CLS ตอนที่ 413: ราชครูทุ่มสุดตัว
การลอบโจมตีของราชครูกลับกลายเป็นว่าถูกโจมตีกลับแทน นี่มันกะทันหันเกินไปจนคนทั้งหลายตั้งตัวไม่ทัน พวกคิดว่าอี้เทียนหยุนจะต้องถูกโจมตีแน่ๆ แต่เพียงพริบตา เขากลับไปปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของราชครูแทน ทำให้การลอบโจมตีนั้นล้มเหลว
“อะไรกัน เป็นไปได้ยังไง…..” นัยน์ตาของราชครูเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ การลอบโจมตีของเขาทุกครั้งล้วนแต่ราบรื่น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นมีการซ่อนเร้นอย่างดี แต่ใครจะคิดว่าจะล้มเหลว นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้ว
และในพริบตาเดียวกันนั้น คนที่เขาลอบโจมตีกลับมาปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขา พร้อมกับแทงหอกมังกรแดงทะลุร่าง ซึ่งนี่เหนือไปกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด
“ตาย!”
อี้เทียนหยุนบิดข้อมืออย่างโหดเหี้ยม ทำให้หอกมังกรแดงในมือของเขาบิดเป็นเกลียวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปลดปล่อยพลังวิญญาณทรราชออกมาทุกทิศทาง สร้างความเสียหายให้กับราชครูหลายแห่ง แต่ยังไงก็ตาม ยามเมื่อตกลงไปถึงพื้น กลับไม่มีคาบเลือดแม้แต่น้อย เห็นเพียงหุ่นไม้พังๆ ตัวหนึ่ง!
วิชาเชิดหุ่น!
วิชาเชิดหุ่นนี้ลึกลับอย่างมาก มันเป็นหนึ่งในวิชาที่ต่อยอดมาจากความสามารถในการสลักอาคม หากว่าสลักอักษรรูนลงไปยังสิ่งของ แล้วใส่เศษเสี้ยววิญญาณของตนเข้าไป ก็จะสามารถควบคุมหุ่นเชิดนั้นได้ แม้พลังจะด้อยกว่า แต่สามารถควบคุมชัยชนะได้ดั่งใจ ยิ่งกว่านั้น มันยังไม่มีกลิ่นอายอะไรที่ต่างไปจากตัวจริงด้วย
ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ ราชครูตัวจริงยังอยู่ห่างออกไป ส่วนที่อี้เทียนหยุนฆ่าไปนั้นคือหุ่นเชิด
“วิชาเชิดหุ่น ไม่แปลกเลยที่ข้าจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแม้แต่น้อย ทำให้แทบจะลอบโจมตีได้สำเร็จ” อี้เทียนหยุนสีหน้าจมลง เขาที่กำลังปะทะกับอัครเสนาบดีหลง ไม่ทันสังเกตเลยว่าหุ่นเชิดตัวนี้ได้เข้ามาใกล้ มีเพียงพริบตาที่จะลงมือเท่านั้น ที่เขาสัมผัสถึงมันได้
ในตอนที่หุ่นเชิดตัวนี้กำลังจะลอบลงมือใส่เขานั้น โชคดีที่เขามีเทเลพอร์ตอยู่ ไม่อย่างนั้นคงถูกจัดการไปแล้ว
ลำแสงที่ถูกยิงออกมาเวลานี้กำลังปกคลุมไปยังทุกคนที่เบื้องหน้า คนที่เผชิญกับลำแสงนี้ต่างก็ถูกทำให้สลายเป็นเถ้าถ่าน ใจความสำคัญคือมันมีพลังในการจองจำอยู่ข้างใน หากว่าโดนเข้าไป ก็จะถูกกักอยู่ในนั้น ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้
“นี่คือพลังเคลื่อนย้ายในพริบตาอย่างงั้นเหรอ?” ในใจของราชครูที่มองอยู่ไกลๆ เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง พร้อมกับตกใจกับเหตุการณ์นี้สุดๆ กับการที่แผนการที่เขาวางมาอย่างดีต้องมาถูกทำลายลงอย่างนี้
ทั้งหุ่นเชิดตัวนั้นที่เสียไปเขาก็สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก เมื่อต้องเห็นมันถูกทำลายอย่างนี้ ก็ทำให้ในใจของเขารู้สึกราวกับกำลังหลั่งเลือดออกมา ในหัวของเขารู้สึกราวกับกำลังถูกฉีก ทำให้สีหน้าของเขาซีดลง หุ่นเชิดนั้นไม่ง่ายเลยที่จะสร้างขึ้นมาได้สักตัว มันจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมาก ทั้งยังต้องมีวิญญาณอีก ถึงจะสร้างออกมา
หากว่าหุ่นเชิดตาย วิญญาณที่ใส่เข้าไปในนั้นก็จะถูกทำลายด้วย นี่ก็เหมือนกับเขาต้องสูญเสียเศษวิญญาณของตนไป ทำให้เขาต้องได้ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
แต่หากเทียบกับความเสียหายที่ได้รับนี้ เขาสนใจความสามารถในการเคลื่อนย้ายในพริบตานี้มากกว่า มันสามารถหายไปจากจุดที่อยู่ได้ในพริบตาเดียว เขาเห็นมันได้อย่างชัดเจน
“นี่ นี่เป็นไปได้ยังไง…… ข้ากำลังจะแพ้อย่างงั้นเหรอ…..”
อัครเสนาบดีหลงที่ทรุดอยู่ที่พื้น ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดว่าทุกอย่างต้องราบรื่น คิดว่าการโจมตีนี้ต้องสามารถสังหารอี้เทียนหยุนได้อย่างง่ายดาย จากนั้นแล้วทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา แต่ใครจะคิดล่ะว่าจะล้มเหลว ทั้งยังล้มเหลวโดยสมบูรณ์ด้วย!
“ดูเหมือนคงได้เวลาจบกันแล้วสินะ” อี้เทียนหยุนมีสีหน้าเย็นชา พร้อมกับปลดปล่อยคลื่นพลังสีดำออกมา อึดใจต่อมา ตัวเขาก็กลายร่างเป็นมังกรมารขนาดร้อยเมตร พร้อมกับกระโจนเข้าไปยังเบื้องหน้า
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนพากันตกใจ เมื่ออยู่ๆ ก็มีมังกรมารขนาดมหึมาปรากฏขึ้น ก็ดูราวกับว่าท้องฟ้าในสายตาของทุกคนจะถูกปกคลุมไป เห็นแต่เพียงร่างสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณนี้
ณ ตอนนี้ นอกจากเริ่นหลงแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่ไม่เคยเห็นเขากลายร่างเป็นมังกรมารแบบนี้มาก่อน ดังนั้น เมื่อเริ่นจื่อโหรวเห็นอี้เทียนหยุนกลายร่างเป็นมังกรมาร ก็ทำให้เธอตกตะลึงโดยสมบูรณ์ นัยน์ตาคู่งามของเธอในตอนนี้เบิกโพลง การจู่โจมไม่ได้หยุดลงแม้แต่น้อย ทั้งยังรวดเร็วขึ้นอีกด้วย พร้อมกับต้านรับศัตรูที่โถมเข้ามา
“คำราม!”
อี้เทียนหยุนทำการปลดปล่อยเสียงมังกรคำรามออกไป ก่อนที่จะกระโจนเข้าใส่อัครเสนาบดีหลงที่ทรุดอยู่บนพื้นเพราะถูกพิษ พร้อมกับใช้กรงเล็บมังกรออกไป ตะปบเข้าใส่อัครเสนาบดีหลงราวกับดาวตก ทำให้อากาศรอบๆ เกิดการสั่นไหว ราวกับโลกกำลังจะแตก คร่ากุมร่างของเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่มีทางหนีไปไหนได้
หน้าของอัครเสนาบดีหลงซีดขาว รีบดิ้นให้หลุดจากรงเล็บนี้ แต่ว่าหลังจากที่ถูกพิษสังหารมังกรเข้าไป ทำให้พลังของเขาตกลงช่วงใหญ่ ทั้งยังตกอยู่ในศูนย์กลางการโจมตีของอี้เทียนหยุน ยิ่งทำให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้
“ราชครู ช่วยข้าด้วย!” อัครเสนาบดีหลงร้องตะโกนด้วยสีหน้าแตกตื่น ความอวดดีก่อนหน้านี้ไม่มีเหลืออยู่แล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย ใครบ้างจะไม่กลัว ดังนั้น อัครเสนาบดีหลงที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ จึงได้รีบร้องขอความช่วยเหลือโดยไว
อึดใจต่อมา ราชครูก็บินมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปล่อยอักษรรูนหลายชนิดเข้าใส่กรงเล็บมังกรที่กดร่างอัครเสนาบดีหลงอยู่ ก่อตัวเป็นค่ายกลขึ้นบนฟ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลายร่างเป็นโล่ขนาดยักษ์ พร้อมกับตกลงมาใส่ร่างของอี้เทียนหยุน
“เปรี้ยง!”
เมื่อโล่ยักษ์นั้นตกลงมา อี้เทียนหยุนก็ได้ซัดกรงเล็บออกไป พร้อมกับร้องออกมาว่า “แหลกไปซะ!”
“เปรี้ยง!”
กรงเล็บที่ซัดออกไปทำให้โล่ยักษ์นั้นระเบิดออก ราวกับว่าไม่สามารถต้านทานพลังของเขาได้แม้แต่วินาทีเดียว ทั้งที่โล่นี้ดูเหมือนจะร้ายกาจมาก แต่ก็ถูกทำให้แหลกไปทั้งอย่างนั้น นี่ไม่ใช่เพราะว่าโล่นั้นอ่อนแอเกินไป แต่เป็นเพราะอี้เทียนหยุนแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก!
ภายใต้การระเบิดออกมาเต็มที่ ทำให้พลังรบของเขาสูงถึง 78 ล้าน ทั้งนี่ยังไม่ใช่การเผาผลาญแกนโลหิตด้วย แต่เป็นขีดจำกัดของพลังของเขาในตอนนี้ ซึ่งพลังนี้เพียงพอที่จะบดขยี้ทุกสิ่ง กระทั่งราชครูก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!
เขาไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป หลังจากประเมินสถานการณ์ทุกอย่างแล้ว เขาจึงทำการระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา เพื่อจบการต่อสู้นี้
ราชครูหน้าเปลี่ยนสี อักษรรูนที่เขาปล่อยออกไปไม่สามารถขวางอีกฝ่ายได้แม้แต่ลมหายใจเดียว พลังนี้มันเหนือกว่าที่เขาคาดไปไกล ยังไงก็ตาม เขาก็ได้มาถึงข้างกายอัครเสนาบดีหลง พร้อมกับจับร่างเขาเอาไว้ แล้วพาบินหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นก็มีกรงเล็บมังกรตะปบเข้ามา ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เขาไม่สามารถหลบหนีไปจากระยะการโจมตีของอี้เทียนหยุนได้
“หลีกไปซะ!”
อัครเสนาบดีหลงคำรามออกมาอย่างเดือดดาล ทั้งร่างของเขามีแสงสีทองสาดออกมา เสื้อผ้าที่สวมอยู่บนร่างของเขาสลายกลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา จากนั้นก็เห็นอักษรรูนนับไม่ถ้วนอยู่บนร่างของเขา ซึ่งอักษรรูนพวกนั้นต่างก็พากันเปล่งแสงสีทองสว่างออกมา พร้อมกับเริ่มปลดปล่อยพลังในพริบตา หลังจากปลดปล่อยพลังของอักษรรูนทั้งหมดออกมาแล้ว ก็ทำให้พลังรบของเขาพุ่งสูงขึ้น ระเบิดออกมาในทันที
ตอนนี้ร่างกายทุกส่วนของเขากำลังขยายขนาดขึ้น ตัวคนสูงใหญ่ขึ้น 1-2 เท่า จากสูง 1.70-1.80 เมตร ตอนนี้กลายเป็นสูงมากกว่า 3 เมตร ดูราวกับน้องๆ ยักษ์ กล้ามเนื้อของเขาก็ขยายขึ้น ดูแล้วน่าสะพรึงอย่างมาก แต่ก็ดูแข็งแกร่ง
ในมือของเขาก็ปรากฏดาบยาวขึ้น ซึ่งดูแล้วมีขนาดยาวกว่า 3 เมตร และบนดาบเล่มนั้นยังเต็มไปด้วยอักษรรูนเช่นกัน ซึ่งดาบที่ปรากฏในมือของเขานี้เป็นอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง
เขาก็มองมาที่นี่ในทันใด ในลูกตาทั้งสองข้างนั้นของเขา ก็กำลังเปล่งแสงสีทองจากอักษรรูนออกมาเช่นกัน จากนั้น เขาก็จับดาบในมือแน่น พร้อมกับฟันเข้ามาที่นี่
“ทำลายเทพ!”
เขาร้องคำรามออกมา พร้อมกับปรากฏร่างเงาของเทพยุทธ์ที่ในมือกำลังถือดาบยาวเหมือนกันกับเขา แล้วฟันดาบในมือออกมาเหมือนกัน
“ฉวะ!”
คลื่นดาบขนาดหลายเมตรถูกปล่อยออกมา ราวกับจันทราที่ส่องสว่าง คลื่นดาบที่อหังการนี้ ตัดผ่านความว่างเปล่าพุ่งเข้าใส่เขา!
พลังของดาบนี้ มีพลังรบสูงถึง 84 ล้าน พูดได้ว่านี่คือพลังที่สูงที่สุดของระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 6 แล้ว พริบตาที่ปลดปล่อยพลังของอักษรรูนออกมา ก็ทำให้พลังรบของอีกฝ่ายเหนือไปกว่าอี้เทียนหยุนในทันที!