CLS ตอนที่ 440: ความเชื่อใจ
เมื่อคิดว่าจักรพรรดิใต้พิภพกำลังจะทะลวงเข้าสู่ระดับราชาวิญญาณ เขาจึงต้องลงไปเพื่อกำจัดเขา หากไม่อย่างนั้น มันจะเป็นหายนะที่ไม่จบไม่สิ้น ส่วนที่ว่าทำไมเขาถึงพูดอย่างนั้นออกไป ก็เพราะว่านี่เป็นคำพูดที่มาจากก้นบึ้งในจิตใจของเขา เขาฝึกฝนวังเทียนหยุนมาอย่างยากลำบาก ฉะนั้นเขาจะไม่ยอมเสียใครไปแม้แต่คนเดียว
ดังนั้น เขาจึงมีหน้าที่รับผิดชอบทุกชีวิต หากครั้งนี้ไม่สามารถสังหารจักรพรรดิใต้พิภพได้ เขาก็จะไม่วางใจ เพราะปัจจุบันเขายังมีหนทางตอบโต้ ซึ่งอาจจะทำให้มีคนตายนับไม่ถ้วน และนี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะเห็น เขาไม่ได้อยากจะเอาชนะใจทุกคน แต่ที่พูดอย่างนั้นออกไป ก็เพราะว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบต่อชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
ในช่วงที่บุกเข้าเมืองมา พวกเขาสูญเสียคนน้อยมาก แต่ก็ถือว่าเป็นการสูญเสีย ตราบใดที่เป็นการต่อสู้ ย่อมมีการล้มหายตายจาก แต่ตอนนี้เขาสามารถทำได้ อย่างน้อยก็เพื่อลดการสูญเสียให้น้อยที่สุด
ไม่อย่างนั้น หากรอให้จักรพรรดิใต้พิภพส่งการโจมตีเข้ามาอีก การสูญเสียจะไม่ใช่เพียงเล็กน้อยแน่นอน
“คำพูดของท่านประมุขพวกเราเข้าใจดี แต่หากท่านลงไปแล้วประสบกับอุบัติเหตุอะไรเข้า พวกเราคง……”
“ใช่ ด้านล่างอันตราย ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่บ้าง หากว่ารีบบุกเข้าไปตามใจแล้ว…..”
สีหน้าของพวกเขาต่างก็เป็นห่วงเขา ไม่มีใครอยากให้อี้เทียนหยุนลงไป ถึงยังไงข้างล่างนั้นก็อันตรายมาก
“ให้เขาลงไปเถอะ” ในตอนนี้เอง ชิเสวี่ยอวิ๋นก็ได้ออกหน้า ระดับของเธอไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้ แต่หากดูจากสายตาของอี้เทียนหยุน เธอคือคนที่เขาห่วงใยที่สุด “เรื่องที่เทียนหยุนตัดสินใจ จะไม่มีทางเปลี่ยนอย่างง่ายๆ ยิ่งกว่านั้น ข้าเชื่อว่าเขาจะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ….. ข้าก็จะไปหลบซ่อนตัว พร้อมกับเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตน จนกว่าจะล้างแค้นให้เทียนหยุนได้สำเร็จ หรือถูกสังหารแทน”
สีหน้าของเธอสงบอย่างมาก แต่คำพูดกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง กระแทกเข้าไปในจิตใจของพวกเขา
“มีแต่ท่านน้าที่เข้าใจข้าที่สุด” อี้เทียนหยุนส่งยิ้มออกมา เขาไม่จำเป็นต้องสื่อสารอะไรกับชิเสวี่ยอวิ๋นมาก เพียงแค่ยิ้ม จิตใจของพวกเขาก็เชื่อมถึงกัน ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดมากมายอะไร พวกเขาก็ต่างรู้ใจของอีกฝ่าย
หากพูดว่าในใจของเขาที่ไม่มีใครสามารถแทนได้ นั่นก็คือชิเสวี่ยอวิ๋น ไม่มีใครที่จะสามารถมาแทนตำแหน่งอันดับ 1 ของเธอในใจของเขาได้ แม้แต่พ่อแม่และคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครสามารถมาแทนเธอ ตัวเขานั้นไม่ได้มีความคิดอะไรเกี่ยวกับพ่อแม่ของเขา จะปรากฏตัวหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะสำหรับเขาแล้ว แค่มีชิเสวี่ยอวิ๋นคนเดียวก็พอ
ผู้คนต่างก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า บางคนรู้ว่าฐานะของชิเสวี่ยอวิ๋นในใจของอี้เทียนหยุนนั้นไม่มีใครมาสั่นคลอนได้อย่างแน่นอน และก็จริง หากว่าชิเสวี่ยอวิ๋นไม่ห้าม คนอื่นก็ทำได้เพียงแค่โต้เถียงกันไปมาเท่านั้น
“ในเมื่อราชาภูตตัดสินใจอย่างนั้นแล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก จะขอเริ่มการทำลายมหาค่ายกลนี้ในทันที แล้วรอคอยราชาภูตกลับมา!” เมื่อบรรพชนเผ่าภูตเห็นอี้เทียนหยุนตัดสินใจเป็นแม่นมั่นแล้ว เขาก็ไม่กล่าวเกลี้ยกล่อมอะไรอีก
“พวกเราจะคอยราชาภูตกลับมา หากว่าหนึ่งวันแล้วราชาภูตยังไม่กลับมา พวกเขาก็จะไม่จากไปไหน!”
พวกเขาพากันตะโกนเสียงดัง อย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
“ใช่ พวกเราจะรอจนกว่าท่านประมุขจะกลับมา! หากประมุขไม่กลับมา พวกเราจะลงไปตามเอง หากว่าสู้ไม่ได้ พวกเขาก็จะไปซ่อนตัว แล้วค่อยๆ จัดการกับอาณาจักรใต้พิภพนี้อย่างช้าๆ!”
ศิษย์นิกายเทียนเฉวียนตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน พวกเธอหากให้พูดแล้วก็เหมือนกับชิเสวี่ยอวิ๋น ล้วนแต่ภักดีต่ออี้เทียนหยุนอย่างสุดหัวใจ
“พวกเราด้วย พวกเราก็จะรอท่านประมุขกลับมาเหมือนกัน ไม่ว่าจะนานแค่ไหน พวกเราก็จะรอจนกว่าท่านจะกลับมา!”
จากนั้นก็ตามมาด้วยศิษย์วังเทียนจี๋ พวกเขาถูกพลังของอี้เทียนหยุนสยบ พากันทอดถอนใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
มองดูผู้คนที่สนับสนุนเขา ในใจอี้เทียนหยุนก็รู้สึกเหมือนกับอุ่นร้อนขึ้นมา การได้รับความเชื่อมั่นจากพวกเขา เหมือนกับเป็นยาชูกำลัง
“วางใจได้ พวกเจ้าไม่เชื่อในประมุขของพวกเจ้าหรือไง? ข้าจะต้องเอาหัวของจักรพรรดิใต้พิภพกลับมาอย่างแน่นอน!” อี้เทียนหยุนกำหมัดแล้วชูขึ้น พร้อมกับประกาศความต้องการของเขา
“พวกเราเชื่อท่านประมุข!”
พวกเขากู่ร้องออกมา ดวงตาแต่ละคนเป็นประกาย อยากจะติดตามอี้เทียนหยุนลงไปข้างล่างด้วย แต่ไม่ว่ายังไงอี้เทียนหยุนก็ไม่ยอมให้ใครตามเขาไป หากลงไป พวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วอย่างนี้ยังจะดันดุรังไปทำไม? เขาไม่ใช่คนที่จะใช้ลูกน้องเป็นหน่วยกล้าตาย
จากนั้น เขาก็ตรงไปยังบัลลังก์มังกรในทันที ข้างหลังนั้นไม่มีทางไปต่อ แต่หลังจากผลักเบาๆ ทันใดนั้นก็พลันปรากฏเส้นทางที่นำไปสู่ด้านล่าง พร้อมกับกลิ่นอายที่ชั่วร้ายและเย็นเยียบของเปลวเพลิงใต้พิภพโชยออกมา ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่สบายตัว
เขาไม่มีอาการลังเล เดินลงบันไดไปในทันที พร้อมกับตรงลงไปค้นหาเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความรุนแรงของเปลวเพลิงใต้พิภพมากขึ้นทุกที หากว่าไม่มีพลังสูงกว่าระดับผันแปรวิญญาณแล้วล่ะก็ จะต้องถูกเปลวเพลิงที่ชั่วร้ายนี้รุกล้ำเข้ามา พร้อมกับแช่แข็งร่างกายจนตายอย่างแน่นอน
แต่ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานเช่นกัน อย่างน้อยต้องเป็นระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ถึงจะเข้ามาที่นี่ได้ เพราะเพียงแค่เหยียบเข้ามาในธรณีประตู ก็ต้องพบกับอุณหภูมิที่สูงและน่าสะพรึงกลัวแล้ว
แต่ว่านี่ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับอี้เทียนหยุน เขาทำการยื่นมือออกไป พร้อมกับปลดปล่อยเคล็ดวิชากลืนสวรรค์ออกมา ทำการกลืนเปลวเพลิงใต้พิภพที่อยู่รอบๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีจำนวนที่ค่อนข้างน้อย แต่อย่างน้อยก็สามารถเปลี่ยนเป็นค่าประสบการณ์ได้
“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 7,000, 8,000, 7,800……”
เขาดูดกลืนเปลวเพลิงมาเป็นค่าประสบการณ์ได้ครั้งละไม่กี่พันเท่านั้น เปลวเพลิงใต้พิภพที่ลุกโชนตามกำแพงล้วนแต่ถูกดูดเข้ามา แม้ว่าจะไม่มีการสนับสนุนจากบัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ แต่หากรวมเข้าด้วยกัน ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว
ยิ่งกว่านั้น หากว่าเดินลงไปลึกเท่าไหร่ ค่าประสบการณ์ที่ได้ก็จะยิ่งสูงขึ้น หมายความว่าเปลวเพลิงใต้พิภพเองก็แข็งแกร่งขึ้น
อย่างรวดเร็ว เขาก็เดินมาจนสุดทาง ตรงหน้าของเขาปรากฏประตูหินขนาดใหญ่ บนนั้นสลักไว้ด้วยอักขระนับไม่ถ้วน ดูแล้วท่าทางแน่นหนาอย่างมาก หลังจากกวาดตาดูแบบลวกๆ ครั้งหนึ่ง ก็รู้ว่านี่เป็นอักขระระดับจงซือ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเหมือนป้อมปราการชั้นหนึ่ง ทำให้ไม่ง่ายที่จะบุกเข้าไป
“จักรพรรดิใต้พิภพผู้นี้ช่างซ่อนตัวได้ลึกจริงๆ ไม่รู้ว่าหากทำลายประตูหินนี้แล้ว ยังจะมีทางอื่นอีกหรือเปล่า”
อี้เทียนหยุนทำการสำรวจขึ้นๆ ลงๆ มองดูลำแสงที่ฉายออกมาจากอักขระเหล่านี้ นอกจากว่าผู้มาจะมีระดับท้าทายสวรรค์เป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้น หากคิดจะทำลายประตูหินนี้ ไม่มีทางทำได้ในเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน ยังไงก็ตาม สิ่งนี้ก็ไม่สำคัญ เพราะภายใต้เนตรสวรรค์ของเขา ทำให้เขาสามารถทำลายอักขระเหล่านี้ได้
“จงเปิดออก!”
ดวงตาอี้เทียนหยุนฉายแสงสีฟ้าออกมา อย่างรวดเร็ว แกนกลางของค่ายกลก็เผยออกมา ดูแล้วช่างเปราะบางอย่างยิ่ง
“อยู่นี่เอง!”
เขาเริ่มทำการทำลายค่ายกลอย่างรวดเร็ว ไม่นาน อักขระของมหาค่ายกลก็ถูกทำลาย
“ติ๊ง ท่านทำการปรับเปลี่ยนอักขระระดับจงซือสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 800,000, ค่าความชำนาญ 2,000!”
“ติ๊ง ท่านทำการ……”
หลังจากทำลายมหาค่ายกล ค่าประสบการณ์รวมถึงค่าความชำนาญก็โหมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การทำลายค่ายกลทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์และค่าความชำนาญในการสลักอาคม แน่นอนว่าการซ่อมแซมก็ทำให้ได้รับมาเช่นกัน
ในที่สุด ขณะที่เขาทำลายอักขระตัวสุดท้าย หมัดของเขาก็ทุบลงไปอย่างแรง “เปรี้ยง” ประตูหินราวกับเนยเหลว ถูกหมัดทำลายจนเปิดออก เมื่อไม่มีพลังของค่ายกลคอยหนุน ประตูหินนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากเนยเหลว
หลังจากประตูหินถูกทำลาย ที่ปรากฏต่อสายตาของเขาก็คือทะเลเพลิงใต้พิภพ ที่ปกคลุมไปทั่วอาณาเขตนี้ และในใจกลางพื้นที่นี้ ก็ได้มีถ้ำขนาดใหญ่ ที่กำลังพ่นเปลวเพลิงใต้พิภพออกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ลุกโชนไปทั่วมิตินี้
และจักรพรรดิใต้พิภพก็กำลังนั่งทำสมาธิอยู่ที่นี่ เขากำลังดูดซับเปลวเพลิงใต้พิภพอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนใจว่าใครที่ทำลายค่ายกลเข้ามา
“กำลังทะลวงระดับอยู่จริงๆ ด้วย!”
อี้เทียนหยุนมีสีหน้าเย็นชา เขาสามารถสัมผัสได้ว่าจักรพรรดิใต้พิภพกำลังโจมตีกำแพงที่เป็นเขตแบ่งระดับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อไต่ไปสู่ระดับที่สูงขึ้น!