข้าไปดีๆ ดีกว่า จากนั้นก็คุกเข่าขอโทษต่อหน้าข้า พร้อมกับส่งสมบัติทั้งหมดออกมา ไม่อย่างนั้น พ่อของข้าจะต้องฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน!”
คิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิหรือไง?
หลังจากได้ยินคำนี้ ก็ทำให้อี้เทียนหยุนต้องทำสีหน้าแปลกๆ ปัจจุบันนี้เริ่นหลงก็เป็นจักรพรรดิจริงๆ นั่นล่ะ ตราบเท่าที่เขากลับไป เขาก็จะกลับคืนสู่ตำแหน่งจักรพรรดิดุจเดิม
และในตอนนี้เองที่ฮัวซีอิ่งเพิ่งจะเดินออกมา เธอเพิ่งได้รับสมบัติกลับมา ถ้าเธอออกมาก่อนหน้านี้ หวังเมิ่งหลงคงไม่พุ่งไปหาเรื่องสวี่เฟยอย่างนี้หรอก เขาย่อมไม่ทำเรื่องเสื่อมเสียต่อหน้าสาวงาม ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเขา
หลังจากฮัวซีอิ่งออกมาแล้ว เมื่อเธอได้เห็นอี้เทียนหยุนและเริ่นหลง ก็พลันตกตะลึงในทันที หลังจากได้สติ เธอก็เดินมาถึงข้างกายเริ่นหลง หลังจากมองสำรวจตั้งแต่บนจรดล่างอยู่เป็นนาที เธอก็พลันพูดขึ้นมาด้วยท่าทางตกตะลึงว่า “องค์จักรพรรดิเริ่น?”
หลายคนไม่เคยเห็นจักรพรรดิเริ่นตัวเป็นๆ มาก่อน อย่างมากก็เห็นผ่านภาพวาดที่มีประกาศออกไป แม้ว่าจะจำได้ แต่จักรพรรดิในตอนนี้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก ดังนั้นคนที่เคยเห็นผ่านภาพวาดจึงไม่สามารถจำได้ในเวลาอันสั้น นอกจากจะเคยพบตัวเป็นๆ มาก่อน ถึงจะจำได้อย่างรวดเร็ว
ฮํวซีอิ่งนั้นเคยเจอกับจักรพรรดิเริ่นมาก่อน ดังนั้นจึงจำได้ว่าชายตรงหน้านี้คือจักรพรรดิเริ่น!
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา ก็ทำให้หลายคนพากันตกใจ พร้อมกับจับจ้องมาทางเริ่นหลงเป็นตาเดียว และหลังจากนั้น สายตาของทุกคนก็พลันเผยความตกตะลึงออกมา บางคนกระทั่งรีบหยิบเอาภาพวาดออกมาเทียบ หลังจากมองสลับไปมาอยู่หลายครั้ง ก็พลันตะโกนออกมาว่า “ตัวจริง เป็นองค์จักรพรรดิตัวจริง!”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้….. ชายคนนี้คือองค์จักรพรรดิเริ่นตัวจริงอย่างงั้นเหรอ?” หวังเมิ่งหลงตกใจ จนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แขนแล้ว แต่กับเหม่อมองเริ่นหลงอย่างโง่งม
ความสัมพันธ์ระหว่างฮัวซีอิ่งและเริ่นจื่อโหรวนั้นดีมาก ทั้งตระกูลฮัวยังเลือกที่จะสนับสนุนตระกูลเริ่น ดังนั้น เธอย่อมเคยเห็นเริ่นหลงเป็นธรรมดา
“เมื่อกี้เจ้าต้องการประหารใครเก้าชั่วโคตร?” เริ่นหลงมองไปที่เขาอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้นว่า “น้องอี้เป็นกุ้ยเค่อ(แขกผู้ทรงเกียรติ)ของอาณาจักรเทียนหลงของเรา อีแค่แม่ทัพหวังของเจ้า กลับกล้าที่จะทำการประหารเก้าชั่วโคตร? ดูเหมือนว่าตระกูลหวังจะยิ่งใหญ่จริงๆ ถึงกับกล้าทำเรื่องอย่างการประหารเก้าชั่วโคตรนี้!”
“ข้า ข้า…..” หวังเมิ่งหลงเหงื่อไหลเป็นทาง ถ้าเริ่นหลงถามหาความรับผิดชอบจากตระกูลหวังแล้วล่ะก็ พวกเขาจะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน
เขาไม่น่าหาเรื่องไปทั่วเลยจริงๆ ปัญหานี้ทำให้หวังเมิ่งหลงเสียใจจนลำไส้บิดเขียว ทำตัวอวดดีที่ไหนไม่ทำ ดันมาทำต่อหน้าองค์จักรพรรดิของอาณาจักรเทียนหลง นอกเสียจากจะไม่ต้องการอยู่ในอาณาจักรเทียนหลงแห่งนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นอย่าได้ทำตัวโอหังต่อหน้าเริ่นหลงผู้นี้
“องค์จักรพรรดิเริ่น พระองค์ไม่เป็นอะไรใช่ไหมพะยะค่ะ?” บนใบหน้าของฮัวซีอิ่งเต็มไปด้วยความสุข นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ
“อืม เจ้าคงจะเป็นลูกสาวของตระกูลฮัวสินะ ตัวข้าผู้นี้เคยเห็นเจ้าอยู่หลายครั้ง” เริ่นหลงแสดงรอยยิ้มคลุมเครือออกมา
“ใช่แล้ว ข้าน้อยคือฮัวซีอิ่ง จากตระกูลฮัว เคยได้พบกับองค์จักรพรรดิเริ่นเช่นกันพะยะค่ะ!” ฮัวซีอิ่งยวบกายคารวะ
“อืม ลุกขึ้นเถอะ” จากนั้นเริ่นหลงก็หันไปพูดกับอี้เทียนหยุน “พวกเราไปกันเถอะ”
เริ่นหลงในตอนนี้ในใจรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ในที่สุดก็ได้ออกมาเสียที แล้วจะไม่ให้เขาดีใจได้ยังไง?
“สวี่เฟย ไปกันเถอะ” อี้เทียนหยุนหันไปบอกให้สวี่เฟยมาด้วยกัน
สวี่เฟยที่ได้สติอย่างช้าๆ ก็เดินตามอี้เทียนหยุนไว้ ทิ้งไว้แต่กลุ่มคนที่พากันตกตะลึง พวกเขายังพากันไม่ได้สติ ดูเหมือนว่าเริ่นหลงจะยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!
ฮัวซีอิ่งก็รีบตามไปเช่นกัน ไม่มีใครสนใจชีวิตของหวังเมิ่งหลง สีหน้าของหวังเมิ่งหลงค่อนข้างซีด จากคำพูดของเริ่นหลง ทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างมาก หากตระกูลหวังเป็นอะไรไปล่ะก็ ความผิดทั้งหมดนั้นคงเป็นเพราะเขาคนเดียว
“พี่ใหญ่อี้ ครั้งนี้ข้าทำตามคำแนะนำของท่าน แล้วก็พบจริงๆ ข้าจะเอาออกมาให้ท่านดู” สวี่เฟยหยิบของออกมาให้อี้เทียนหยุนดู แต่ก็ถูกอี้เทียนหยุนยกมือห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอก สมบัติใช่ว่าจะเอาออกมาเผยให้คนได้เห็นง่ายๆ เก็บไว้เถอะ” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “แค่เจ้าพอใจก็พอแล้ว ดูเหมือนว่าคราวนี้เจ้าคงจะเก็บเกี่ยวได้มากเลยสินะ”
“ใช่แล้ว นี่เป็นเพราะพี่ใหญ่อี้ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้มากมายขนาดนี้!” สวี่เฟยพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“อืม เจ้าสนใจจะมาติดตามข้าไหม? ข้ายังขาดขุนพลข้างกายอยู่ ข้าคิดว่าเจ้าเหมาะสมมาก” คราวนี้อี้เทียนหยุนเปิดปากเชิญเขาด้วยตัวเอง
เขาพอจะคาดการได้ว่าสวี่เฟยได้รับอะไรมาบ้าง เขาถือว่านี่เป็นของรับขวัญใต้บังคับบัญชาของเขา
สวี่เฟยมีสีหน้ายินดี จากนั้นก็มีสีหน้าครุ่นคิด พร้อมกับประสานมือพูดกับเขาว่า “พี่ใหญ่อี้ การที่ท่านเอ่ยปากเชิญน้องชายคนนี้ แน่นอนว่าข้าย่อมยินดี! แต่ว่าข้ายังมีเรื่องที่ทำไม่สำเร็จ หลังจากเรื่องนี้จบลง แน่นอนว่าข้าจะต้องไปหาพี่ใหญ่อี้ ติดตามการนำทางของท่าน!”
“เรื่องของตระกูลฉินสินะ?” อี้เทียนหยุนหรี่ตา พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม
“นี่….. เป็นเรื่องนี้จริงๆ ไม่สามารถหลบรอดสายตาของพี่ใหญ่อี้ได้เลย” สายตาของสวี่เฟยเป็นประกาย แล้วพูดขึ้นมาว่า “เรื่องตระกูลฉินเป็นการตัดสินใจเรื่องความสุขตลอดชีวิตของข้า ตอนนั้นตระกูลฉินไม่ยอมรับความแข็งแกร่งของข้า ตอนนี้ข้าได้รับสมบัติมาแล้ว ข้าจะต้องทำให้พวกเขายอมรับให้ได้!”
“ดี ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วข้าก็จะไม่ขวาง” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณพี่ใหญ่อี้ที่เข้าใจ หลังจากข้าจัดการปัญหานี้ได้แล้ว ข้าจะต้องกลับมาหาพี่ใหญ่อี้อย่างแน่นอน!” สวี่เฟยพยักหน้ายืนยันอย่างหนักแน่น สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น