CLS ตอนที่ 428: รวบรวมกำลัง
ทางนี้ยังไม่ได้ส่งใครออกไปเลยสักคนก็จัดการอีกฝ่ายจนหนีเตลิดเปิดเปิงแล้ว โดยเฉพาะราชครูที่หันหลังหนีไม่ยอมหยุด ความเร็วที่ใช้ของเขายิ่งมายิ่งไว ส่วนแม่ทัพป้องกันเมืองเมื่อเห็นราชครูหนีหน้าตั้ง ตัวเขาจะไม่ตามไปได้ยังไง?
แม้ว่าในใจของเขาจะเต็มไปด้วยความยินยอม แต่ก็เลือกที่จะหนีตามกันไป
อี้เทียนหยุนที่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่วางคันศรน้ำค้างแข็งเทวะลง เขาขมวดคิ้วและไม่โจมตีต่อไป ฝั่งตรงข้ามหนีไปเร็วมาก ทั้งยังอยู่ห่างออกไปอีก ภายใต้การหนีเต็มกำลังของอีกฝ่าย การจะไล่ตามให้ทันนั้นเป็นการสิ้นเปลืองกำลังเกินไป
ยังไงก็ตาม ต่อให้หลวงจีนหนีไปได้ แต่วัดย่อมยังคงอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ไล่ตามไป หากเขาตามศัตรูไปแล้วติดกับดักของอีกฝ่าย ที่นี่ที่ยังมีศัตรูอยู่อาจจะเกิดปัญหาได้
“หนีกันไวจริงๆ หากว่าพวกเขาเข้ามาใกล้กว่านี้อีกหน่อย ข้าคงจะสามารถโจมตีออกไปได้อีกครั้ง” อี้เทียนหยุนส่ายหัว ทำให้คนที่มองอยู่ข้างหลังพากันมีสีหน้าตกใจ
กองทัพเหยี่ยวบินที่เหลืออยู่ พริบตาก็ถูกลำแสงแห่งความตายเข้ากลืนกิน ความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันถึงขนาดนี้ ทำให้ผู้คนพากันตกใจจริงๆ กระทั่งระดับแม่ทัพป้องกันเมืองยังถูกสังหารด้วยศรเพียงดอกเดียว พลังระดับนี้ ทำให้ผู้คนพากันตกใจจนข้างในสั่นสะท้านโดยสมบูรณ์ เพียงแค่คนเดียวก็จัดการคนทั้งหมดได้แล้ว นี่เขายังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาอยู่หรือเปล่า?
“นี่ พลังนี้มันจะแข็งแกร่งเกินไปหรือเปล่า? คนมากมายขนาดนี้ แต่องค์ชายอี้…. นี่ นี่มัน….. หรือว่าประมุขจะเป็นองค์ชายคนนั้น คนที่ขับไล่ราชครูจนหนีเตลิดไป?”
“ใช่ อยู่ๆ ข้าก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้มีเรื่องที่แพร่กระจายออกมาอย่างหนาหู ว่ากองทัพของอาณาจักรใต้พิภพถูกองค์ชายของอาณาจักรเทียนหลงขับไล่จนต้องหนีเตลิดออกมา….. หรือว่าประมุขก็คือองค์ชายของอาณาจักรเทียนหลงคนนั้น แล้วตกลงว่าอาณาจักรเทียนหลงมีองค์ชายอยู่กี่คนกันแน่?”
“นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ ประมุขของพวกเราก็คือองค์ชายสุดแข็งแกร่งคนนั้น?”
วังเทียนจี๋ นิกายเทียนเฉวียน หรือแม้กระทั่งเผ่าภูต อยู่ๆ พวกเขาก็พากันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อี้เทียนหยุนไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าไม่ต้องการพูด หรือคิดว่าเรื่องนี้ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงกัน
แต่ตอนนี้พวกเขาพลันพากันคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สามารถจัดการจนราชครูหนีไปได้ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นองค์ชายของอาณาจักรเทียนหลงอีก นี่มัน…..
“อาณาจักรเทียนหลงในตอนนี้ มีองค์ชายอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น” เริ่นหลงที่เพิ่งได้สติคืนมาพูดขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างคลุมเครือ “นั่นก็คือองค์ชายอี้ ประมุขของพวกเจ้ายังไงล่ะ”
เริ่นหลงช่วยยืนยันให้กับพวกเขา ทำให้แต่ละคนต่างก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า ในสายตาต่างก็เต็มไปด้วยความตกใจ พลังที่สามารถสั่นสะเทือนอาณาจักรใต้พิภพได้ นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเรื่องจริง! ยิ่งกว่านั้น องค์ชายอี้คนนี้ยังเป็นประมุขของพวกเขาอีก ประมุขที่นำทัพพวกเขา!
ชื่อเสียงของอี้เทียนหยุนพลันระเบิดออกมาในทันที โด่งดังไปทั่วทั้งวังเทียนหยุน พวกเขาในตอนนี้ต่างก็เลื่อมใสในความแข็งแกร่งของเขา กับอาณาจักรใต้พิภพที่โหดร้ายเช่นนั้น ประมุขของพวกเขาไม่เพียงแต่ขับไล่อีกฝ่ายออกไปได้แค่ครั้งเดียว แม้แต่ครั้งที่สองนี้ก็ยังขับไล่อีกฝ่ายออกไปได้!
ข่าวนี้ทำให้พวกเขาต่างพากันตกใจ ก่อนหน้าพวกเขาไม่ค่อยมั่นใจในตัวอี้เทียนหยุนนัก แต่ตอนนี้พวกเขามั่นใจแล้ว ประมุขของพวกเขาร้ายกาจ แม้แต่ราชครูของอาณาจักรใต้พิภพยังหนีไปด้วยความหวาดกลัว แค่นี้ก็เห็นได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของเขาว่ามีมากสักแค่ไหน
“นี่เป็นโลกของคนหนุ่มสาวจริงๆ ราชาภูตของพวกเราจะต้องนำพวกเราไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้อย่างแน่นอน พร้อมทั้งกำจัดอาณาจักรใต้พิภพด้วย!” บรรพชนเผ่าภูตตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำ ตื่นเต้นจนไม่สามารถเก็บอาการเอาไว้ได้
“ใช่แล้ว ราชาภูตจะต้องพาพวกเราไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้อย่างแน่นอน!”
คนของเผ่าภูตพากันตะโกนออกมาเสียงดัง ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนน่าจะพาพวกเขาไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้ แต่ตอนนี้เหมือนว่าความคิดนั้นจะต้องกลายเป็นจริงอย่างแน่นอน เพื่อมุ่งไปสู่ความรุ่งโรจน์ ก้าวแรกต้องเริ่มจากการกำจัดอาณาจักรใต้พิภพก่อน!
ทุกคนต่างพากันโห่ร้องออกมา ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด
ชิเสวี่ยอวิ๋นที่ยืนอยู่ด้านข้างอี้เทียนหยุนก็เผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา นัยน์ตาคู่งามของเธอเต็มไปด้วยความยินดี ทั้งยังมากไปด้วยปลื้มปีติ ตอนแรกเขาไม่มีแม้กระทั่งเลือดฉีด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาได้กลายเป็นสุดยอดผู้เชี่ยวชาญที่สามารถสู้กับอาณาจักรใต้พิภพได้โดยตรงแล้ว!
“ขอบคุณสำหรับความเชื่อมั่นที่มีให้ แต่ทุกคนก็อย่าได้มั่นใจเกินไปจนเกิดความประมาท” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “ราชครูเห็นว่าข้ามา ดังนั้นจึงไม่กล้าออกมาเผชิญหน้ากับข้า เขาจะต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงใต้พิภพอย่างแน่นอน รอให้พวกเราไปหา เมืองหลวงใต้พิภพนั้นเป็นถิ่นของพวกเขา ที่นั่นจะต้องมีมหาค่ายกลอยู่อย่างแน่นอน ดังนั้น ตอนนี้จึงจะเป็นการเริ่มต้นอย่างแท้จริง ก่อนที่สงครามจะยุติ อย่าได้ประมาทโดยเด็ดขาด!”
อี้เทียนหยุนไม่ได้มองโลกในแง่ดีจนเกินไป ทั้งไม่ได้ลำพองใจ ด้วยพลังของเขามีในตอนนี้ ยังมีสิ่งที่เขาไม่สามารถประมาทได้อยู่มาก กระทั่งจนนาทีสุดท้ายก็ไม่สามารถผ่อนคลายได้ หากว่าฟ้าเกินพลิกกลับ นั่นก็เท่ากับว่าต้องสูญสิ้นทุกสิ่ง
ผู้คนพากันพยักหน้า พร้อมกับพากันสงบลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจระงับความตื่นเต้นที่อยู่ในใจของพวกเขาได้ ไม่แปลกที่อี้เทียนหยุนจะใจกล้าถึงขนาดนี้ กับคนที่แข็งแกร่งอย่างนี้ จะไม่ให้อีกฝ่ายใจกล้าได้ยังไง? หากไม่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับอาณาจักรใต้พิภพคราวหนึ่ง อาณาจักรใต้พิภพคงจะคิดว่าตัวเองไร้เทียมทาน จนกล้าลงมือกับคนอื่นอย่างไร้ยางอาย
กำลังใจของที่นี่เพิ่มขึ้นอย่างท่วมท้น เรื่องของที่นี่แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งอาณาจักรใต้พิภพอีกครั้ง ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างก็พากันตกใจออกมา มีคนจำนวนมากเห็นศาสตราวิญญาณนับหมื่นบินอยู่บนฟ้า พร้อมทั้งจัดการกับกองทัพเหยี่ยวบินอย่างง่ายดาย จนทำให้ราชครูต้องรีบหนีออกไปโดยไม่หันหลังกลับ
เรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของอาณาจักรใต้พิภพที่ต่ำอยู่แล้วต้องต่ำลงไปอีก ผู้ฝึกตนจำนวนมากต่างก็มีความคิดที่จะหนีออกไป เตรียมพร้อมที่จะหลบออกไปจากอาณาจักรใต้พิภพแห่งนี้ ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ หากเมื่อไหร่ที่อาณาจักรใต้พิภพตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู ต่อไปก็ถึงเวลาตายของพวกเขา!
เพราะอาณาจักรเทียนหลงจะต้องไม่ปล่อยอาณาจักรใต้พิภพไปอย่างแน่นอน พวกเขาจะต้องพากองทัพเข้ามาบดขยี้ที่นี่ซ้ำ และเมื่อถึงตอนนั้น ก็จะเป็นการเก็บกวาดทวีปใต้พิภพครั้งใหญ่ เพื่อเปลี่ยนผู้ปกครองทวีปแห่งนี้
ราชครูที่หนีหน้าตั้งก็ได้กลับมาถึงเมืองหลวงใต้พิภพอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขากำลังนั่งคุกเข่าอยู่ในท้องพระโรง ไม่กล้าเงยหน้ามองจักรพรรดิใต้พิภพ “ฝ่าบาท…. เฉินไม่ควรจะกลับมาให้พระองค์เห็น ก่อนหน้านี้กระหม่อมมั่นใจมาก แต่ไม่คิดว่าจะพบกับศัตรูที่สามารถควงคุมศาสตราวิญญาณนับหมื่นได้ ทำให้อีกฝ่ายสามารถสังหารกองทัพเหยี่ยวบินของพวกเราได้อย่างง่ายดาย……”
ก่อนที่เขาจะนำทัพออกไป เขาพูดอย่างมั่นใจมากว่าจะต้องไม่มีปัญหา หากว่าแพ้ เขาจะไม่กลับมาให้อีกฝ่ายเห็น แต่ตอนนี้ทำได้เพียงสารภาพผิด และยอมรับการพ่ายแพ้อย่างหายนะเท่านั้น!
“ข้ารู้สถานการณ์แล้ว สามารถควบคุมศาสตราวิญญาณได้นับหมื่น วิชาแปลกๆ อย่างนี้ ข้าไม่เคยเห็นวิชาไหนที่สามารถควบคุมศาสตราวิญญาณได้นับหมื่นมาก่อน” ในใจจักรพรรดิใต้พิภพเดือดอย่างมาก พร้อมกับมองไปยังราชครูอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าคราวนี้จะมีคนบุกมาถึงเมืองหลวงใต้พิภพของเราได้สำเร็จแล้วสินะ!”
“เฉินรู้สึกละอายนัก…..” ในตาของราชครูเต็มไปด้วยความโกรธ ทั้งยังมากไปด้วยความไม่ยินยอม “เฉินก็อยากจะเข้าไปลุยกับอีกฝ่ายให้แล้วรู้รอด แต่ในที่สุดก็ได้ยอมทิ้งความคิดนี้ไป เพราะในเมืองหลวงใต้พิภพแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่สามารถแสดงความแข็งแกร่งทั้งหมดของเฉินออกมาได้ ผู้บุกรุกจะต้องตายอย่างแน่นอน! หากว่าทำอย่างนี้แล้วยังไม่สามารถหยุดอีกฝ่ายได้ เฉินยินยอมสู้ตายกับพวกเขา ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ให้พวกเขาบุกรุกเข้ามาได้อย่างแน่นอน!”
ราชครูเป็นนักสลักอาคมระดับจงซือ เขาได้ก่อสร้างมหาค่ายกลในเมืองหลวงใต้พิภพแห่งนี้นับไม่ถ้วน ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เขาสามารถแสดงพลังทั้งหมดของเขาออกมาได้
“ดี! เรื่องนี้ข้าเข้าใจ หากว่าเจ้าไม่สามารถต้านทานพวกมันได้ ก็ให้ทำตามที่เจ้าเอ่ยปากเถอะ!” จักรพรรดิใต้พิภพสีหน้าเย็นชา ที่เขาสนใจคือเรื่องหน้าตา การที่ราชครูแพ้อย่างนี้ทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก แค่ไม่ฆ่าเขาในตอนนี้ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว