CLS ตอนที่ 407: ผู้รุกรานต้องตาย!
เสียงของอี้เทียนหยุนไม่ดัง แต่ก็ได้ยินกันไปทั่วทั้งแถบนี้ ทำให้ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็มองมาที่อัครเสนาบดีหลง
คำพูดนี้โหดเหี้ยมมาก มันไม่เกี่ยวกับสายเลือด แต่เป็นเพราะว่าอัครเสนาบดีหลงเป็นกบฏ ดังนั้นสมบัติลับเทียนหลงจึงรังเกียจในตัวอัครเสนาบดีหลง! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อย่างนี้มันก็มหัศจรรย์เกินไปแล้ว?
นี่ไม่ใช่ว่าอี้เทียนหยุนพูดเหลวไหล แต่เพราะเขาเห็นว่าอัครเสนาบดีหลงมีวิชาฝ่ามือใต้พิภพและเคล็ดวิชาใต้พิภพอยู่ สองวิชานี้ต่างก็เป็นวิชาของจักรพรรดิใต้พิภพ หากไม่ใช่ลูกน้องที่เชื่อใจจริงๆ แล้วเขาได้รับวิชาพวกนี้มาได้ยังไง?
ไม่อย่างนั้น แล้วทำไมแม่ทัพเทพเทียนหลงถึงได้ไม่ได้เรียนล่ะ? แล้วยังแม่ทัพเฟิงอีก พวกเขาไม่ใช่พวกเดียวกันเหรอ ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้ฝึกล่ะ?
ความเป็นไปได้เดียวก็คือ อัครเสนาบดีหลงคือคนของอาณาจักรใต้พิภพ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคนที่ทางนั้นไว้ใจมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางที่จะได้ฝึกสองวิชานี้อย่างแน่นอน
“เจ้าหนู เจ้าเป็นใคร!” อัครเสนาบดีหลงมองมาที่เขาอย่างเย็นชา
“ข้าเป็นใครสำคัญด้วยเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่แยแส “เจ้าเป็นสายลับที่อาณาจักรใต้พิภพส่งมาแต่เริ่ม ทำไมถึงได้แสดงว่าอาณาจักรเทียนหลงต้องติดหนี้เจ้าด้วย? ตั้งแต่เริ่ม สิ่งที่เจ้าทำในอาณาจักรเทียนหลง ล้วนแต่เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น”
สายตาของอัครเสนาบดีหลงดิ่งลง เหมือนอยากจะพูดอะไร ในเมืองหลวง หลายคนต่างก็กำลังทะเลาะกัน บ้างก็มองมายังอัครเสนาบดีหลงอย่างโกรธแค้น บ้างก็ไม่ใส่ใจ พวกเขาไม่สนว่าฝูงชนจะโกรธแค้นหรือไม่ กระทั่งว่าหากเมื่อเวลาที่การโจมตีมาถึงที่นี่ พวกเขาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนข้างในทันที
“คำพูดไร้สาระ! เป็นพวกเจ้าที่บีบบังคับข้า หาไม่แล้วข้าจะทำอย่างนี้ไปทำไม!” อัครเสนาบดีหลงพูดอย่างดูถูก “พวกตระกูลเริ่นล้วนแต่เป็นพวกกลับกลอก ข้าทุ่มเททุกอย่างไปตั้งมาก มากกว่าตระกูลเริ่นด้วยซ้ำ ลงทุนลงแรงเพื่ออนาคตที่รุ่งเรืองของอาณาจักรเทียนหลง เพื่ออาณาจักรเทียนหลงแล้ว คนที่มีความสามารถก็ควรจะได้เป็นผู้ดูแล แต่เป็นเพราะไม่มีสายเลือดที่ไร้สาระนั่น ข้ากลับไม่สามารถนั่งตำแหน่งนั้นได้!”
คำพูดของเขาทำให้แม่ทัพทั้งหลายข้างหลังตาเป็นประกาย กระทั่งผู้ฝึกตนที่อยู่ในเมืองหลวงยังเป็นไปด้วย เหตุผลนี้ช่างปรักปรำกันจริงๆ ทำไมถึงมีเพียงแต่ตระกูลเริ่นที่ได้รับการยอมรับ ทำไมกัน? คุณความดีที่พวกเขามีต่ออาณาจักรต่างก็มากมาย แต่แค่เพราะไม่สามารถเอาชนะสายเลือดได้อย่างงั้นเหรอ
พูดได้ว่าคนที่ชื่นชอบอัครเสนาบดีหลงนั้นมีมากมาย กระทั่งมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนเลือกที่จะยืนข้างเขา แต่แน่นอนว่าส่วนใหญ่ล้วนเพราะผลประโยชน์ หรือไม่ก็คำสัญญา ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่เลือกที่จะยืนข้างอัครเสนาบดีหลงหรอกใช่ไหม?
“เจ้านั่นแหละที่พูดเหลวไหล!” เริ่นหลงพูดออกมาอย่างเย็นชา “ความสามารถแต่ละอย่างของข้าล้วนไม่ต่างกับเจ้า แต่เป็นเพราะว่าเจ้าแก่กว่าจึงได้เกิดเป็นช่องว่าง คนที่สามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้ จะเป็นคนที่ขาดความสามารถอย่างงั้นเหรอ? ยิ่งกว่านั้น ตระกูลเริ่นของพวกเรายังคัดเลือกผู้คนโดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ตราบเท่าที่ระดับมากพอ พวกเขาก็ล้วนเชื่อใจที่จะมอบหมายหน้าที่ที่คู่ควรให้! ข้าขอถามเหล่าขุนนางในที่แห่งนี้ ตระกูลเริ่นของพวกเราปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมอย่างงั้นเหรอ?”
เจ้าตระกูลฮัวที่อยู่ที่นี่พยักหน้า “ตระกูลเริ่นไม่ได้ทำเรื่องอยุติธรรมต่อพวกเราจริงๆ กระทั่งยังดีต่อพวกเราอย่างมากด้วย มีการลงโทษและตบรางวัลอย่างสมเหตุสมบัติ ไม่ได้ทำตัวเอาแต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่”
“ส่วนเรื่องตำแหน่งองค์จักรพรรดินั้น เป็นเรื่องของธรรมเนียมที่มีมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งอาณาจักร อย่าได้ลืมว่าอาณาจักรเทียนหลงก่อตั้งขึ้นมาได้ยังไง? ไม่ใช่เพราะพึ่งพาสายเลือดนี้หรอกเหรอ ถึงได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้! ยิ่งกว่านั้น การที่ตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้วกลับต้องมองดูคนอื่นควบคุมสมบัติลับเทียนหลงที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ อย่างนี้จะให้วางใจได้ยังไง?” เริ่นหลงพูดอย่างจริงจัง “เรื่องนี้พวกเราได้ไตร่ตรองมาดีแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเราดื้อรั้น แต่เป็นสมบัติลับเทียนหลงที่เลือกพวกเรา!”
“ก่อนหน้านี้จักรพรรดิพระองค์ก่อนได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว ถ้าข้าเป็นคนธรรมดา ไม่ว่าอะไรก็ไม่เข้าใจ ตำแหน่งจักรพรรดินี้คงไม่มีทางตกมาถึงตัวข้าอย่างแน่นอน! คงจะมอบให้กับคนอื่นไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่นเจ้า แต่สุดท้าย เหมือนว่าข้าจะชนะด้วยพลังของสายเลือด แต่เป็นพวกเราปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมจริงๆ เหรอ? เป็นเจ้าต่างหากที่มักใหญ่ใฝ่สูงจนเกินตัว!”
“จักรพรรดิพระองค์ก่อนได้ทรงกล่าวไว้ว่า เจ้านั้นมันมักใหญ่ใฝ่สูงเกินไป ข้าก็ได้แต่หวังว่าพระองค์คงตัดสินพระทัยผิด แต่จะเป็นเพราะพวกเราบีบคั้นเจ้าก็ดี หรือตัวเจ้าจะเป็นสายลับก็ดี ตอนนี้เจ้าได้นำคนของอาณาจักรใต้พิภพเข้ามาโอบล้อมเมืองหลวงแห่งนี้ไว้ ทำให้อาณาจักรใต้พิภพต้องตกอยู่ในเพลิงสงคราม สุดท้ายแล้วเจ้าก็เป็นคนทรยศ เป็นกบฏอยู่วันยังค่ำ!”
เริ่นหลงระบายความโกรธในใจออกมา ท่าทางของเขาคงน่าจะโกรธมากจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร แต่การที่ไปพาราชครูของอาณาจักรใต้พิภพมา อย่างนี้ก็เทียบเท่ากับกบฏแล้ว ไม่ว่าจะมีเหตุผลมากแค่ไหน มันสมควรแล้วเหรอที่ต้องพาอาณาจักรใต้พิภพเข้ามาโจมตีอาณาจักรของตน?
“หากข้าไม่ทำอย่างนี้ แล้วเจ้าจะมอบตำแหน่งจักรพรรดิให้กับข้าอย่างงั้นเหรอ?” อัครเสนาบดีหลงหัวเราะเยาะออกมา
“เพ้ย! ต่อให้ข้าไม่ได้เป็นจักรพรรดิ ข้าก็ไม่มีทางทำให้อาณาจักรเทียนหลงต้องตกอยู่ในไฟสงคราม ไม่ต้องการเห็นคนธรรมดาต้องถูกฆ่าล้างสังหาร!” เริ่นหลงพูดอย่างเกรี้ยวกราด “และก็จะไม่ยอมให้อาณาจักรใต้พิภพได้ประโยชน์จากการเข้ามาเป็นมือที่สาม!”
คำพูดของเริ่นหลงทำให้หลายคนสั่นสะท้าน นี่ใช่ไหมคือเจตจำนงของผู้ที่เป็นจักรพรรดิอย่างแท้จริง? กระทั่งเหล่าแม่ทัพทางฝั่งอัครเสนาบดีหลงยังสั่นสะท้านไปถึงข้างใน
สีหน้าของอัครเสนาบดีหลงจมหลง เขาต้องการบงการความคิดของสาธารณะชน ทำให้กองทัพของฝั่งนั้นปั่นป่วน แต่ไม่คิดว่าพริบตาเดียว ฝั่งที่ปั่นป่วนจะเป็นทางฝั่งเขา ไม่ว่าจะเป็นเพราะถูกบีบคั้นหรืออะไร แต่การกระทำนี้ของเขาคือสิ่งที่ผิด เป็นความผิดอย่างแน่นอน
นี่ก็เหมือนกับขอทานที่จ้องแต่จะขโมยนั่นล่ะ
“พี่หลง ทำไมท่านถึงต้องพูดมากความด้วย? ที่ท่านทำไม่ใช่แค่ต้องการลดแรงกดดันเท่านั้นหรอกเหรอ หลังจากที่ท่านได้อาณาจักรเทียนหลงนี้มาครอง ท่านจะจัดการยังไงกับมันก็ได้” ราชาครูที่อยู่ใกล้ๆ ดวงตาเป็นประกายสีโลหิต “ผู้ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ใครขวางทางก็สังหารมันซะ หรือว่าเพราะท่านอาศัยอยู่ที่นี่มานานจึงได้ใจอ่อน?”
สายตาของอัครเสนาบดีหลงเต็มไปด้วยความซับซ้อน จากนั้นก็สงบลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า “ดูเหมือนว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่มานานเกินไปแล้ว ทำให้ข้าใจอ่อนลงมาก….. เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ลงมือเถอะ ใครขวางข้าตาย! จัดการถล่มตระกูลเริ่นแห่งอาณาจักรเทียนหลงให้สิ้นซาก ให้ข้าเป็นใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเทียนหลงแห่งนี้…..”
“!”
พร้อมกันนั้นก็ได้มีลำแสงเย็นเยียบกวาดผ่านมา ความเร็วของมันนั้นเร็วมาก อัครเสนาบดีหลงเพิ่งจะรู้ตัวก็มาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว ผู้ที่มีระดับแข็งแกร่งที่สุดอย่างราชครูรีบตอบโต้ในทันที ทำการโบกสะบัดธงไปด้านหน้าเพื่อต่อต้าน ก่อเกิดเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ขึ้นบนท้องฟ้า ต่อต้านลำแสงเย็นเยียบที่กวาดเข้ามา
“เปรี้ยง!”
พร้อมกับเสียงดังสนั่น ความเย็นเสียดกระดูกโถมเข้ามาที่นี่ พร้อมกับหุ้มพวกเขาไว้ข้างใน เหล่าแม่ทัพที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ทันรู้สึกตัว ก็ถูกความเย็นนี้แช่แข็งไว้ ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 1 ที่ 2 ไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกทำให้เป็นประติมากรรมน้ำแข็งไป
จากนั้น แรงอัดอากาศก็อัดลงมาจากเบื้องบน “ตูม” ประติมากรรมน้ำแข็งแหลกสลายเป็นผุยผง ตายไปโดยที่ไม่ทันได้ทำอะไร
“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว พี่ใหญ่เริ่น ข้าบอกแล้วใช่ไหม ว่าต่อหน้ากองทัพที่พวกมันพามา ท่านไม่จำเป็นต้องไปพูดอะไร ท่านคิดว่าพูดแล้วพวกมันจะยอมถอยกลับไปอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “นอกจากนี้ ต่อให้พูดอะไรไป แล้วพวกมันโจมตีเข้ามา ท่านจะยอมมอบเมืองให้พวกมันหรือเปล่า? แน่นอนว่าไม่ พวกเราไม่ต้องไปถกเหตุผลอะไรกับพวกมัน มันผู้ใดต่อต้านตาย ผู้รุกรานพวกเราต้องตาย!”