CLS ตอนที่ 418: โศกนาฏกรรม
ใช้ไข่มุกสมบัติเทียนหลิงเป็นของหมั้น แน่นอนว่าย่อมทำให้ผู้คนตื่นตกใจ พูดได้ว่าเป็นของหมั้นที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว หากเปลี่ยนเป็นตระกูลทั่วไป คงไม่มีทางบอกปฏิเสธได้อย่างแน่นอน
สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์เป็นของหายาก เป็นของที่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ถึงจะมี ซึ่งตระกูลส่วนใหญ่ไม่มีผู้ฝึกตนระดับวิญญาณเที่ยงแท้อยู่ จินตนาการได้เลยว่าของหมั้นชิ้นนี้นั้น ย่อมถือเป็นของที่ล้ำค่าอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งของประเภทสมบัติอย่างนี้ หากเทียบกับอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไปแล้ว ถือว่าล้ำค่ากว่ามาก
ไม่แปลกที่สวี่เฟยจะพูดอย่างมั่นใจอย่างนี้ การใช้ไข่มุกสมบัติเทียนหลิงเป็นของหมั้น ย่อมสามารถทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน ยิ่งประสิทธิภาพของของสิ่งนี้ยิ่งน่าตื่นตะลึงด้วยแล้ว การที่มอบของสิ่งนี้ออกไป สามารถจินตนาการได้เลยว่าเขานั้นรักฉินเสวี่ยขนาดไหน
“นี่คือสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์…..” สีหน้าของผู้อาวุโสรองเปลี่ยนไป ไม่คิดว่าสวี่เฟยจะนำของระดับนี้มาใช้เป็นของหมั้น พูดได้ว่าขนาดประมุขตระกูลสวี่ยังไม่มีสมบัติที่ล้ำค่าขนาดนี้ การที่สวี่เฟยเอาของสิ่งนี้ออกมาได้ พูดได้เลยว่าทำให้พวกเขารู้สึกตกใจจริงๆ
ผู้อาวุโสคนอื่นที่ออกมาพร้อมกัน หลังจากที่เห็นเหตุการณ์นี้ ก็พากันหน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ในสายตาเผยร่องรอยแห่งความโลภออกมา ของสิ่งนี้ก็มีผลกับพวกเขาเช่นกัน มันสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนให้พวกเขาได้ถึงสองเท่า แล้วอย่างนี้พวกเขาจะไม่อยากได้ได้ยังไง
“ใช่แล้ว นี่คือสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ หากว่าข้าได้ใช้ไข่มุกสมบัติเทียนหลิงนี้ ความเร็วในการเลื่อนระดับของข้าก็จะเร็วขึ้นมาก หากเทียบกับคนทั่วไป! ทั้งการที่จะเลื่อนระดับจนถึงระดับวิญญาณเที่ยงแท้หรือเหนือกว่า ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป” สวี่เฟยชูไข่มุกสมบัติเทียนหลิงในมือขึ้น จากนั้นก็มองไปยังฉินเสวี่ยแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าเร็วๆ นี้ พวกท่านวางแผนจะให้เสี่ยวเสวี่ยแต่งงานกับตระกูลฟู่ เพียงเพราะว่าคราวนี้ตระกูลฟู่มีผลงานในสนามรบอย่างมาก จึงได้อยากจะให้เสี่ยวเสวี่ยแต่งงานกับตระกูลฟู่ให้เร็วที่สุด นับว่าเป็นแผนการที่น่าสนใจจริงๆ! แต่ว่าเสี่ยวเสวี่ยไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่เครื่องมือที่จะใช้เพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ หากว่าพวกท่านต้องการการชดเชย ข้าก็จะขอใช้ไข่มุกสมบัติเทียนหลิงนี้เพื่อชดเชยสิ่งที่พวกท่านเสียไป!”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ พร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่น หากต้องให้เลือก เขายอมแลกไข่มุกสมบัติเทียนหลิงนี้ เพื่อที่จะได้ฉินเสวี่ยมาอยู่ข้างกาย
ฉินเสวี่ยเอามือปิดปาก พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ เธอไม่อยากจะเป็นเครื่องเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ของตระกูล เธอก็แค่อยากจะอยู่ด้วยกับสวี่เฟย แต่เธอทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ต้องยอมแต่งงานอย่างจำยอม
“แค่สิ่งนี้อย่างเดียวเป็นไปไม่ได้!” ในตอนนี้เอง ได้มีชายวัยกลางคนรูปลักษณ์หล่อเหลาเดินออกมา ชายผู้นี้ดูแล้วคล้ายกับฉินเสวี่ยอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเขาคือประมุขตระกูลฉิน ฉินหล่ง!
“พ่อ….” เมื่อฉินเสวี่ยเห็นฉินหล่งเดินมา ก็พลันมีท่าทางหวาดกลัว
ฉินหล่งไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอ แต่กลับมองไปที่สวี่เฟยด้วยสายตาที่เป็นประกาย พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไข่มุกสมบัติเทียนหลิงนี้เป็นของดี แต่เจ้าคิดว่าสิ่งนี้มันจะช่วยให้ตระกูลข้าก้าวหน้าได้อย่างงั้นเหรอ? สมบัติก็สำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าคือคนหนุนหลัง! ถ้าเจ้ามอบสมบัติชิ้นนี้ให้พวกเรา แน่นอนว่ามันย่อมล้ำค่ากว่าของหมั้นที่ตระกูลฟู่มอบให้ แต่ว่าเจ้าไม่สามารถปกป้องพวกเราได้ เพราะระดับของเจ้าต่ำเกินไป นอกเสียจากว่าระดับของเจ้าจะแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับผันแปรวิญญาณ รวมกับตระกูลสวี่ทั้งตระกูลให้การสนับสนุน แต่ตอนนี้กระทั่งตระกูลสวี่ยังละทิ้งเจ้า แล้วเจ้ายังจะคิดว่าตัวเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะแต่งงานกับลูกสาวของข้าอย่างงั้นเหรอ?”
คำพูดของฉินหล่งเป็นเหมือนกับหนามที่แหลมคม ปักเข้าที่กลางหน้าอกของเขาอย่างแรง ไข่มุกสมบัติเทียนหลิงเป็นของดี แต่ที่ฉินหล่งต้องการคือความสัมพันธ์ของมนุษย์ ต่อให้ไข่มุกสมบัติเทียนหลิงนี้จะดีมาก แต่ความแข็งแกร่งของมันมีจำกัด ทั้งยังเป็นเหมือนเผือกร้อน ที่สามารถนำพาหายนะมาสู่ผู้เป็นเจ้าของได้
เพื่อที่จะทำให้ตระกูลฉินดำรงอยู่ต่อไป สิ่งที่พวกเขาต้องการมากกว่าก็คือเส้นสาย หากฉินเสวี่ยแต่งเข้าตระกูลฟู่ ฐานะของเธอจะต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงสามารถช่วยตระกูลฉินได้ นี่ก็เหมือนกับสายน้ำที่ทอดยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉินหล่งต้องการ
และเมื่อคิดถึงจุดนี้ สมบัติเพียงอย่างเดียวจึงไม่ดีพอ เพราะยังขาดซึ่งฐานะ!
คำตอบนี้ทำให้สวี่เฟยต้องตกตะลึงราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่ นี่ก็คือความคิดที่แท้จริงของตระกูลฉิน
สวี่เฟยเงียบไป ตาทั้งสองข้างแดงก่ำ กัดฟันแน่น ตอนแรกคิดว่าแค่มีไข่มุกสมบัติเทียนหลิงนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาได้แต่งงานกับฉินเสวี่ย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดง่ายเกินไป
“ขอเวลาให้ข้าสักหน่อย ข้าจะต้องปกป้องตระกูลฉินได้อย่างแน่นอน!” วี่เฟยพูดลอดไรฟันออกมา
“ให้เวลาเจ้า? กี่ปีกัน? ห้าปี? หรือว่าสิบปี?” ฉินหล่งพูดอย่างดูถูก “นั่นมันนานเกินไป หากว่าข้าให้ฉินเสวี่ยแต่งตอนนี้ ข้าก็จะเห็นผลลัพธ์ในทันที นอกจากว่าเจ้าจะทำให้ทั้งตระกูลสวี่ยอมสนับสนุนเจ้า พร้อมทั้งสามารถมีปากมีเสียงในตระกูลได้ ข้าถึงจะยอมให้ฉินเสวี่ยแต่งกับเจ้า แต่ว่าตอนนี้เจ้ามีอะไรกัน? พี่น้องของเจ้าคนไหนบ้างที่ไม่ดีไปกว่าเจ้า? กระทั่งปากเสียงเจ้ายังไม่มี ไม่อย่างนั้นคงไม่หนีการแต่งงานออกมาอย่างนี้หรอก เจ้ามันก็แค่คนไม่มีน้ำยาเท่านั้นเอง”
ฉินหล่งส่ายหัว มองมายังสวี่เฟยราวกับกำลังมองขยะ
“พ่อ พอได้แล้ว! หากไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่สวี่ช่วยข้าไว้ ข้าคงตายอยู่ข้างนอกไปแล้ว!” ฉินเสวี่ยมองพ่อของเธออย่างโมโห ก่อนที่ตะโกนออกมาเสียงดัง “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้เวลาพี่ใหญ่สวี่ไม่ใช่เหรอ ไม่คิดเลยว่าท่านจะกลับคำพูดตัวเองอย่างนี้!”
“เจ้าหุบปากซะ!” ฉินหล่งแค่นเสียงออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เรื่องที่มันช่วยเจ้าไว้ อย่างมากข้าก็ให้ของตอบแทนมันก็จบ แต่ว่าข้าไม่ยอมให้เจ้าแต่งงานกับขยะอย่างมันแน่ นี่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อตระกูลฉินทั้งนั้น!”
คำพูดของเขาเป็นการดูถูกสวี่เฟยอย่างสุดๆ
“สวี่เฟย เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!” ในตอนนี้เอง ก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา คนที่นำหน้ามาคือสวี่ซวี่ ประมุขตระกูลสวี่ ซึ่งเป็นพ่อของสวี่เฟย
และเมื่อพวกเขาเห็นไข่มุกสมบัติเทียนหลิงในมือสวี่เฟย อย่างแรกคือแสดงอาการตกใจ จากนั้นก็แสดงสายตาแห่งความโลภออกมา
“นี่คือสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นเหรอ?” สวี่ซวี่พูดออกมาด้วยความตกใจ “เจ้าไปได้สมบัติชิ้นนี้มายังไง?”
“พ่อ นี่เป็นของหมั้นที่ข้านำมามอบให้ตระกูลฉิน!” สวี่เฟยพูดอย่างจริงจัง “พ่อ ข้าอยากให้ท่านสนับสนุนข้า ให้ข้าได้แต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลฉิน!”
“เจ้าโง่หรือเปล่า? นี่เป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ เก็บเอาไว้ให้พี่ใหญ่ของเจ้าใช้ดีกว่า หลังจากนี้เจ้ายังกลัวว่าจะไม่ได้แต่งอีกเหรอ!” สวี่ซวี่พูดอย่างเย็นชา “กลับไปกับข้า การที่ต้องใช้สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์แลก มันไม่คุ้มอย่างมาก!”
“ประมุขสวี่ ท่านกำลังบอกว่าลูกสาวของข้าไม่คุ้มกับสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นเหรอ?” ฉินหล่งพูดอย่างเดือดดาล
“ฮึ่ม นี่ยังต้องให้บอกอีกเหรอ? หากว่าเก่งจริง เจ้าก็เอาอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมาให้ดูตอนนี้เลยสิ?” สวี่ซวี่พูดอย่างดูถูก ทำให้ฉินหล่งต้องหยุดคำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกมา
ฉินหล่งก็ไม่มีปัญญาเอาอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้จริงๆ นั่นล่ะ ตระกูลฉินไม่มีอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ ตัวเขานั้นต้องการอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็อยากได้การสนับสนุนของตระกูลฟู่เช่นกัน
ประมุขทั้งสองตระกูลทะเลาะกัน แต่ในตาของสวี่เฟยยังคงเต็มไปด้วยความเสียใจและโมโห เขาไม่คิดว่าพ่อของเขาจะไม่ยอมสนับสนุนเขา ทั้งยังอยากจะเอาสมบัติของเขาไปให้กับพี่ใหญ่ใช้อีก! สมบัติชิ้นนี้ เขาต่อสู้อย่างยากลำบากกว่าจะได้มา แต่นี่กลับต้องการพรากมันไปจากอกของเขาอีก!
แม้ว่าจะไม่ใช่คนนอก แต่คำพูดนี้ก็ทำให้เขาโกรธจริงๆ ตระกูลสวี่ไม่ใช่ที่ที่เขาจะใช้อยู่อาศัยได้จริงๆ อยู่ในนั้น เขาเป็นคนที่แย่ที่สุด ทั้งยังถูกปฏิบัติด้วยความเย็นชา กระทั่งถูกคิดกำจัดเป็นเรื่องปกติ
“ยังจะยืนเซ่ออยู่อีก มากับข้า เอาสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์มาให้ข้า!” สวี่ซวี่ยื่นมือเข้ามาแย่ง แต่สวี่เฟยก็หลบอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมให้พ่อของตนเอามันไป
“นี่เจ้ากล้าหลบอย่างงั้นเหรอ เชื่อไหมว่าข้ากล้าฆ่าเจ้า!” สวี่ซวี่พูดอย่างเย็นชา
“นี่เป็นของที่ข้าได้มาด้วยความสามารถของข้า!” สวี่เฟยมองไปยังพวกเขาอย่างเดือดดาล แล้วพูดขึ้นมาว่า “จากนี้เป็นต้นไป ข้าไม่ใช่คนของตระกูลสวี่อีก!”
พูดจบเขาก็หมุนตัววิ่งหนีไป แต่คนของตระกูลสวี่ก็ล้อมเขาไว้อย่างรวดเร็ว ปิดทางหนีของเขาเอาไว้
“ต่อให้เจ้าไม่ใช่คนตระกูลสวี่ แต่สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้เจ้ายังต้องส่งออกมา!” สวี่ซวี่โบกมือบอกให้พวกเขาลงมือ พร้อมกับมองไปที่เขาอย่างเย็นชา
ในสายตาของสวี่เฟยเต็มไปด้วยความเสียใจ ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะต้องมาตายด้วยน้ำมือของครอบครัวตนเอง
“ข้าก็อยากจะรู้นักว่าใครที่มันกล้าลงมือ?” ในตอนนี้เอง ก็ได้มีร่างหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน พร้อมกับมองมาที่พวกเขาอย่างเย็นชา