CLS ตอนที่ 425: กองทัพเหยี่ยวบิน
พวกเขาเพิ่งมาถึงอี้เทียนหยุนก็เตรียมการแล้ว คนของวังเทียนจี๋ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เหตุผลเพราะพวกเริ่นหลงต่างก็พากันไม่พูดอะไร ต่างก็ยอมทำตามคำสั่งของอี้เทียนหยุนโดยสมบูรณ์
ส่วนคนที่มาด้วยกันกับเริ่นหลงต่างก็เป็นคนที่เคยเห็นพลังอำนาจของอี้เทียนหยุนมาก่อนแล้ว ทำให้ในใจของพวกเขาต่างก็พากันเชื่อมั่นอย่างสุดใจขาดดิ้น ไม่มีเสียงคัดค้านดังออกมาแม้แต่น้อย ในใจของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความสนับสนุน สนับสนุนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู!
“คารวะองค์ชาย!”
พวกเขาพากันส่งเสียงทักทายด้วยความเคารพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความเคารพในตัวอี้เทียนหยุน ทั้งยังมากไปด้วยความเลื่อมใส พูดได้เลยว่าหากไม่มีอี้เทียนหยุน ผู้คนในอาณาจักรเทียนหลงจะต้องมีการตายจำนวนมากอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกเลื่อมใสในตัวเขาอย่างมาก
“องค์ชายอย่างงั้นเหรอ?” คนของวังเทียนจี๋พากันขมวดคิ้ว ตกลงแล้วนี่เขาเป็นประมุขหรือว่าองค์ชาย?
อี้เทียนหยุนไม่คิดจะอธิบาย แต่ทำการแนะนำตัวพวกเขาให้รู้จักกัน หลังจากผ่านการแนะนำอย่างง่ายๆ พวกเขาก็ได้รู้ฐานะของพวกเริ่นกันพอสมควร
โดยเฉพาะยามเมื่อพวกเขารู้ว่าเริ่นหลงมีฐานะเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรเทียนหลง ก็ทำให้คนทั้งหลายต่างก็พากันตกใจ จักรพรรดิของอาณาจักรเทียนหลงคือใครกัน! และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ อี้เทียนหยุนดันเป็นองค์ชายของอาณาจักรเทียนหลงด้วย หลังจากแวะไปเที่ยวเล่นในที่แห่งนั้นมารอบหนึ่ง สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นองค์ชายอย่างงั้นเหรอ?
“เจ้าหนู หลังจากที่ไปอาณาจักรเทียนหลงมาเที่ยวหนึ่ง เจ้ากลายเป็นองค์ชายแล้วจริงๆ? เจ้านี่ช่างมีความสามารถจริงๆ นะ” ชิเสวี่ยอวิ๋นกลอกตาใส่เขา ก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนบอกว่าจะไปหาความช่วยเหลือที่อาณาจักรเทียนหลง และหลังจากที่กลับมา ตัวเขากลับกลายเป็นองค์ชายไปซะแล้ว
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้วังเทียนหยุนของพวกเราแข็งแกร่งได้ยังไง?” อี้เทียนหยุนยิ้มให้ชิเสวี่ยอวิ๋น
หลังจากทำความรู้จักกันแบบง่ายๆ แล้ว อี้เทียนหยุนก็ประกาศขึ้นมาว่า “เตรียมตัวได้ พวกเราจะไปยังอาณาจักรใต้พิภพกัน!”
เย่ชิงเสวียนที่อยู่ที่นี่พยักหน้า พวกเธอพร้อมกับบรรพชนเผ่าภูตต่างก็พากันควบคุมมหาค่ายกลบินในทันที เตรียมตัวบินไปยังอาณาจักรใต้พิภพอย่างเต็มกำลัง แน่นอนว่าเส้นทางสายนี้มีความเสี่ยงมาก ยังไงก็ต้องเตรียมตัวให้ดี
แม้ว่าตำหนักนี้จะบินได้ แต่ตำหนักที่บินได้ก็ไม่ได้พิเศษอะไร ฝั่งตรงข้ามก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณจำนวนมากเช่นกัน ทั้งยังมีสัตว์อสูรที่บินได้อยู่กลุ่มใหญ่ ดังนั้นการปะทะกลางอากาศกับพวกเขาย่อมไม่ใช่ปัญหา
“องค์ชายอี้ การที่เจ้าออกตัวเร็วขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะมีความมั่นใจมากสินะ?” เริ่นหลงตาเป็นประกาย ต่อหน้าคนอื่น เขาจึงเรียกอี้เทียนหยุนตามตำแหน่งว่าองค์ชายอี้
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว” อี้เทียนหยุนยิ้ม “แต่ต่อให้เราไม่ทำ อาณาจักรใต้พิภพก็จะต้องลงมือกับพวกเราอยู่ดี และเพื่อไม่ให้พวกเขาคิดว่ามีแต่พวกเขาเท่านั้นที่โจมตีคนอื่นได้ พวกเราจึงต้องโจมตีก่อน”
“พูดได้ดี!” เริ่นหลงยิ้ม พร้อมกับสายตาเป็นที่เป็นประกาย “แต่ว่าความยากก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย ยากมากที่จะโจมตีเมืองหลวงของพวกเขา ก่อนหน้านี้หลายปีไม่มีขุมอำนาจไหนเลยที่โจมตีอาณาจักรใต้พิภพได้สำเร็จ ถ้าหากพวกเราทำได้ ชื่อเสียงของพวกเราจะต้องโด่งดังมากอย่างแน่นอน”
ในเมืองหลวงใต้พิภพมีผู้คุ้มกันอย่างแน่หนา แต่ละคนต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง ทำให้ไม่สามารถทำลายได้ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนมาถึงตอนนี้ อาณาจักรใต้พิภพยังไม่เคยถูกทำลายมาก่อน กระทั่งยังไม่เคยมีกองกำลังไหนเคยบุกไปถึงเมืองหลวงใต้พิภพ เพราะต่างก็ถูกทำลายลงเสียก่อน
แม้ว่าอาณาจักรเทียนหลงจะไม่เคยถูกทำลายเลยสักครั้งเช่นกัน แต่ก็มีหลายครั้งที่ถูกศัตรูเข่นฆ่าจนมาถึงเมืองหลวง หากไม่มีสมบัติลับเทียนหลงคอยปกป้องแล้วล่ะก็ เมืองหลวงของพวกเขาคงตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูเรียบร้อยแล้ว
“ชื่อเสียงโด่งดัง….. การทำลายอาณาจักรใต้พิภพเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเชียว?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้จะต้องเป็นที่กล่าวขานไปชั่วนิจนิรันดรอย่างแน่นอน ในจำนวนขุมอำนาจระดับอาณาจักรนับไม่ถ้วน หากอาณาจักรใต้พิภพที่เป็นระดับแนวหน้าถูกพวกเราทำลายลง ขุมอำนาจระดับอาณาจักรทั้งหมดจะต้องพากันตกใจอย่างแน่นอน!” เริ่นหลงพูดด้วยรอยยิ้ม
“เป็นที่กล่าวขานไปชั่วนิจนิรันดร…..”
อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย จากนั้นก็เกิดเสียงดังลั่นขึ้นทั่วทั้งซากโบราณสถานเทียนเฉิน แต่ตอนนี้คงไม่สามารถเรียกว่าซากโบราณสถานเทียนเฉินได้แล้ว ต้องเรียกมันใหม่ว่า วังเทียนหยุน!
วิหารขนาดใหญ่ลอยขึ้นอีกครั้ง พวกเขาไม่คิดจะเสียเวลาอยู่ที่นี่นาน พร้อมกับออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้จุดหมายคืออาณาจักรใต้พิภพ ศิษย์ส่วนใหญ่ต่างก็อยู่ในวังแห่งนี้ ในใจของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น วังของพวกเขาในตอนนี้กำลังจะไปยังอาณาจักรใต้พิภพ สถานที่ที่น่าสะพรึงอย่างนั้น แล้วจะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นและกังวลได้ยังไง?
และในกระทั่งขณะที่กำลังเตรียมการ อี้เทียนหยุนก็ได้ออกคำสั่งให้พวกเขาเตรียมพร้อม พร้อมที่จะโจมตีอาณาจักรใต้พิภพทุกเมื่อ ในการจู่โจมอาณาจักรใต้พิภพนี้ แน่นอนว่าเขาไม่คิดที่จะออกไปเผชิญหน้าตามลำพัง เขาต้องการที่จะฝึกฝนเหล่าศิษย์พวกนี้ด้วย ไม่ได้นำพวกเขาไปเพียงเพื่อเป็นเครื่องประดับ แต่ต้องเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา
วังเทียนหยุนบินด้วยความเร็วที่ไม่เร็วนัก แต่ก็ไม่ช้าเช่นกัน บินเต็มกำลังตรงไปยังข้างหน้า ซึ่งข่าวนี้ก็รู้ถึงหูอาณาจักรใต้พิภพอย่างรวดเร็ว ทำให้คนของอาณาจักรใต้พิภพพากันตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าฝั่งตรงข้ามจะเป็นฝ่ายบุกมาที่นี่ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้ยังไง
นี่เป็นการเผชิญหน้ากับขุมอำนาจที่ต่างไปจากอดีต ใครก็ล้วนแต่เคยได้ยินถึงชื่อเสียงของอาณาจักรใต้พิภพ ไม่เพียงแต่ไม่หลบหนีในทันทีเท่านั้น แต่ขุมอำนาจอย่างวังเทียนหยุนนี้กลับใจกล้า เป็นฝ่ายบุกเข้าไปแทน!
“วังเทียนหยุนนี้เหนื่อยที่จะมีชีวิตแล้วหรือไง? แค่รับเผ่าภูตเข้าไปก็ถือว่ารนหาเรื่องมากพอแล้ว พวกมันคิดว่าพวกเรารังแกได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงได้กล้าเปิดฉากโจมตีพวกเราก่อน!” ราชครูสีหน้าดำคล้ำ พวกเขาเพิ่งจะตัดสินใจว่าจะจัดการกับเผ่าภูตพวกนี้ยังไงดี มาตอนนี้กลับงามหน้านัก พวกเขากลับกล้าเป็นฝ่ายโจมตีพวกเขาก่อน
“ส่งกองทัพเหยี่ยวบินออกไป เจ้าเป็นคนนำทัพออกไปด้วยตัวเอง ไปกำจัดพวกมันให้สิ้นซากซะ!” จักรพรรดิใต้พิภพสีหน้าเย็นชา พูดอย่างจริงจังว่า “นานแล้วที่ไม่มีใครได้เห็นพลังอำนาจของอาณาจักรใต้พิภพเรา จึงคิดว่าพวกเราจะถูกจัดการได้ง่ายๆ คิดว่าทุ่มพลังทั้งหมดออกมาแล้วจะทำให้พวกเราพ่ายแพ้ได้อย่างงั้นเหรอ? พาแม่ทัพป้องกันเมืองสองคนไปกับเจ้าด้วย หากจัดการพวกมันไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก!”
“พะยะค่ะ!” ราชครูขานรับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คราวนี้กระหม่อมจะไม่ทำพลาดอีกเด็ดขาด จะต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากราชครูทำความเคารพจักรพรรดิใต้พิภพแล้วก็หมุนตัวเดินจากมา เพราะคำสั่งในคราวนี้ ทำให้แม่ทัพป้องกันเมืองทั้งสองติดตามไปด้วย หากเป็นเมื่อก่อนพวกเขาคงจะไม่สนใจหากว่ามีแม่ทัพตายไปแค่คนสองคน แต่ว่าตอนนี้พวกเขาเหลือแม่ทัพอยู่น้อยมากแล้ว กระทั่งตอนนี้เมื่อส่งราชครูไป ก็ยังต้องนำแม่ทัพปกป้องเมืองไปด้วยอีกสองคน รวมเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ 3 คน หากว่าทำขนาดนี้แล้วยังไม่สามารถโจมตีและจัดการกับอีกฝ่ายได้ พวกเขาคงไม่มีหน้ากลับไปพบผู้คนจริงๆ แล้วล่ะ
ไม่มีใครรู้ว่าหากพวกเขาเจอกับอี้เทียนหยุนแล้วจะมีสีหน้ายังไง?
วังเทียนหยุนทำตามแผน บินไปยังเมืองหลวงใต้พิภพโดยตรง พวกผู้อาวุโสต่างก็นั่งประจำตำแหน่ง ไม่ได้เดินวุ่นวาย แต่เมื่อพวกเขาบินมาได้ครึ่งทางนั้น จู่ๆ ตรงหน้าก็ปรากฏจุดสีดำจำนวนมากขึ้น และเมื่อเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จุดสีดำที่ทุกคนเห็นนั้น ก็ได้กลายเป็นกองทัพเหยี่ยวบินกลุ่มหนึ่ง!
กองทัพเหยี่ยวบินนี้มีจำนวนมากกว่าพันตัว บนนั้นนั่งไว้ด้วยทหารระดับก่อแกนวิญญาณ นี่นับว่าเป็นกองทัพจู่โจมกลางอากาศที่น่าสะพรึง พวกเขาต้องการถล่มวังเทียนหยุนทิ้งจากกลางอากาศ
นอกจากกองทัพเหยี่ยวบินพวกนี้แล้ว พวกราชครูก็ได้นับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากบินมายังที่นี่ด้วย คราวนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นการเปิดศึกครั้งใหญ่ก็ว่าได้
“รายงานท่านประมุข ราชครูของอาณาจักรใต้พิภพได้นำกองทัพเหยี่ยวบินมาด้วยตนเอง รวมถึงแม่ทัพป้องกันเมืองอีกสองคนด้วย!” ผู้คุ้มกันที่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามารายงานอย่างรวดเร็ว
ทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจขนานใหญ่ นอกจากกองทัพเหยี่ยวบินแล้ว ราชครูยังเป็นคนนำทัพมาด้วยตัวเองด้วย มีเขาบัญชาการอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กองทัพเหยี่ยวบินนี้จะต้องแสดงพลังอำนาจออกมาได้สูงสุดอย่างแน่นอน
“ที่แท้ก็คนคุ้นเคยนี่เอง…..” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย เขาแน่นอนว่าย่อมไม่กลัวราชครู ในเมื่อเคยเอาชนะได้ครั้งหนึ่งแล้ว งั้นครั้งที่สองก็ย่อมไม่มีปัญหา กระทั่งสามารถทำให้เขาต้องทอดร่างกลายเป็นศพอยู่ที่นี่!