CLS ตอนที่ 395: สาบานเป็นพี่น้อง!
อี้เทียนหยุนกลับมาถึงเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว โดยที่ไม่มีการปิดข่าวแต่อย่างใด ทำให้ภายในเมืองหลวงมีการรายงานออกไปเป็นจำนวนมาก คิดจะปิดข่าวเป็นไปไม่ได้ นอกจากเสียว่าจะซ่อนตัว
ส่วนตัวเริ่นจื่อโหรวนั้น เธอได้ทำการซ่อนตัวอยู่ในวัง โดยที่ไม่ออกมาข้างนอก เธอไม่อยากทำลายแผนการของอี้เทียนหยุน ไม่อยากทำให้อี้ทเยนหยุนเป็นห่วง! ดังนั้นจึงซ่อนตัวอยู่ข้างใน
ตอนนี้อี้เทียนหยุนได้พาเริ่นหลงกลับมา ทำให้เริ่นจื่อโหรวต้องรีบวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางมีความสุข เธอไม่คิดว่าพี่ชายของเธอจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!
“ท่านพี่ ท่านไม่เป็นไรนะ!” เริ่นจื่อโหรวกระโดดเข้าใส่อ้อมกอดของเริ่นหลงด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำ
“น้องสาว ข้าไม่เป็นไร…. พูดไปแล้วหากเจ้าไม่ส่งคนไปช่วย ข้าคงไม่สามารถออกมาได้จริงๆ” ในหัวใจเริ่นหลงเต็มไปด้วยความรู้สึก พร้อมกับดันเริ่นจื่อโหรวออกมาจากอ้อมอกอย่างอ่อนโยน พร้อมกับมองใบหน้าน้อยๆ ที่ซูบตอบลงของเธอ “หลายปีนี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว”
“พี่ใหญ่อี้ ขอบคุณท่านมาก!” เริ่นจื่อโหรวหันมายิ้มให้เขา พริบตานี้ ราวกับมีดอกไม้กำลังเบ่งบานขึ้นรอบๆ
“ไม่ต้องเกรงใจ” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกไปแล้วว่าจะช่วยเจ้า แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าจะไม่ให้ข้าช่วย”
แน่นอนว่าในตอนนั้นระดับของเขาต่ำเกินไป ต่อให้อยากจะช่วยก็ช่วยไม่สำเร็จ กลับเป็นฝ่ายเริ่นจื่อโหรวที่ต้องช่วยเขาแทน
“ติ๊ง ท่านทำภารกิจลับ “ช่วยเหลือเสิ้งหนี่” ภารกิจที่ 1 สำเร็จ, ได้รับค่าประสบการณ์ 50 ล้าน, ค่าความคลั่ง 1 ล้าน, ค่าความชอบของเริ่นจื่อโหรวเพิ่มขึ้น 200, ฉายา ผู้พิทักษ์อาณาจักร”
“ติ๊ง ท่านรับภารกิจ “ช่วยเหลือเสิ้งหนี่ต้านทานการรุกรานของอัครเสนาบดีหลง” ภารกิจที่ 2 สำเร็จ, เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 50 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าความชอบของทั้งอาณาจักรเพิ่มขึ้น 50! ถ้าสามารถสังหารอัครเสนาบดีหลงได้ รางวัลจะมากขึ้นเป็นเท่าตัว!”
“ติ๊ง ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 9!”
ในที่สุด หลังจากทำภารกิจสำเร็จ เขาก็ได้เข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 9 ความเร็วนี้นับว่าน่าสะพรึงเป็นอย่างมาก นี่เพราะค่าประสบการณ์จำนวนมากที่ภารกิจมอบให้ อีกไม่นานเข้าก็จะเข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะเข้าสู่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้อย่างเป็นทางการ
“แปลกจริง หากว่าสังหารสำเร็จจะได้รับรางวัลเป็นเท่าตัว”
นี่มันแปลกอย่างมาก นั่นหมายความว่าหากปล่อยให้อัครเสนาบดีหลงหนีไปได้ ก็จะไม่ได้รับรางวัลนี้ ความหมายคือการสังหารอัครเสนาบดีหลงไม่ใช่เงื่อนไขหลัก ขอแค่เพียงขับไล่ศัตรูออกไปได้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องสังหารให้สิ้นซาก
แต่ถ้าสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ รางวัลที่ได้ก็จะเพิ่มอีกเท่าตัว ยิ่งกว่านั้น อัครเสนาบดีหลงยังเป็นศัตรูอีกด้วย การปล่อยให้อีกฝ่ายรอดไปได้ เท่ากับจะมีปัญหาตามมาในอนาคต
“อัครเสนาบดีหลงผู้นี้ จำเป็นต้องฆ่าทิ้ง…..”
อี้เทียนหยุนไม่คิดว่าระดับของอัครเสนาบดีหลงจะแข็งแกร่งนัก แต่ก็ย่อมไม่อ่อนแออย่างแน่นอน คนที่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ จะเป็นคนที่อ่อนแอได้ยังไง?
“พี่ใหญ่ ท่านกำลังคิดอะไร?” เริ่นจื่อโหรวเห็นอี้เทียนหยุนนิ่งไป ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ไม่มีอะไร ก็แค่หลังจากที่อัครเสนาบดีหลงรู้ว่าพี่เริ่นยังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องโมโหสุดๆ อย่างแน่นอน บางทีอาจมีการโจมตีเมืองหลวงก็ได้!” อี้เทียนหยุนไม่ได้เดา แต่เป็นสิ่งที่ภารกิจบอกมา อัครเสนาบดีหลงจะต้องโจมตีเมืองหลวงนี้อย่างแน่นอน
“นี่เป็นไปได้ ในเมื่ออัครเสนาบดีหลงไม่มีทางที่จะได้นั่งบัลลังก์แล้ว การที่เขาจะสั่งให้โจมตีเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้านับตามขุมกำลังของพวกเขาในตอนนี้ กลัวว่าคงไม่สามารถทำได้สำเร็จ” เริ่นหลงพูดอย่างดูหมิ่น “พลังของพวกเราแม้จะไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครจะต่อกรได้ง่ายๆ!”
“แล้วถ้ารวมอาณาจักรใต้พิภพเข้าไปด้วยล่ะ?” อี้เทีนยหยุนถาม
“รวมอาณาจักรใต้พิภพเข้าไปด้วยอย่างงั้นเหรอ?” เริ่นหลงตกใจ จากนั้นสีหน้าก็พลันดิ่งลงทันที “เจ้ากำลังบอกว่า อัครเสนาบดีหลงร่วมมือกับอาณาจักรใต้พิภพอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้คนที่มาจับตัวจื่อโหรว ข้าคิดว่ามีบางคนที่เป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพ หรือไม่ก็ถูกฝึกโดยพวกเขา เพราะวิชาที่พวกเขาใช้ล้วนแต่เหมือนกันอย่างกับแกะ” อี้เทียนหยุนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“งั้นนี่คงยากที่จะจัดการแล้ว ข้าจำได้ว่าราชครูของอาณาจักรใต้พิภพร้ายกาจมาก เขาทำการศึกษาสมบัติลับเทียนหลงอย่างปรุโปร่ง หากว่าเขามาด้วยตัวเอง ข้ากลัวว่าพลังของเราจะอ่อนแอลงช่วงใหญ่” เหตุผลนั้นทำให้เริ่นหลงเป็นกังวลไม่น้อย หากว่าพวกเขาใช้สมบัติลับเทียนหลงออกไป ใครจะกล้าต่อกรกับพวกเขา?
แต่ตอนนี้หากว่าราชครูเป็นคนมาเอง อีกฝ่ายย่อมมีวิธีทำให้สมบัติลับเทียนหลงอ่อนแอลง สมบัติลับเทียนหลงแม้ว่าจะแข็งแกร่งทรงพลัง แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เทียมทาน
ตอนนี้พวกเขาพากันเงียบไป บรรยากาศกดดันขึ้นหลายเท่า
“แล้วอาณาจักรเทียนหลงนี้ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษบ้างหรอกเหรอ? ตัวอย่างเช่น ระดับบรรพชน หรือว่าพ่อของท่าน…..” อี้เทียนหยุนถาม
“นี่….” เริ่นหลงรู้สึกกระอักกระอ่วน “พวกเขาไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ข้าได้ยินว่ามีคนไปหาพวกเขา แต่ว่าหายังไงก็ไม่พบ”
“ไม่มีวิธีติดต่อเลยเหรอ?” อี้เทียนหยุนถาม
“ถ้ามีวิธีติดต่อข้าคงไม่กังวลอย่างนี้ มีพวกเขาอยู่ อย่าว่าแต่อัครเสนาบดีหลงเลย ต่อให้เป็นอาณาจักรใต้พิภพมา พวกเราก็ไม่กลัว!” เริ่นหลงพูดอย่างจริงจัง
ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีพ่อไม่มีแม่ แต่ว่าหลังจากที่เริ่นหลงนั่งบัลลังก์ พวกเขาก็เลือกที่จะจากไป พวกเขายังไม่ตาย แต่ว่ากำลังออกตามหาบรรพชน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องน่าอาย ดินแดนที่กว้างใหญ่นี้ ไม่รู้ว่าจะไม่หาจากที่ไหน
“ดูเหมือนว่าในปัจจุบัน คงจะพึ่งได้แต่พวกเราเท่านั้นสินะ” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา ขุมอำนาจของวังเทียนหยุนในตอนนี้ถือว่าดี แต่ก็ยังถือว่าเป็นขุมอำนาจที่ต่ำกว่า ไม่มีทางต่อกรกับขุมอำนาจระดับอาณาจักรได้ ทั้งสองนั้นอยู่คนละระดับ ไม่สามารถเอามาเทียบกันได้
“ใช่ ตอนนี้พึ่งได้เพียงพวกเราเท่านั้น” เริ่นหลงพูดอย่างจริงจัง “ด้วยพลังของพวกเรา ย่อมสามารถปกป้องเมืองหลวงนี้ได้อย่างแน่นอน พวกเขาไม่มีทางเหยียบเข้ามาในเมืองได้แม้แต่ก้าวเดียว!”
“ดี!” อี้เทียนหยุนรู้สึกได้ถึงท่าทีของเริ่นหลง จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีพวกเราปกป้องที่นี่อยู่ จะต้องทำให้พวกมันหน้าเปลี่ยนสีให้ได้!”
“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องรั้งอยู่ที่นี่แล้ว ท่านช่วยพวกเรามามากพอแล้ว…..” เริ่นจื่อโหรวพูดอย่างกังวล
“ข้าเป็นเทพผู้พิทักษ์เสิ้งหนี่ แล้วจะให้ข้าหนีไปได้ยังไง?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“เทพผู้พิทักษ์?” เริ่นหลงตกใจ จากนั้นก็ยื่นมือไปตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นเทพพิทักษ์อาณาจักรของเรา! ข้าเริ่นหลงตลอดชีวิตไม่นับว่ามีอะไร ไม่ทราบว่าน้องอี้ยินดีที่จะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับข้าหรือไม่!”
“พี่น้องร่วมสาบาน? นี่นับว่าเป็นเกียรติของข้า” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดี งั้นเรามาสาบานกัน!” เริ่นหลงหัวเราะ “น้องสาว เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง?”
“ดียิ่ง หนึ่งนั้นคือพี่ชายร่วมสายเลือด อีกหนึ่งคือพี่ชายร่วมสาบาน เรื่องนี้ข้าเห็นด้วย!” เริ่นจื่อโหรวปรบมือพร้อมกับร้องออกมาอย่างเห็นด้วย
“งั้นยังรออะไรอีก พวกเราไม่จำเป็นต้องมากพิธี” เริ่นหลงหยิบกาเหล้าออกมา พร้อมกับเทใส่จอกสองใบ แล้วส่งจอกใบหนึ่งให้กับอี้เทียนหยุน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สำหรับข้าแล้วไม่จำเป็นต้องมีอะไรพิเศษ หลังจากที่พวกเราชนจอกกัน จากนี้ไปถือว่าพวกเราเป็นพี่น้องกัน!”
“ดี!” แม้อี้เทียนหยุนและเริ่นหลงจะเพิ่งเจอกัน แต่นิสัยของเขาก็นับว่ากล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับมังกรตัวคนเดียว ก่อนหน้านี้เพราะได้รับการช่วยชีวิต ทำให้เขารู้สึกตื่นตัน คุ้มแล้วที่จะเป็นสหายกับคนผู้นี้!
ในยามลำบากย่อมเห็นธาตุแท้ของคน แม้ในตอนนั้นจะเจอกันเพียงแค่ช่วงสั้นๆ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้เริ่นหลงเชื่อใจเขาอย่างไม่มีข้อสงสัย!