CLS ตอนที่ 416: คำขอ
ในที่สุดสงครามนี้ก็ได้จบลง อาณาจักรเทียนหลงที่เป็นฝ่ายถูกโจมตีเป็นผู้ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งอาณาจักรเทียนหลงในพริบตา พร้อมกับแพร่กระจายออกไปยังอาณาจักรอื่นๆ รอบข้างอย่างอาณาจักรเทียนจิ่ง จนไปถึงอาณาจักรใต้พิภพ ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกตกใจอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การนำของราชครู แต่กลับถูกอีกฝ่ายตีจนต้องหนีเอาชีวิตรอด นี่ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างแท้จริง ขนาดราชครูที่มีพลังแข็งแกร่งเป็นอันดับสองของอาณาจักรใต้พิภพยังถูกตีจนหนีเอาชีวิตรอด ไม่รู้เลยว่าอาณาจักรเทียนหลงมีพลังอะไรแบบนี้ด้วย?
ยังไงก็ตาม ก็ได้มีข่าวอื่นๆ ที่ได้แพร่กระจายออกไปด้วย ตัวอย่างเช่นมีผู้สามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้ถึงสามคน ทั้งคนผู้นั้นยังสามารถกลายร่างเป็นมังกรยักษ์ได้ด้วย เมื่อข่าวนี้ได้กระจายออกไปก็มีบางคนที่ไม่เชื่อ กระทั่งยังมีการพูดเกินจริงไปว่ายังมีผู้คนอีกหลายสิบที่สามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงอยู่เบื้องหลัง แถมยังมีเผ่ามังกรหนุนหลังอีก!
อาณาจักรเทียนหลงถูกเรื่องเล่าเกินจริงจนกลายเป็นลึกลับไป กระทั่งมีพวกชอบคุยโตพูดว่าอาณาจักรเทียนหลงหากเทียบกันแล้วแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรใต้พิภพที่ไม่มีสมบัติอะไร คำพูดนี้แน่นอนว่าพูดเกินจริงไป แต่ก็สามารถทำให้อาณาจักรใต้พิภพระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมาได้
และในความเป็นจริงพวกเขาก็ได้ระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมาจริงๆ หลังจากที่ราชครูกลับมาถึง จักรพรรดิใต้พิภพก็ได้ระเบิดความโกรธออกมาโดยสมบูรณ์ หากให้เทียบกันแล้ว ความโกรธของเขายังรุนแรงกว่ากาลก่อนนับสิบเท่า กระทั่งอาจจะร้อยเท่า
“น้องหลงตายแล้ว!?” จักรพรรดิใต้พิภพกำหมัดทั้งสองข้างแน่นด้วยความโกรธ ในใจของเขารู้สึกโกรธแบบสุดๆ
ทั่วทั้งร่างปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึงออกมา นี่เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด พูดได้ว่าเขาไม่สามารถยับยั้งมันได้อีกต่อไป กระทั่งพื้นดินรอบๆ ยังเริ่มเผยรอยแตกเล็กๆ ออกมา เห็นได้ชัดว่าพลังนี้น่าสะพรึงขนาดไหน กระทั่งเศษชิ้นส่วนที่แตกออกมานั่นเริ่มปลิวว่อนไม่หยุด
แต่นี่ก็ถือว่าเขาสะกดไว้มากแล้ว ไม่อย่างนั้น ทั่วทั้งบริเวณนี้คงระเบิดออกเป็นจุลด้วยแรงกดดันที่ปล่อยออกมาของเขา คนรับใช้ต่างก็พากันมีสีหน้าแตกตื่น พวกเขาไม่เคยเห็นองค์จักรพรรดิโกรธขนาดนี้มานานแล้ว
“ใช่แล้ว เป็นเพราะเฉินไร้ความสามารถ ไม่อย่างนั้น ต่อให้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่ามาก ก็คงไม่สามารถจัดการกับเฉินได้เด็ดขาดขนาดนี้ กระทั่งระเบิดพลังทั้งหมดออกมา ก็ยังไม่สามารถต้านรับการโจมตีนั้นจากอีกฝ่าย” สีหน้าของราชครูซีดขาว ดูราวกับไม่เคยมีเลือดไหลผ่านมาก่อน โดยเฉพาะมารวมกับลมหายใจที่ติดขัด ทำให้ดูอ่อนแอกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“ขนาดเจ้าใช้พลังทั้งหมดยังไม่สามารถต้านทานอีกฝ่ายได้?” นัยน์ตาของจักรพรรดิใต้พิภพเผยให้เห็นถึงความตกใจอยู่หลายส่วน พลังของราชครูนั้นแข็งแกร่งมาก เขารู้จักดีเชียวล่ะ คำที่ว่าไม่สามารถจัดการได้นี้ หมายความว่าอีกฝ่ายต้องแข็งแกร่งกว่ามากนัก
“ใช่แล้ว แต่นี่เป็นเพราะว่าเฉินไม่ทันได้เตรียมตัว ทั้งยังประมาท ทำให้ถูกอีกฝ่ายโจมตีจนวิญญาณได้รับความเสียหาย” ราชครูพูดด้วยความอับอาย “ไม่อย่างนั้น เฉินคงสามารถพาพี่หลงกลับมาได้แล้ว…..”
เขาถอนหายใจอย่างหนัก ในสายตาเต็มไปด้วยความละลาย แต่เขาก็ใช้จ่ายไปมากจริงๆ
“ดูเหมือนว่าคราวนี้ข้าคงต้องออกโรงด้วยตัวเองแล้วสินะ….” จักรพรรดิใต้พิภพยืนขึ้น ในตาเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว
“ฝ่าบาท นี่ นี่ทำไม่ได้เด็ดขาดพะยะค่ะ….. หากพระองค์ไป ที่นี่จะต้องปั่นป่วนอย่างแน่นอน” ราชครูหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับรีบเอ่ยค้านอย่างรวดเร็ว
“แต่นี่ แล้วใครจะล้างแค้นให้กับน้องชายของข้า!” นัยน์ตาของจักรพรรดิใต้พิภพเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เขาเป็นน้องชายของข้า ในเมื่อน้องชายของข้าตาย แล้วจะให้ข้านั่งอยู่ที่นี่เฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไร แบบนี้มันถูกต้องกับเขาแล้วเหรอ!”
อัครเสนาบดีหลงเป็นน้องชายตามสายเลือดของจักรพรรดิใต้พิภพ แน่นอนว่านี่ไม่ได้มีการประกาศออกไป และการที่ส่งน้องชายของจักรพรรดิไปเป็นสายลับ เรื่องนี้แน่นอนว่าต้องเป็นแผนการที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยอย่างแน่นอน
“แก้แค้นย่อมต้องทำแน่ แต่ว่านี่ต้องทำเป็นสิ่งสุดท้าย พระองค์ต้องได้พลังของมังกรมืดมาก่อน ตราบเท่าที่ได้พลังนี้มา การจะจัดการกับอาณาจักรเทียนหลงก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป” ราชครูแนะนำ “อย่าให้เรื่องเล็กน้อยต้องทำให้เสียการใหญ่ ขอแค่พระองค์ทำเรื่องนี้สำเร็จ เรื่องแก้แค้นย่อมไม่ใช่ปัญหา!”
“ใช่แล้ว ขอฝ่าบาทอย่าได้วู่วาม ตอนนี้ต้องได้พลังของมังกรมืดมาครองก่อน จากนั้น โลกก็จะตกเป็นของอาณาจักรใต้พิภพเรา!”
ขุนนางคนอื่นรีบสนับสนุน บอกให้จักรพรรดิใต้พิภพอย่าได้วู่วาม
“บ้าเอ๊ย น้องหลง…..” จักรพรรดิใต้พิภพส่ายหัว แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “น้องหลงบอกว่าจะต้องครอบครองอาณาจักรเทียนหลงให้จงได้ ถ้างั้น ข้าก็จะขอนำทัพใต้พิภพด้วยตนเอง ต่อให้เป็นอาณาจักรเทียนหลง ก็ไม่สามารถต้านทานกองทัพใต้พิภพของข้าได้!”
ตอนนี้พวกเขาพากันเงียบ ตอนแรกที่ส่งอัครเสนาบดีหลงไป ก็เพื่อที่จะครอบครองอาณาจักรเทียนหลงจากภายในอย่างเด็ดขาด แม้ว่าอาณาจักรใต้พิภพจะทรงพลังมาก แต่การจะจัดการกับอาณาจักรเทียนหลงมีโอกาสครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งนี่ไม่เป็นผลดีต่ออาณาจักรใต้พิภพอย่างมาก
ดังนั้นจึงได้เกิดแผนนี้ขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าอยู่ๆ จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทำให้ทหารส่วนใหญ่ต้องตายไป เรื่องนี้ถือว่าน่าตกใจจริงๆ
ก็ใครจะไปคิด? แผนที่วางไว้จะสำเร็จอยู่แล้ว คิดว่ายังไงก็ต้องได้อาณาจักรเทียนหลงมาไว้ในกำมือ แต่ความจริงกลับผิดไปจากที่ทุกคนคิด ฝั่งนั้นกลับมีสุดยอดผู้เชี่ยวชาญที่สังหารพวกเขาไปกว่าครึ่ง ยิ่งกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญทางฝั่งพวกเขากลับถูกสังหารสิ้น
“นี่เป็นเพราะว่าพวกเราประมาทเกินไป แต่จากนี้ไปจะไม่มีการประมาทอีก ตราบเท่าที่ฝ่าบาทได้พลังของมังกรมืดมา ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา อย่าว่าแต่อาณาจักรเทียนหลงเลย กระทั่งอาณาจักรที่อยู่รอบๆ ก็ต้องตกมาอยู่ในถุงย่ามของพวกเรา เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราก็จะกลายเป็นขุมอำนาจชั้น 5 แดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร้แรงกดดัน” สายตาของราชครูเป็นประกาย ทั้งยังเต็มไปด้วยความมุ่งหวังอย่างเต็มเปี่ยม
“แดนศักดิ์สิทธิ์…..” นัยน์ตาของจักรพรรดิใต้พิภพเต็มไปด้วยความต้องการอย่างแรงกล้า หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็จะเข้าสู่ดินแดนใหม่ เพียงแต่ดินแดนนี้พวกเขาเพียงแต่ได้ยินมา ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก
แม้จะเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงภูมิประเทศ แต่เป็นสวรรค์ชั้นฟ้า!
“เอาล่ะ ไว้เมื่อไหร่ที่พวกเราเตรียมตัวแล้วเสร็จ เมื่อข้าได้พลังของมังกรมืดมาครอบครอง เพียงแค่ลมหายใจเดียว ข้าก็จะรวบรวมอาณาจักรเทียนหลงและอาณาจักรเทียนจิ่งมาเป็นของข้า!” สายตาของจักรพรรดิใต้พิภพเป็นประกาย จนแทบจะอดใจไว้ไม่อยู่
ขณะที่ทางนั้นกำลังวางแผนการกันอยู่ ทางฝั่งอี้เทียนหยุนก็ได้จัดการเรื่องของตนจนเสร็จ ศพที่อยู่ด้านนอกถูกเก็บกวาดจนสะอาด ภารกิจของที่นี่ก็เสร็จแล้ว ทั้งยังไม่มีภารกิจอื่นอีก
“ไม่มีภารกิจต่อเนื่องแล้ว น่าเสียดายจริงๆ…..” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว จื่อโหรวก็ไม่ได้เป็นเสิ่นหนี่แล้ว เป็นได้เพียงองค์หญิงเท่านั้น
ยังไงก็ตาม เมื่อไม่มีภารกิจแล้ว จะได้เป็นเสิ่นหนี่หรือไม่ ก็ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ ถ้าจะให้พูดแล้ว การที่จะกลายเป็นเสิ่นหนี่ นั่นก็ต้องหลังจากที่เริ่นหลงมอบตำแหน่งให้กับเธอเท่านั้น
“อี้ เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?” เริ่นหลงเดินออกมาจากท้องพระโรง เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนยืนอยู่นอกตำหนัก จึงได้เดินเข้ามาถาม
“ไม่มีอะไร ข้าก็แค่มาดู ในที่สุดทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบเสียที” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา
“ใช่ ทุกอย่างคืนสู่ความสงบแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จักรพรรดิใต้พิภพจะนำกองทัพมาโจมตีเมื่อไหร่ แต่ต่อให้มามากแค่ไหน พวกเราก็จะต้องต้านเอาไว้ให้ได้!” เริ่นหลงยิ้ม ในสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ “หากไม่มีคำพูดของเจ้า พวกเราคงตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูแล้ว เจ้าเป็นผู้ปลดปล่อยของอาณาจักรเทียนหลงเราจริงๆ”
“ข้ารู้สึกว่าต่อให้ไม่มีข้า อาณาจักรเทียนหลงก็ยังสามารถผ่านมันไปได้อยู่ดี ไม่ใช่ว่าท่านยังมีตัวช่วยอีกมากหรอกเหรอ?” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกายวาบ
“มีก็มีอยู่ แต่ก็จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไป อย่างเช่นชีวิตของข้า” เริ่นหลงพูดด้วยรอยยิ้มสบายๆ มากไปด้วยอิสระ “หากว่าวันหนึ่งข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะยอมเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรเทียนหลงได้หรือเปล่า?”
“พี่ใหญ่เริ่น คำพูดนี้ไม่ควรเอามาพูดเล่นนะ หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับท่าน?” อี้เทียนหยุนส่ายหัวแล้วพูดขึ้น
“ข้าไม่ได้พูดเล่น ข้าคิดว่ากาลข้างหน้า เจ้าจะต้องแข็งแกร่งพอที่จะเป็นจักรพรรดิได้ เอาจริงๆ แล้ว ข้าไม่ได้อยากรับตำแหน่งจักรพรรดินี้ไว้เลย ข้าชอบอิสระ อยากจะเดินทางไปทั่วทุกหนแห่งมากกว่า” เริ่นหลงใช้สายตาที่เป็นประกายมองมาที่เขา แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “อี้ เจ้าจะรับปากคำขอนี้ของข้าได้หรือเปล่า?”
ในตอนนี้ เริ่นหลงก็ได้เผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา นี่ไม่ใช่การโกหก เขาไม่ได้ต้องการตำแหน่งจักรพรรดินี้จริงๆ บางคนชอบที่จะได้มีอำนาจ แต่ในขณะที่บางคนชอบที่จะได้มีอิสรเสรี แล้วโบยบินไปรอบๆ มากกว่า และเริ่นหลงก็เป็นคนจำพวกหลัง ที่ไม่ชอบที่จะต้องถูกกักขังอยู่ในที่แห่งนี้