CLS ตอนที่ 434: ต่อสู้อย่างกล้าหาญ
“ติ๊ง ท่านสังหารแม่ทัพใต้พิภพสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 5.3 ล้าน, ค่าความคลั่ง 18,000, ค่าความชั่ว 1,500, ได้รับวิชายุทธ์ หมัดเพลิงปะทุ, เคล็ดวิชากระบี่คลุมเมฆา, ท่าเท้าบันไดสวรรค์, ได้รับไอเทม เม็ดยาค่าประสบการณ์ 100,000, กระบี่พิฆาตสวรรค์(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), เกราะไหมสวรรค์”
“ติ๊ง ท่านสังหารแม่ทัพใต้พิภพสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 5.1 ล้าน, ค่าความคลั่ง 16,000, ค่าความชั่ว 1,300, ได้รับวิชายุทธ์…..”
“ติ๊ง ท่านสังหาร…..”
มังกรมืดพุ่งเข้าสังหารทหารบนกำแพงเมืองอย่างบ้าคลั่ง จากมหาค่ายกลป้องกันเมือง ตอนนี้ได้กลายมาเป็นเครื่องมือที่อี้เทียนหยุนใช้สังหารใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง ไม่เพียงแต่มังกรมืดเท่านั้น อี้เทียนหยุนยังอัญเชิญมังกรยักษ์ทั้งสอง และมังกรดินทั้งหมดออกมา พร้อมกับสั่งให้กระโจนเข้าใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง ร่วมกันสังหารเหล่าทหารบนกำแพงจนตกตายเป็นใบไม้ร่วง
ระดับของพวกมันใกล้จะทะลวงเข้าสู่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้อยู่มะรอมมะร่อแล้ว ตราบเท่าที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้เข้ามาก่อกวน พวกมันย่อมไร้เทียมทานอย่างถึงที่สุด
ทั้งสองฝั่งต่างก็พากันตกใจ หลังจากตั้งสติได้ก็พากันหัวเราะออกมา
เริ่นหลงกับพวกก็ไม่ได้ยืนมองอยู่เฉยๆ หลังจากที่เห็นว่ามังกรมืดไม่ได้โจมตีเข้ามาทางด้านนี้ เขากับพวกก็พลันกระโจนเข้าไปร่วมวงสังหารในทันที ทะยานเข้าไปยังป้อมปราการที่ไม่เคยแตกของเมืองหลวงใต้พิภพอย่างรวดเร็ว เมืองที่ไม่เคยถูกศัตรูบุกเข้าไปได้มาก่อน ตอนนี้ได้ถูกพวกเขาบุกเข้าไปเป็นพวกแรกแล้ว
ทุกคนต่างก็เข้าร่วมวงสังหาร พวกระดับสูงก็ปล่อยให้พวกชิเสวี่ยอวิ๋นรับมือ ส่วนพวกระดับต่ำก็ปล่อยให้เหล่าศิษย์พากันรับมือ แค่มีอี้เทียนหยุนคนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการกับคนจำนวนมากพวกนี้แล้ว ในตอนนี้ รอบๆ เมืองหลวงใต้พิภพล้วนแต่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งราวกับตกอยู่ในนรก มีเสียงโหยหวนดังออกมาไม่หยุด
ยังไงก็ตาม ก็ไม่มีใครมือไม้อ่อน สงครามได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงใต้พิภพอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านในเมืองหลวงใต้พิภพ แต่ละคนต่างก็ดุดันและป่าเถื่อนถึงขีดสุด พวกเขาล้วนแต่มีฐานะในที่แห่งนี้ไม่ต่ำทราม ในมือแต่ละคนต่างก็เคยเปื้อนเลือดผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก พูดได้ว่าเป็นพวกโฉดชั่วถึงขีดสุด
หากเป็นคนไม่มีฐานะ พวกเขาย่อมไม่มีทางอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ เมืองหลวงใต้พิภพใช่ว่าใครจะสามารถเข้ามาได้ตามใจ นี่ไม่ใช่ตลาด ไม่ใช่ที่ที่คนตาบอดจะเข้ามาเที่ยวเล่นได้
หากปราศจากซึ่งแต้มคุณูปการทางทหาร ก็ไม่สามารถเข้ามาอาศัยอยู่ในนี้ได้ หมายความว่าหากคิดจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ จำเป็นต้องเป็นคนใจคอโหดเหี้ยม เป็นสุนัขรับใช้ที่คอยทำตามคำสั่งอาณาจักรใต้พิภพ! ดังนั้น จำเป็นต้องเก็บกวาดพวกเขาให้สะอาด นี่เป็นวิธีที่สุดที่จะผดุงความยุติธรรมแทนฟ้า
ต่อละคนต่างก็ปะทะกัน ฆ่าได้ฆ่า หากอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ ดาบที่ตามมาก็จะเป็นการโจมตีสังหารพวกเขา
สวี่เฟยก็ได้นำผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งเข่นฆ่าเข้ามาใกล้ๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านประตูเมืองเข้ามาได้ เขาก็ทำการออกคำสั่ง พาเหล่าศิษย์กระโจนเข้าไปดั่งเสือร้าย พุ่งเข้าทำการศัตรู เริ่มการสังหารที่บ้าคลั่งขึ้น
สวี่เฟยที่สังหารศัตรูทำให้อี้เทียนหยุนได้ค่าประสบการณ์มหาศาล นอกจากไม่ได้ไอเทมแล้ว อย่างอื่นที่เขาได้ไม่ใช่น้อยๆ นี่ก็เหมือนกับการเปิดใช้งานบัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ ทำให้ค่าประสบการณ์หลั่งไหลเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง
“อย่าไปทางนั้น ให้มาทางนี้แทน!”
สวี่เฟยตะโกนออกมาอีกครั้ง พร้อมกับนำผู้ฝึกตนตรงไปยังอีกทางอย่างรวดเร็ว พวกเขาเพิ่งจะหลบออกมา ก็พบว่าทางที่พวกเขาหลบออกมานั้น มีกองกำลังจำนวนหนึ่งกำลังเข่นฆ่าเข้ามา ระดับของพวกเขาหากเทียบกันแล้วแข็งแกร่งกว่ามาก ยังไงก็ตาม ไม่จำเป็นต้องคอยนาน สวี่เฟยก็ได้มีคนที่มาช่วยจัดการวิกฤตนี้อย่างรวดเร็ว ไม่ยอมให้พวกเขาต้องตกสู่ความยากลำบาก
กลุ่มกองกำลังที่มีพลังเหนือกว่านั้น พริบตาก็ได้ถูกอี้เทียนหยุนจัดการจนเหี้ยน พร้อมกับเปลี่ยนให้เป็นค่าประสบการณ์กองโตในพริบตา
ความสามารถในการสัมผัสอันตรายของสวี่เฟยนั้นแข็งแกร่งมาก หลังจากสังเกตได้ถึงอันตราย เขาก็ทำการเคลื่อนทัพหลบอย่างรวดเร็ว ราวกับสามารถสัมผัสได้ถึงแผนการของศัตรู ทำให้พวกเขาหลบหนีจากการลอบโจมตีของอีกฝ่ายได้
เหมือนกันกับเย่ชิงเสวียนและชิเสวี่ยอวิ๋น พวกเขาก็กำลังนำทัพศิษย์สาวในสำนักเข้าโจมตีอย่างเผ็ดร้อนเช่นกัน พวกเธอไม่ใช่หญิงสาวอ่อนแอ แต่ละครั้งที่ลงมือ ล้วนแต่ทำให้สถานที่ตรงหน้าราบเป็นหน้ากลอง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นผลจากการฝึก ส่วนพวกที่ระดับต่ำ แน่นอนว่าย่อมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ ทำได้เพียงรอคอยอยู่ในวังเทียนหยุน
ผู้ฝึกตนแต่ละคนล้วนแต่มีระดับไม่แย่ ผู้นำแต่ละคนต่างก็นำศิษย์หัวกะทิเข้าเข่นฆ่าสังหารศัตรู ฝึกทหารพันวันเพื่อลงมือหนึ่งชั่วโมง นับว่าเป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอนจริงๆ
พวกเธอต่างก็พากันเข้าต่อสู้อย่างกล้าหาญ ตรงเข้าไปข้างหน้าทีละน้อย เข่นฆ่าจนผู้ฝึกตนของเมืองหลวงใต้พิภพต้องพากันถอยร่นออกไปซ้ำๆ พวกเธออยากจะบอกกับอี้เทียนหยุนว่า แม้ว่าพวกเธอจะมีพลังต่างกับอี้เทียนหยุนมาก แต่พวกเธอก็อยากจะเป็นประโยชน์กับอี้เทียนหยุนเช่นกัน!
พวกเธอต่างก็พากันตื้นตันใจ ที่อี้เทียนหยุนทำเพื่อสำนักมากขนาดนี้ ดังนั้น พวกเธอย่อมต้องตอบแทนอี้เทียนหยุนกลับเป็นธรรมดา
และกลุ่มที่ร้ายกาจที่สุดก็คือกลุ่มที่นำโดยชิเสวี่ยอวิ๋น แต่ละที่ที่ผ่านราวกับถูกคมกระบี่ทิ่มแทง ทะลุทะลวงเข้าไปด้านในอย่างโหดเหี้ยม กระบี่บางในมือชิเสวี่ยอวิ๋นเปลี่ยนเป็นประกายแสง ตรงเข้าสังหารศัตรูรอบๆ อย่างง่ายดาย ชุดสีขาวบินอยู่กลางอากาศอย่างแผ่วเบา ดูแล้วงดงามอย่างมาก
และเมื่อร่างนี้ร่อนลงมา ก็พลันพรากเอาชีวิตของพวกเขาไป
หลังจากฝึกหนักทุกวัน ระดับของชิเสวี่ยอวิ๋นก็ก้าวกระโดดขึ้นมาถึงระดับก่อแกนวิญญาณขั้นสูงสุด ใกล้ที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณแล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับอี้เทียนหยุน แต่ก็ถือว่าเป็นระดับท้าทายสวรรค์เช่นกัน ผู้ฝึกตนทั่วทั้งวังเทียนหยุน ไม่มีใครที่เลื่อนระดับได้เร็วเท่ากับชิเสวี่ยอวิ๋นอีกแล้ว!
ยิ่งกว่านั้นเธอยังเด็กมาก เด็กกว่าคนส่วนมากเสียอีก หากว่าให้เวลาเธอสักหน่อย การทะลวงเข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณย่อมไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อย
และอย่าว่าแต่ชิเสวี่ยอวิ๋นเลย ทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนแต่ไม่มีใครที่เทียบกับอี้เทียนหยุนได้ ตราบเท่าที่เขาได้รับค่าประสบการณ์มากพอ เขาก็สามารถเลื่อนระดับได้ ทำให้เขาเลื่อนระดับได้ง่ายกว่าทุกคน ดังนั้น จึงไม่ควรจะเอาคนอื่นมาเทียบกับเขา
“ท่านน้า…..” เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นชิเสวี่ยอวิ๋นทุ่มเททุกอย่างออกไป ในใจก็รู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย เขากลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับชิเสวี่ยอวิ๋น
ยังไงก็ตาม เขาก็คิดว่าเคล็ดวิชากระบี่และกระบวนท่าที่ชิเสวี่ยอวิ๋นใช้นั้นน่าสะพรึงอย่างมาก ตราบเท่าที่อยู่ในระดับเดียวกัน ย่อมไม่มีใครสามารถต้านทานการโจมตีของเธอได้ ส่วนพวกผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณต่างก็มอบให้พวกเริ่นหลงเป็นคนจัดการ ดังนั้น ในระดับก่อแกนวิญญาณ ชิเสวี่ยอวิ๋นจึงถือว่าไร้เทียมทาน
ภายใต้การสังหารอย่างบ้าคลั่ง อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็บุกเข้ามาถึงหน้าพระราชวัง จุดหมายที่แท้จริงของพวกเขาอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ ไม่ใช่ด้านนอกพระราชวัง
จักรพรรดิใต้พิภพอาศัยอยู่ในพระราชวังนี้ พวกเขาทำการสังหารอยู่ภายนอกเป็นนาน เขาก็ไม่แม้แต่จะปรากฏตัว นี่ทำให้อี้เทียนหยุนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครเข้าไปรายงานเรื่องเหตุการณ์ด้านนอก แต่ต่อให้ไม่มีใครรายงานจริง ข้างนอกเสียงดังขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงที่จักรพรรดิใต้พิภพจะไม่รู้?
นอกจากว่าจักรพรรดิใต้พิภพจะปิดด่านอยู่ ไม่อย่างนั้นย่อมรู้เหตุการณ์ที่ด้านนอกอย่างแน่นอน
แต่ผ่านไปนานก็ยังไม่ยอมออกมาจากด้านใน นี่จึงทำให้คนจำนวนมากรู้สึกแปลกใจ หรือว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่ในนั้นกัน?
สายตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกาย พร้อมกับทำสัญญาณมือให้คนที่เหลืออยู่ที่นี่ เตรียมที่จะเข้าไปข้างในคนเดียว แต่ในขณะที่เขากำลังจะบินขึ้นไปยังกำแพงพระราชวังอยู่นั้น ก็พลันมีเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจดังออกมาจากฟ้า
“ผู้บุกรุก กล้าดียังไงถึงได้บุกเข้ามายังพระราชวังของข้า!”
จากนั้นก็ได้มีฝ่ามือขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อได้กดลงมาจากชั้นเมฆ ราวกับเมฆดำขนาดใหญ่ตกลงมาจากฟ้า เทียบกับที่อัครเสนาบดีหลงและราชครูใช้ออกมาแล้ว แข็งแกร่งกว่าหลายเท่า หรืออาจจะมากถึง 10 เท่าด้วยซ้ำ
บางที นี่อาจจะเป็นฝ่ามือเทพใต้พิภพที่แท้จริง!