CLS ตอนที่ 421: ภารกิจหลักสำเร็จ
ตำหนักขนาดใหญ่บินไปยังทวีปเทียนจิ่ง เรื่องนี้พลันก่อให้เกิดความแตกตื่นต่อทวีปตี้จิ่งในทันที แม้แต่ตอนที่กำลังบินไปยังทวีปเทียนจิ่ง ก็ยังทำให้ผู้คนมากมายถกเถียงกัน ว่าแท้จริงแล้วเป็นขุมอำนาจไหน ต้องมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด ถึงได้สามารถมีตำหนักที่บินได้อย่างนี้?
ยังไงก็ตาม เรื่องนี้ก็ไม่ได้ดังไปทั่วเหมือนเรื่องอาณาจักรใต้พิภพถูกอาณาจักรเทียนหลงต่อยตีจนต้องหนีไป พวกเขาก็แค่สงสัยเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไรเป็นพิเศษ ส่วนทางฝั่งอาณาจักรใต้พิภพเองก็ไม่มีเวลาที่จะมาสนใจเรื่องนี้ แต่หากว่าพวกเขารู้ว่าประมุขวังเทียนหยุนคือองค์ชายอี้ผู้จัดการกับพวกอัครเสนาบดีหลงจนราบคาบแล้วล่ะก็ พวกเขาจะต้องเข้ามาโจมตีและพยายามเข้ายึดครองมันอย่างแน่นอน
การปกปิดฐานะของอี้เทียนหยุนนั้นดีมาก ก่อนหน้านี้เรื่องของมังกรดำก็เปิดเผยออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งยังผ่านมาเป็นเวลานานแล้วด้วย คนที่รู้ก็มีแต่ศิษย์ของวังเทียนหยุน ดังนั้นคนภายนอกจึงไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ ดังนั้น ต่อให้อาณาจักรใต้พิภพเข้ามาสอบถามก็ไม่ได้อะไรกลับไป
ดังนั้น อี้เทียนหยุนจึงกล้าพาวังเทียนหยุนบินข้ามมายังทวีปเทียนจิ่งโต้งๆ เพราะทางอาณาจักรใต้พิภพนั้นกำลังยุ่งอยู่ กำลังกังวลกับเรื่องของความปลอดภัย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา
หลังจากบินมาได้หลายวัน ซากโบราณสถานเทียนเฉินก็ได้บินมาถึงวังเทียนจี๋อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เลือกสถานที่ใกล้ๆ เพื่อลงจอด จนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น พร้อมกับแผ่นดินไหว ทำให้ศิษย์ของวังเทียนจี๋หลายคนพากันซวนเซไปชนกับของรอบๆ จนผู้อาวุโสทั้งหลายพากันรีบวิ่งออกมา แต่พวกผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้ออกมาด้วย
เหตุผลเพราะว่าโลกภายนอกคิดว่าพวกเขาได้ตายไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้บอกกับเหล่าศิษย์ เพราะว่ากลัวว่าพวกเขาจะเผลอหลุดปากออกไป ทำให้คนที่ออกมามีแค่ หยางอวี่กับพวกเหอเชียนหานเท่านั้น
และเมื่อพวกเธอเห็นอี้เทียนหยุนเดินออกมาจากข้างใน ก็พลันทำให้พวกเธอพากันตกใจในทันที ไม่คิดว่าคนที่พาตำหนักนี้มา จะเป็นประมุขอย่างไม่คาดคิด!
“นี่ นี่…..” เมื่อเหอเชียนหานเห็นอี้เทียนหยุนเดินออกมา ก็ไม่รู้ว่าจะควรจะเรียกเขาว่าประมุขดีหรือเปล่า เพราะว่าฐานะนี้ไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้ ยิ่งต่อหน้าคนอื่นด้วยแล้ว
“หือ ลูกพี่!” เมื่อหยางอวี่เห็นอี้เทียนหยุนเดินออกมา ก็พลันรู้สึกตกใจอย่างมาก
ขณะที่ทุกคนคิดว่ามีผู้เชี่ยวชาญมาโจมตี ไม่คิดว่าผู้ที่ออกมาจะเป็นอี้เทียนหยุน ซึ่งเป็นศิษย์ของตำหนักเทียนเหวินที่อยู่ๆ ก็หายไป ทั้งไม่รู้ว่าหายไปไหน แต่ตอนนี้กลับปรากฏตัวขึ้นมา ทั้งยังออกมาจากตำหนักใหญ่หลังนี้อีก
อี้เทียนหยุนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ จากนั้นก็พูดกับเหอเชียนหานว่า “ไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไปแล้ว ไปพาพวกเขาออกมาเถอะ”
เหอเชียนหานตกใจ ภายใต้ความสงสัยของผู้คน เธอรีบวิ่งกลับเข้าไปยังวังเทียนจี๋ ทำให้ผู้คนพากันมองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไร
อี้เทียนหยุนหันกลับไปพูดกับพวกชิเสวี่ยอวิ๋นว่า “จากวันนี้ไป ที่นี่จะเป็นที่ตั้งของวังเทียนหยุนเรา!”
“ที่นี่คือวังเทียนจี๋ สำนักที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสำนักของท่านบรรพบุรุษอย่างงั้นเหรอ?” ชิเสวี่ยอวิ๋นกับพวกพากันหันไปมองรอบๆ แต่ไม่ว่าจะมองยังไง สภาพแวดล้อมรอบๆ นี้ ล้วนแต่ดีกว่าที่ที่พวกเธอเคยอยู่ แม้ว่าจะไม่อาจเทียบได้กับสำนักระดับสูงสุด แต่ในขุมอำนาจชั้น 3 ด้วยกันแล้ว ถือว่าดีมากทีเดียว
ศิษย์ของวังเทียนจี๋พากันสงสัย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เมื่อเห็นว่ามีคนพากันหลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ เหล่าผู้อาวุโสก็ยังไม่ทำอะไร
เหล่าผู้อาวุโสจะไปกล้าทำอะไรได้ยังไง อี้เทียนหยุนเป็นประมุขของพวกเขา พวกเขาจะเอาสิทธิ์ที่ไหนไปขวาง? เมื่อเห็นว่ามีผู้เชี่ยวชาญออกมากันมากเรื่อยๆ พวกเขาก็พากันเอาแต่ดีใจ จะเอาเวลาที่ไหนไปขวางกัน
อย่างรวดเร็ว ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกมู่เซียนเอ๋อก็พากันเดินออกมาจากข้างใน เพิ่งจะออกมา ผู้คนที่ได้เห็นก็พากันตกใจจนเซ่อไปในทันที เพราะพวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่ถูกลือว่าตายอยู่ข้างนอกนานแล้ว ทำไมถึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้ล่ะ?
ข่าวที่พวกมู่เซียนเอ๋อตาย ทำให้คนของวังเทียนจี๋จำนวนมากเสียใจอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตายของผู้อาวุโสใหญ่ ทำให้ผู้คนทั้งหลายพากันเสียใจมาก แต่ตอนนี้อยู่ๆ ก็โผล่ออกมา จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้ยังไง
“ผู้ ผู้อาวุโสใหญ่….. มู่เซียนเอ๋อ? เจ้า…..”
พวกเขาตกใจจนพูดไม่ออก คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ หลังจากได้สติ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
“ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียใจ จริงๆ แล้วพวกเรายังไม่ตาย ประมุขเป็นคนพาพวกเราหนีออกมา แต่เพราะกลัวว่าจะถูกอาณาจักรใต้พิภพไล่ล่า จึงได้ปิดบังเอาไว้” ผู้อาวุโสใหญ่ตอบ
“ประมุขอย่างงั้นเหรอ?” พวกเขาตกใจอีกครั้ง ทั้งยังรู้สึกสงสัยอย่างมาก ไม่ใช่ว่าประมุขถูกทำลายพลังไปแล้วหรอกเหรอ จะเอาปัญญาที่ไหนไปช่วยคนอื่นได้อีก?
“ที่จริงแล้วตรงหน้านี้ก็คือประมุขคนปัจจุบันของพวกเรา ท่านได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว เพียงแต่เพราะเหตุการณ์ของเมืองจู้หลง ทำให้ไม่ได้บอกออกไป” ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ท่านประมุขบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว งั้นข้าก็จะถือโอกาสบอกออกไปเลยแล้วกัน!”
ผู้อาวุโสใหญ่ผายมือไปทางอี้เทียนหยุน พร้อมกับบอกว่านี่ก็คือประมุขของพวกเขา ข่าวนี้ทำพวกเขาพากันตกใจ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเขาเป็นศิษย์ของตำหนักเทียนเหวินหรอกเหรอ? ทำไมอยู่ๆ ถึงได้กลายเป็นประมุขไปได้ล่ะ?
สมองของพวกเขาราวกับไม่ทำงาน ตกใจจนพูดไม่ออกกับข่าวนี้ ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วม อยู่ๆ ก็กลายมาเป็นประมุข เป็นใครก็ตกใจกันทั้งนั้นแหละ
“ใช่แล้ว ข้าคือประมุขของพวกเจ้า ประมุขคนก่อนมอบตำแหน่งนี้ให้กับข้า จากนี้ไปข้าคือประมุขของวังเทียนจี๋อย่างเป็นทางการ!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “จากนี้ไป ข้าจะนำพาวังเทียนจี๋มุ่งสู่ความรุ่งโรจน์ จะไม่ทำให้ตกต่ำอีก!”
“แต่ก่อนหน้านั้น ข้ามีเรื่องต้องขอประกาศก่อน ข้าจะให้วังเทียนจี๋รวมเข้ากับวังเทียนหยุน ให้ถือเป็นนิกายเทียนจี๋ในวังเทียนหยุน เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย เพราะในวังเทียนหยุนยังมีนิกายภูตและนิกายเทียนเฉวียนอีก ดังนั้นจากวันนี้ไป พวกเราจะเป็นพวกเดียวกัน!” อี้เทียนหยุนบอกให้คนของเผ่าภูตและนิกายเทียนเฉวียนออกมา เมื่อพวกเขาเห็นคนของเผ่าภูต ก็พากันมีสีหน้าตกใจ
เรื่องของเผ่าภูตนั้นดังมาก มีคนบอกว่าไม่รู้ว่าพวกเขาย้ายไปอยู่ที่ไหน ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วจะอยู่ที่นี่
“ทุกคนอาจจะไม่เข้าใจนัก ดังนั้นข้าจะอธิบายง่ายๆ ให้ฟัง” ผู้อาวุโสใหญ่กระแอมออกมาเบาๆ พร้อมกับอธิบายขึ้นว่า “ท่านประมุขมีระดับผันแปรวิญญาณ เรื่องขุนนางจากอาณาจักรใต้พิภพที่เมืองจู้หลงก็เป็นเขาที่จัดการ การปกป้องเผ่าภูตจากการรุกรานก็เป็นเขา คนที่สังหารแม่ทัพหลงและแม่ทัพเฟิงก็เป็นท่านประมุขที่เป็นคนจัดการ”
เรื่องที่อาณาจักรเทียนหลงเป็นการกระทำของอี้เทียนหยุนนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ไม่รู้ ดังนั้นจึงไม่ได้บอกออกไป
ยังไงก็ตาม เพียงแค่นี้ก็พอที่จะทำให้พวกเขาตกใจจนพูดไม่ออกแล้ว ข้อมูลนี้โจมตีจนพวกเขาต้องพากันยืนเซ่อ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี พวกเขาไม่ทันได้ทำความเข้าใจก็มีเรื่องหนึ่งโผล่ขึ้นมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างใหญ่หลวง เรื่องแล้วเรื่องเล่าที่ถูกเอ่ยออกมา พูดได้ว่า ต่างก็เป็นเรื่องใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น
และระหว่างที่ผู้อาวุโสใหญ่ทำการอธิบายนี้ เสียงของระบบก็ดังขึ้นมาในที่สุด
“ติ๊ง ท่านทำภารกิจหลัก “ทำให้สำนักแข็งแกร่ง เลื่อนระดับนิกายเทียนเฉวียนให้เป็นวังเทียนเฉวียน พร้อมกับเคลื่อนย้ายมายังทวีปเทียนจิ่ง!” สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 100 ล้าน, ค่าความคลั่ง 1 ล้าน, ค่าความชำนาญ 100,000( สามารถกำหนดให้เป็นแต้มสำหรับวิชายุทธ์หรือความถนัดได้ตามต้องการ), ค่าความชั่ว 100,000, ชีวิต x1”
“แต่เพราะเกิดการรวมกันของหลายสำนัก และสร้างเป็นสำนักใหม่ ทำให้รางวัลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!”
“ติ๊ง ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 200 ล้าน, ค่าความคลั่ง 2 ล้าน, ค่าความชำนาญ 200,000, ค่าความชั่ว 200,000, ชีวิต x2!”
อยู่ๆ ก็ได้รางวัลเป็นสองเท่า นี่ทำให้เขาคิดไม่ถึงจริงๆ