CLS ตอนที่ 429: มาถึงแล้ว
หลังจากผ่านเหตุการณ์ให้หยุดชะงักเล็กๆ นี้ วังเทียนหยุนก็ได้บินไปยังเมืองหลวงใต้พิภพโดยไม่ยอมเสียเวลาแต่อย่างใด ไม่มีการหยุดพักตลอดทาง และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้ามาขวางทางเช่นกัน ในตอนนี้ ใครจะกล้ามาเผชิญหน้ากับอี้เทียนหยุนตัวต่อตัว? แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครกล้า เพราะคนที่กล้ามาเผชิญหน้ากับอี้เทียนหยุนในตอนนี้ คือคนที่เบื่อที่จะมีชีวิตแล้วเท่านั้น
เขาทำการเก็บศาสตราวิญญาณที่บินอยู่รอบๆ วังเทียนหยุนเข้ามาเก็บไว้ข้างในอย่างรวดเร็ว เพราะว่ามีแผนที่จะใช้มันอีก
“ฟู่…. วิธีนี้เสียพลังไปพอตัวเลยจริงๆ”
อี้เทียนหยุนถอนหายใจออกมา การควบคุมศาสตราวิญญาณนับหมื่นนี้ เป็นการผลาญพลังงานที่น่าสะพรึงมากจริงๆ โชคดีที่ระดับของเขาสูง หากว่าระดับของเขาต่ำ อย่างมากเขาก็ควบคุมศาสตราวิญญาณได้แค่ไม่กี่พันก็ถึงขีดจำกัดแล้ว หากฝืนที่จะควบคุมศาสตราวิญญาณมากกว่านั้น มันจะทำให้ต้องเสียพลังวิญญาณมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถใช้ได้เป็นเวลานานอย่างแน่นอน
ศาสตราวิญญาณบินเข้ามาข้างในวังเทียนหยุน ก่อนที่จะตกลงพื้น กองทับกันเป็นกองใหญ่ อี้เทียนหยุนทอดถอนใจหากว่าระดับของมันได้เพิ่มขึ้น แค่คิดก็สามารถฉวยอาวุธของฝั่งตรงข้ามมาได้ นี่มันออกจะฝืนธรรมชาติเกินไป อยู่ๆ อาวุธก็ถูกขโมยไป แล้วอย่างนี้จะให้โจมตีได้ยังไง?
ยังไงก็ตาม ขีดจำกัดก็อยู่ในประเภทกระบี่เท่านั้น อาวุธอื่นๆ ไม่สามารถควบคุมได้ ถึงยังไงชุดนี้ก็ยังเรียกว่าชุดปรมาจารย์กระบี่ ไม่ใช่ชุดปรมาจารย์ศาสตรา จึงทำได้เพียงควบคุมอาวุธที่มีรูปร่างเหมือนกระบี่เท่านั้น แต่นี่ก็ค่อนข้างร้ายกาจแล้ว
และเมื่อเขาตรวจดูร้านค้าแห่งบาป ก็ปรากฏว่ามีชุดเกราะรุ่นใหม่ของชุดปรมาจารย์กระบี่ขึ้นมา เหมือนกันกับชุดเกราะมังกรมาร หลังจากที่ซื้อไปแล้ว จะปรากฏรุ่นใหม่ขึ้น ชุดเกราะปรมาจารย์กระบี่ก็เช่นกัน
ชุดเกราะเซียนกระบี่ : อุปกรณ์เลเวล 50, สามารถจุติเป็นเซียนกระบี่ได้ชั่วคราว, สามารถควบคุมกระบี่ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงในระยะสิบลี้เพื่อโจมตีศัตรูได้, ควบคุมได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 เล่ม, เสริมด้วยค่ายกลหมื่นกระบี่, เมื่อใช้จะเสียค่าความคลั่ง 100,000 แต้ม เพื่อทำลายอาวุธทั้งหมด ระเบิดพลังทั้งหมดของอาวุธออกมาเพื่อสังหารศัตรู, ราคา 1 ล้านค่าความชั่ว!
จริงๆ ด้วย หลังจากซื้อชุดเกราะชุดหนึ่งออกมา จากนั้นก็จะปรากฏชุดในเซ็ตเดียวกันออกมา ถ้าไม่ซื้อชุดก่อนหน้า ชุดที่ตามมาก็จะไม่ปรากฏ หากเป็นอย่างที่คิด หลังจากที่ซื้อชุดเทพมารหรือชุดเซียนกระบี่ ก็จะปรากฏชุดที่สุดยอดยิ่งกว่านี้ออกมา
นี่เป็นการซื้อเพื่อเปิดชุดใหม่ออกมา ทั้งยังเป็นไปตามการเพิ่มของระดับ ยิ่งซื้อมากเท่าไหร่ ชุดใหม่ที่ปรากฏก็จะยิ่งมีคุณสมบัติที่ดีขึ้นมากเท่านั้น หากว่าสามารถข้ามไปซื้อชุดระดับสูงโดยไม่ต้องซื้อชุดระดับต่ำก่อนได้ก็คงดี
“ดูเหมือนว่าการต้องซื้อตามลำดับขั้นก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลเกินไป เพราะยิ่งชุดระดับสูง พลังของมันก็จะยิ่งท้าทายสวรรค์ขึ้นเท่านั้น…..”
อี้เทียนหยุนคาดเดาแบบง่ายๆ เขาไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้ ในตอนนี้คงได้แต่ค่อยๆ ซื้อไปทีละขั้นเท่านั้น
“องค์ชายอี้ ที่จริงแล้วเจ้าทำอย่างนี้ได้ยังไง ทำไมถึงสามารถควบคุมศาสตราวิญญาณมากขนาดนี้เข้าโจมตีศัตรูได้?” เริ่นหลงถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
คำถามของเขานี้เป็นสิ่งที่หลายต่างก็อยากรู้ พวกเขาไม่เคยเห็นพลังควบคุมที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน การควบคุมศาสตราเพื่อสังหารศัตรูไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะหากมีพลังถึงระดับผันแปรวิญญาณขึ้นไปก็สามารถทำอย่างนี้ได้ แต่ที่พวกเขาไม่เข้าใจก็คือ ทำไมเขาถึงสามารถควบคุมอาวุธได้มากขนาดนี้
“เรื่องนี้บอกไปก็ไม่เข้าใจหรอก เพราะจำเป็นต้องมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างมาก รวมกับวิชายุทธ์ที่เข้ากันโดยเฉพาะ” อี้เทียนหยุนอธิบายแบบง่ายๆ นี่ไม่ใช่ว่าเขาพูดจาเหลวไหล เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมากจริงๆ จึงจะทำให้สามารถควบคุมได้สมบูรณ์แบบ
เขาสัมผัสได้ว่าตนเองต้องผลาญพลังวิญญาณไปเป็นจำนวนมาก ไม่อย่างนั้นคงยากที่ควบคุมพวกมันทั้งหมด
“พลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง นี่จำเป็นต้องมีระดับที่สูงมาก ยิ่งระดับสูง ความสามารถในการจัดการศัตรูก็จะยิ่งน่าสะพรึง” ในตาของเริ่นหลงเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่ก็ไม่ได้สั่งให้อี้เทียนหยุนส่งมอบวิชานี้ออกมา
คนอื่นๆ ก็พากันพยักหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยการยอมรับ หากพวกเขาสามารถควบคุมได้อย่างนั้นบ้าง มันจะไม่ไร้เทียมทานไปเลยเหรอ? หากทุกคนสามารถควบคุมศาสตราวิญญาณนับหมื่นได้ แล้วใครจะกล้าไปหาเรื่องกัน?
“หากให้พูดจริงๆ แล้ว วิธีนี้ นอกจากข้าก็ไม่มีใครที่สามารถฝึกมาถึงขั้นนี้ได้” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา นี่ไม่ใช่ว่าเขาพูดจาเหลวไหล เพราะนี่เป็นปัญหาเรื่องชุดปรมาจารย์กระบี่ หากไม่มีชุดปรมาจารย์กระบี่ เขาก็ไม่สามารถควบคุมศาสตราวิญญาณได้มากขนาดนั้น
ซึ่งของสิ่งนี้เขาไม่สามารถมอบให้พวกเขาได้ และมีแต่สวมชุดนี้เท่านั้นถึงจะใช้เอฟเฟ็กนี้ได้ และเพราะชุดนี้ไม่เหมือนกับวิชายุทธ์ มันสามารถซื้อได้จากร้านค้าแห่งบาปเท่านั้น และของจากร้านค้าแห่งบาปก็จะอยู่ในช่องเก็บไอเทมแห่งบาป ซึ่งไม่สามารถมอบให้พวกเขา
หากสามารถมอบให้กันได้ งั้นมันคงจะท้าทายสวรรค์เกินไป หากมอบชุดพวกนี้ให้กับพวกเขา พวกเขาคงจะไร้เทียมทานได้จริงๆ
แต่ว่าน่าเสียดายที่ทำไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าเขางกแต่อย่างใด
ยังไงก็ตาม มีบางคนที่ไม่เชื่อคำที่อี้เทียนหยุนพูด หากว่าพวกเขาไม่สามารถฝึกได้ แต่ชิเสวี่ยอวิ๋นหรือว่าพวกเริ่นหลงจะไม่สามารถฝึกได้จริงเหรอ?
แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดออกมา ทำเพียงแค่คิดอยู่ในใจ เริ่นหลงกับพวกก็ไม่ได้ถามไล่ต่อ แต่พากันพยักหน้าออกมา แม้สีหน้าจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้บังคับอะไร
ทุกคนต่างก็มีความลับเป็นของตน มีบางเรื่องที่ไม่สามารถพูดได้เป็นธรรมดา หากว่าเป็นของที่ตนเหนื่อยยากกว่าจะได้มา ทำไมต้องเอามาแบ่งคนอื่นด้วย?
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ทุกคนก็ยืนยันได้ว่าอี้เทียนหยุนนั้นแข็งแกร่ง คิดว่าตราบเท่าที่มีอี้เทียนหยุนอยู่ พวกเขาก็ย่อมจะสามารถชนะศึกนี้ได้อย่างแน่นอน! แต่ต่อให้ไม่ชนะ อย่างน้อยก็ย่อมสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับอาณาจักรใต้พิภพได้
พวกเขาพากันเริ่มเตรียมตัว เพราะอีกไม่นานหลังจากนี้ก็จะไปถึงเมืองหลวงใต้พิภพแล้ว สถานที่แห่งนั้น มีหลายขุมอำนาจที่ไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ เหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ เป็นเพราะว่าพวกเขาล้วนแต่ถูกสังหารทิ้งตั้งแต่ที่อยู่ด้านนอก นี่คือระดับความน่าสะพรึงของเมืองหลวงใต้พิภพแห่งนี้
พร้อมๆ กับเวลาที่เคลื่อนผ่าน พวกเขาก็มาถึงเมืองหลวงใต้พิภพอย่างรวดเร็ว สามารถเห็นเมืองขนาดใหญ่อยู่ตรงสุดสายตา สามารถได้ถึงกลิ่นอายที่ไร้เทียมทามที่เปล่งออกมาจากที่แห่งนั้น ทำให้หลายคนเกิดความรู้สึกหนักอึ้งอย่างสุดๆ มองด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นว่ามีอะไรต่างไปจากเมืองทั่วๆ ไปนัก แต่กลับสามารถมอบความรู้สึกกดดันให้กับผู้คนได้
หากเป็นผู้ที่มีระดับต่ำกลับไม่เป็นอะไร แต่หากเป็นผู้ที่มีระดับสูงหน่อย พวกเขากลับสัมผัสได้ถึงความกดดันเล็กน้อย นี่มันต่างจากความเข้าใจพื้นฐานที่มีมา ผลลัพธ์ของมันกลับให้ผลตรงกันข้าม
“ทุกคนเตรียมตัว เราใกล้จะถึงเมืองหลวงใต้พิภพแล้ว!”
สายตาอี้เทียนหยุนเป็นประกาย มองไปยังเมืองหลวงใต้พิภพขนาดใหญ่ตรงหน้า ในใจก็พลันรู้สึกเต้นแรง แม้จะเตรียมใจที่จะสู้กันที่เมืองใต้พิภพแห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่นี่เป็นถึงขุมอำนาจชั้น 4 ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน ในใจของพวกเขาต่างก็เต้นแรงขึ้น หากประมาทแม้เพียงนิดก็อาจจะตายได้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกเขากังวลได้ยังไง
ที่กำแพงเมืองหลวงใต้พิภพที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ราชครูกำลังถือไม้เท้าอสูร พร้อมกับสายตาที่ราวกับงูพิษ กำลังจับจ้องมายังที่นี่ พร้อมกับพูดอย่างดูถูกว่า “กล้ามาถึงถิ่นของข้า หากไม่มีวิธีจัดการกับเจ้า ข้าคงได้แต่ฆ่าตัวตายจริงๆ!”
อึดใจต่อมา เขาก็กระแทกไม้เท้าลงกับพื้นอย่างแรง “ตึก” ทั่วทั้งกำแพงเมืองต่างก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น “เปรี้ยง” ตามมาด้วยพลังสีดำที่พวยพุ่งออกมา ก่อนที่จะขยายตัวไปตามแนวกำแพงอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาไม่ถึงอึดใจ พื้นดินตรงใต้วังเทียนหยุน อยู่ๆ ก็ปรากฏมหาค่ายกลสีดำขนาดมหึมาขึ้น
“ปัง!” ลำแสงสีดำถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า พริบตาก็ยิงเข้าใส่วังเทียนหยุน!