CLS ตอนที่ 427: เข่นฆ่าจนหวาดกลัว
ศาสตราวิญญาณนับหมื่นระดับค่อนข้างต่ำ แต่ว่าพลังย่อมไม่แย่อย่างแน่นอน พริบตาที่ศาสตรานับหมื่นบินเข้าใส่กองทัพเหยี่ยวบิน ก็มีคนตายไปแล้วกว่า 700-800 คน หากไม่ใช่เพราะแม่ทัพป้องกันเมืองและราชครูคอยป้องกันเอาไว้ พวกที่เหลืออยู่ 200-300 คนคงตายกันไปหมดแล้ว
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!”
ราชครูกับพวกพากันต้านรับศาสตราพวกนี้อย่างตึงมือ แม้ว่าการต้านทานพวกมันจะไม่ยากนัก แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถึงยังไงจำนวนของพวกมันก็มีมากเกินไปอยู่ดี พูดได้ว่าต่อให้อยากจะหลบก็หลบไม่พ้น แล้วอย่างนี้จะให้พวกเขาหลบได้ยังไง? พวกเขาจึงทำได้เพียงพยายามโจมตีศาสตราที่โถมเข้ามาราวกับพายุคลั่งนี้ให้พังลงไปเท่านั้น
มีเพียงทำให้ศาสตราพวกนี้สิ้นสภาพไป จึงจะทำให้พวกมันหยุดโจมตี เพราะการปัดพวกมันให้พ้นทางนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรเลย เพราะพวกมันยังคงโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่งต่อไป
ยังไงก็ตาม ราชครูกับพวกก็ไม่ใช่พวกอ่อนแอ แต่ละคนต่างก็เหวี่ยงศาสตราระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ยั้ง ทำให้สามารถทำลายศาสตราวิญญาณพวกนี้ได้เป็นจำนวนมาก จนพวกมันร่วงหล่นลงจากกลางอากาศ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะทำการสะบั้นศาสตราพวกนี้ไปมากแค่ไหน สักพักก็มีศาสตราวิญญาณชุดใหม่บินเข้ามาจากสี่ทิศแปดทาง โจมตีเข้าใส่พวกเขาอย่างดุร้าย ราวกับว่าไม่มีวันหมด ยังคงโจมตีเข้าใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
“นี่ นี่มันวิชาอะไรกัน ทำไมถึงได้สามารถควบคุมศาสตราวิญญาณได้มากขนาดนี้!?”
ราชครูกับพวกแทบจะเป็นบ้าไป อาวุธพวกนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับพวกเขา แต่กลับจำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขาเอาไว้ เพื่อถ่วงเวลาไม่ให้พวกเขาเข้าไปช่วยกองทัพเหยี่ยวบินได้ ทำให้พวกเขาต้องรับการโจมตีจากศาสตราวิญญาณพวกนี้ที่โจมตีเข้ามาไม่หยุด จนไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้
“บ้าเอ๊ย กองทัพเหยี่ยวบินตายกันจะหมดแล้ว….” แม่ทัพป้องกันเมืองคนหนึ่งร้องคำรามออกมา พวกเขาเพิ่งจะนำคนมา ไม่ทันไรก็ตายซะแล้ว ยังไม่ทันได้เห็นหน้าตาฝั่งตรงข้าม ก็แทบจะถูกฆ่าตายหมดสิ้น
“มารดามันเถอะ ข้าจะทำลายพวกมันให้หมด แม้ศาสตราวิญญาณพวกนี้จะมีจำนวนมาก แต่ก็เปราะมากเช่นกัน!” แม่ทัพป้องกันเมืองอีกคนร้องขึ้นมา จากนั้นก็เหวี่ยงค้อนยักษ์ในมือ ปล่อยลำแสงสีทองออกมารอบตัว กวาดเข้าใส่ศาสตราวิญญาณที่รุมล้อมเข้ามา
พร้อมกับบินตรงไปยังวิหารอย่างรวดเร็ว ขณะที่ทำลายศาสตราวิญญาณอย่างบ้าคลั่งไปตลอดทาง แม้แผนนี้จะทำให้เขาหยุดชะงักได้ แต่ก็ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้แม้แต่น้อย
ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนไม่ได้แลกชุดเกราะปรมาจารย์กระบี่มา หากว่าเป็นการจัดการกับคนจำนวนมาก ชุดเกราะปรมาจารย์กระบี่นี้เกือบจะไร้เทียมทาน หลักฐานก็คือมันสามารถจัดการกับผู้ฝึกตนที่มีระดับต่ำได้ดีมาก แต่หากว่าเป็นพวกที่มีระดับสูงขึ้นมาหน่อย ศาสตราวิญญาณพวกนี้กลับไม่สามารถสร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย
เพราะระดับของอาวุธต่ำเกินไป หากว่าเปลี่ยนพวกมันเป็นศาสตราระดับจิตวิญญาณแล้วล่ะก็ ต่อให้เป็นศาสตราระดับศักดิ์สิทธิ์ อีกฝ่ายก็ไม่มีทางที่จะทำลายศาสตราของเขาได้ง่ายขนาดนี้ ทั้งยังจะถูกโจมตีกลับอย่างบ้าคลั่งอีกด้วย แต่ว่าน่าเสียดายที่ประสิทธิภาพของชุดเกราะปรมาจารย์กระบี่ถูกจำกัดไว้เพียงแค่นี้เท่านั้น นอกเสียจากว่าจะยอมซื้อชุดที่มีระดับสูงกว่า
ต่อให้อีกฝ่ายอยากจะหลบก็หลบไม่ได้ แต่ว่าพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหลบ เพียงแค่กวาดมือครั้งหนึ่ง ก็สามารถทำลายศาสตราวิญญาณพวกนี้ได้แล้ว หากใช้มันจัดการกับพวกระดับต่ำถือว่าเป็นกระบวนท่าที่ไร้เทียมทานเลยทีเดียว โดยเฉพาะจัดการกับพวกทหารชั้นผู้น้อยพวกนี้ ถือว่าได้ผลเป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องจำนวนนั้น เขาสามารถจัดการได้มากเท่ากับจำนวนอาวุธที่เขาควบคุมได้!
รอบๆ มีเมืองอยู่สองสามเมือง เขาสามารถควบคุมศาสตราวิญญาณให้บินขึ้นมาได้ในระยะสิบลี้ นอกจากจะไม่มีศาสตราวิญญาณอยู่อีก ไม่อย่างนั้นเขาก็ยังสามารถเรียกพวกมันให้บินขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ใช้ถ่วงเวลาพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะหมดแรง
ทั้งศาสตราวิญญาณพวกนี้ยังไม่ใช่ของเขาอีกด้วย จะเสียก็ให้เสียไป ยิ่งกว่านั้น นี่ยังเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพอีก เขาจึงไม่จำเป็นต้องออมมือแต่อย่างใด หากให้เขาฆ่า เขาก็จะฆ่าจนกว่าจะเกิดเป็นเส้นทางโลหิตขึ้น
“แม่ทัพป้องกันเมือง…..” อี้เทียนหยุนหรี่ตา
ในมือปรากฏคันศรน้ำค้างแข็งเทวะขึ้น พร้อมกับทำการน้าวสายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะปรากฏศรน้ำแข็งขนาดใหญ่ เล็งไปทางแม่ทัพป้องกันเมืองที่กำลังพุ่งเข้ามาที่นี่ และในขณะที่กำลังน้าวสายนี้ ศาสตราวิญญาณรอบๆ ยังคงโจมตีเข้าใส่เขาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้หยุดมือแม้แต่น้อย
การโจมตีของศาสตราวิญญาณรอบๆ ไม่ได้เป็นการรบกวนการใช้อาวุธของเขา หมายความว่าเขายังคงสามารถใช้อาวุธอื่นโจมตีได้อยู่ดี เพราะศาสตราวิญญาณพวกนี้ต้องการเพียงความคิดสั่งการจากเท่านั้น ก็จะโจมตีได้ตามใจต้องการ ถือว่าควบคุมง่ายมาก
“ไป!”
นัยน์ตาของอี้เทียนหยุนระเบิดแสงเย็นเยียบออกมา พร้อมกับยิงศรน้ำแข็งในมือแหวกอากาศออกไป ศรนี้มีพลังรบมากถึง 60 ล้าน และนี่ก็เป็นขีดจำกัดของศรน้ำค้างแข็งเทวะเช่นกัน
“แกรก…..”
ศรน้ำค้างแข็งเทวะปรากฏรอยร้าวขึ้นอีกครั้ง ดูท่าใกล้จะถึงขีดจำกัดของมันเข้าไปทุกที หากยังใช้ท่านี้ต่อ ความทนทานของมันคงต้องมาถึงขีดจำกัด จากนั้นก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นๆ ในสักวัน
เพราะพลังที่ป่าเถื่อนนี้ ก็ไม่ใช่อะไรที่ศาสตราที่ไม่ใช่ระดับศักดิ์สิทธิ์จะทนทานได้ ทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาออกไป
แม้บางทีจะมีผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงสามารถใช้เพียงใบไม้ปล่อยพลังที่แข็งแกร่งออกมา แน่นั้นก็ทำได้เพียงปลดปล่อยพลังเพียงบางส่วนออกมาเท่านั้น ไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่มีทั้งหมดออกมาได้ อาวุธเป็นเสมือนเพื่อคู่ใจตลอดชีวิต หากว่าไม่สามารถใช้มันเพื่อแสดงพลังทั้งหมดออกมาได้ อย่างนั้นให้ใช้หมัดแทนดีกว่า
“!”
และเมื่อศรน้ำแข็งแหวกอากาศเข้ามา แม่ทัพป้องกันเมืองที่กวัดแกว่งค้อนยักษ์เพื่อเปิดทางเข้ามาพลันสัมผัสได้ถึงอันตราย และเมื่อเขาเห็นว่ามีศรน้ำแข็งกำลังพุ่งเข้ามาหาเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป พร้อมกับจัดการเหวี่ยงค้อนยักษ์เข้าปะทะกับศรน้ำแข็งที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“เปรี้ยง!”
เมื่อค้อนเหล็กปะทะเข้ากับศรน้ำแข็ง ก็พลันเกิดการระเบิดออกมา ความเย็นเข้าปกคลุมตัวของแม่ทัพป้องกันเมืองอย่างรวดเร็ว พื้นที่รอบๆ ในระยะ 1 ลี้ พลันปกคลุมไปด้วยความเย็นถึงขีดสุด กระทั่งศาสตราวิญญาณยังถูกแช่แข็ง ก่อนที่จะร่วงลงจากกลางอากาศ
ความเย็นนี้ไม่มีแยกมิตรหรือว่าศัตรู ตราบเท่าที่อยู่ในระยะของมัน มันก็ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น พร้อมกับจัดการราวกับเป็นศัตรูในทันที
อึดใจต่อมา หลังจากที่ความเย็นแพร่กระจายออกไป ร่างของแม่ทัพป้องกันเมืองก็ร่วงลงจากกลางอากาศ ก่อนที่จะกระแทกเข้ากับพื้นจนแหลกเป็นชิ้นๆ ตายลงอย่างสมบูรณ์ โดยที่ไม่มีทางฟื้นชีวิตกลับมาได้อีก
ราชครูที่อยู่ห่างออกไปพลันหน้าเปลี่ยนสีในทันที เมื่อเขาได้เห็นความเย็นนี้ ในในของเขาก็พลันเกิดการสั่นสะท้านอย่างแรง “หรือจะเป็นเจ้าหมอนั่น!?”
สายตาของเขาหรี่หลง มองไปยังร่างของอี้เทียนหยุนที่อยู่ตรงประตูหน้า อี้เทียนหยุนในตอนนี้ได้เปลี่ยนใบหน้าเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่เขาเคยเห็นอีก แต่ยังไงก็ตาม พลังนี้ก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นอย่างมาก ยิ่งการลงมือของอีกฝ่ายยิ่งทำให้เขาคุ้นขึ้นไปอีก ทำให้เขาสงสัยว่าอี้เทียนหยุนในตอนนี้ คือองค์ชายคนนั้นของอาณาจักรเทียนหลง!
“ถอย!”
ราชครูคำรามออกมา กัดริมฝีปาก พร้อมกับผลาญแกนโลหิตในร่าง หันหลังหนีอย่างไม่ลังเล ไม่คิดจะทำตามแผนการที่จะหยุดอีกฝ่ายอยู่ที่นี่ ทั้งยังไม่สนใจว่ากองทัพเหยี่ยวบินจะเป็นจะตายยังไง กระทั่งแม่ทัพป้องกันเมืองอีกคนที่เหลืออยู่เขาก็ไม่สนใจ จิตใจจดจ่ออยู่แต่กับการหนีไปให้พ้นจากที่นี่เท่านั้น!
แม่ทัพป้องกันเมืองอีกคนจ้องมองอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเห็นราชครูหนีไป เขาก็รีบไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจกองทัพเหยี่ยวบินนี้อีก
สหายของเขาถูกศรดอกเดียวก็ร่วงลงไปตายซะแล้ว หมายความว่าหากเข้าไปใกล้ ชะตาของเขาจะต้องเป็นเหมือนสหายคนนั้นของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะขาดการต้านทานของผู้เชี่ยวชาญทั้งสอง ทำให้กองทัพเหยี่ยวบินที่เหลือถูกจัดการลงอย่างง่ายดาย โดยไม่เหลือแม้แต่คนเดียว กองทัพที่ใหญ่ขนาดนั้น กลับถูกจัดการลงจนหมดสิ้นไม่มีเหลือ! คนที่โหดเหี้ยม และบ้าเลือด นี่แหละคืออี้เทียนหยุน!
การเมตตาต่อศัตรูเป็นการโหดร้ายต่อตนเอง ดังนั้นหากฆ่าได้ก็ฆ่า อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!