CLS ตอนที่ 444: หมิงเฉิน
การเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันทำให้อี้เทียนหยุนรู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าในหัวของจักรพรรดิใต้พิภพจะมีไข่มุกสมบัติใต้พิภพอยู่ แล้วในไข่มุกสมบัติใต้พิภพก็ยังจะมีวิญญาณที่น่ากลัวอยู่ด้วย ทั้งวิญญาณตนนี้ยังมีพลังระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 3 อีก ช่างทำให้เขารู้สึกตกใจจริงๆ
และเมื่อรวมกับพลังของมหาค่ายกลใต้พิภพ ทำให้พลังของอีกฝ่ายสูงถึง 250 ล้านอย่างไม่คาดคิด ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าสะพรึงโดยแท้จริง เพียงแค่ฟาดฝ่ามือออกไปเบาๆ ก็ตบผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ตายได้อย่างง่ายดาย ยิ่งกว่านั้น อีกฝ่ายยังไม่มีแรงแม้แต่จะขัดขืนได้เลย
นี่ไม่ใช่แต่เฉพาะระดับราชาวิญญาณกับระดับวิญญาณเที่ยงแท้เท่านั้นที่มีความต่างอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งผ่านเขตแดนที่สูงขึ้นไป ก็จะยิ่งบดขยี้พวกที่ระดับต่ำกว่าได้อย่างง่ายดาย นอกจากว่าจำนวนจะต่างกันมากเกินไปจริงๆ จนทำให้ต้องผลาญพลังวิญญาณออกไปจนหมด ไม่อย่างนั้น แค่วาดฝ่ามือออกไปก็สามารถตบอีกฝ่ายจนตายได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้วิญญาณที่สิงอยู่ในร่างจักรพรรดิใต้พิภพได้ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งอย่างมากกับตัวเขา ตอนนี้ได้กลายเป็นเรื่องยุ่งขึ้นมาจริงๆ แล้ว แต่เรื่องยุ่งนี้ถูกปกปิดไว้ รอโอกาสที่จะควบครองร่างจักรพรรดิใต้พิภพอย่างสมบูรณ์ หมายความว่าต่อให้เขาไม่จัดการกับจักรพรรดิใต้พิภพ สุดท้ายแล้ว เมืองหลวงใต้พิภพแห่งนี้ก็จะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของวิญญาณร้ายนี้อยู่ดี
เมื่อถึงตอนนั้น ก็ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าจักรพรรดิใต้พิภพได้ถูกวิญญาณอื่นเข้าสิง เนื่องเพราะว่ารูปลักษณ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงไม่ได้สร้างความสนใจให้กับบุคคลอื่น
“แท้จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?” อี้เทียนหยุนจ้องไปที่เขา อยากจะรู้ว่าวิญญาณที่สิงร่างจักรพรรดิใต้พิภพอยู่นี้เป็นใคร ทำไมถึงได้ซ่อนอยู่ในอุปกรณ์ระดับเทวะได้
“ข้าเป็นใครน่ะเหรอ?” จักรพรรดิใต้พิภพตัวปลอมมองมาที่เขาพร้อมรอยยิ้ม แล้วพูดออกมาว่า “เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะรู้ชื่อข้าจริงๆ ข้าชื่อว่าหมิงเฉิน ชื่อนี้เกรงว่าในดินแดนแถบนี้คงไม่มีใครรู้จัก พลังของเจ้าแข็งแกร่งมาก ข้าชื่นชมเจ้าจริงๆ ข้าจะให้โอกาสเจ้า ตราบเท่าที่เจ้าสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อข้าตลอดไป ข้าก็จะช่วยทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น! จากนี้ไป อย่าว่าแต่ระดับราชาวิญญาณ กระทั่งระดับราชาเซียนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้! ต่อให้เป็นขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็ยังสามารถมีพื้นที่เล็กๆ ได้!”
“หมิงเฉิน….” อี้เทียนหยุนหรี่ตามองไปที่เขา จากนั้นก็พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “แท้จริงแล้วเจ้ามีเบื้องหลังอะไรกันแน่ อยากจะให้ข้ายอมจำนนต่อเจ้า อย่างน้อยก็ช่วยบอกเหตุผลที่ข้าควรจะทำอย่างนั้นด้วยสิ?”
“ขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ?” หมิงเฉินมองเขาอย่างหยิ่งผยอง “นี่เป็นเพียงวิญญาณส่วนน้อยที่ข้าแบ่งออกมา หวังจะสร้างกิ่งสาขาของสำนักขึ้นที่ดินแดนแห่งนี้ ขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น มันไกลเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการถึง หากให้พูดอย่างไม่เกรงใจแล้วล่ะก็ ขุมอำนาจของเจ้านี้ เพียงแค่ฝ่ามือเดียว ก็สามารถทำลายทิ้งได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่มีแรงขัดขืนแม้แต่น้อย”
“เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ….” อี้เทียนหยุนหรี่ตา ในตำนานบอกว่ามีแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่ที่ไหน บ้างก็บอกว่าอยู่ในอวกาศ แต่ต่อให้บินไป ก็ไม่สามารถไปถึงได้ง่ายนัก
นอกจากจะมีตัวแทนลงมารับสมัคร อย่างนั้นถึงจะไปถึงได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้แล้ว ข้อมูลอื่นๆ ไม่มีใครรู้ ทั้งยังไม่มีบอกไว้ในบันทึก ทำให้คนที่รู้เรื่องนี้จริงๆ แล้วมีอยู่น้อยมาก
พลังของแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งมากเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกว่าเป็นขุมอำนาจชั้นที่ 5 หรอกจริงไหม? แต่เขาไม่คิดว่าคำพูดที่หมิงเฉินบอกเอาไว้ว่าหากจะสังหารพวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการบี้มดแม้แต่น้อยนั้นจะไม่เป็นความจริง
“ทำไมเจ้าถึงเลือกที่แบ่งวิญญาณออกมา คงไม่ใช่ว่าเจ้าถูกไล่ล่าจนต้องหนีมาที่นี่หรอกนะ?” อี้เทียนหยุนพลันกุมกุญแจสำคัญของปัญหาได้ในทันที บอกว่าสามารถตบเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กลับพยายามทำให้ยอมแพ้?
“เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ตอนนี้ข้าจะให้ตัวเลือกเจ้าสองข้อ หากไม่เชื่อฟังก็จงตายซะ! เจ้าจะเลือกแบบไหน?” หมิงเฉินไม่ตอบคำเขา แต่ยังคงพูดออกมาด้วยสีหน้าหยิ่งผยองตามเดิม
“ข้าเลือก….. ให้เจ้าตายยังไงล่ะ!”
อี้เทียนหยุนพุ่งเข้าไป พร้อมกับตวัดกระบี่มังกรสวรรค์ในมืออีกครั้ง แทงเข้าใส่หมิงเฉิน จากนั้นก็ระเบิดพลังสูงสุดออกมาในพริบตา!
โหมดคลั่งหมวดพลังโจมตี เปิด!
สายเลือดเทพมังกร เปิด!
หลังจากเปิดใช้งานพลังทั้งสอง พริบตา พลังรบของเขาก็พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 240 ล้าน!
แต่หากเทียบกับหมิงเฉินแล้ว ก็ได้เพียงแค่สูสีเท่านั้น อึดใจต่อมา เขาก็ทำการเผาผลาญแกนโลหิต พร้อมกับสายเลือดเทพมังกรที่เดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น กำลังสั่นสะท้านอยู่ในร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้น พลังรบของเขาก็เพิ่มขึ้นไปอีกขั้นใหญ่ ระเบิดเข้าสู่ระดับ 265 ล้านในพริบตา เทียบกับหมิงเฉินแล้ว แข็งแกร่งกว่าขั้นหนึ่ง
“มังกรสวรรค์สะบั้น!”
นัยน์ตาทั้งสองข้างของอี้เทียนหยุนเป็นประกายเย็นชาอย่างสมบูรณ์ พร้อมที่จะทุ่มทุกอย่างเพื่อสังหารหมิงเฉินผู้นี้ ไม่คิดออมรั้งยั้งมือแต่อย่างใด ไม่อย่างนั้น คนที่ตายก็คือพวกเขา
ที่จักรพรรดิใต้พิภพชั่วร้ายขนาดนั้น หมิงเฉินย่อมต้องมีส่วนด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้น เข้าร่วมกับเขาก็เท่ากับรนหาที่ตาย แต่หากไม่เข้าร่วมกับเขาก็ต้องนั่งรอเวลาตายเช่นกัน! ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงสังหารเขาทิ้งให้จงได้เท่านั้น
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้จักดีชั่วสินะ งั้นก็ตายซะ!”
หมิงเฉินสีหน้าเย็นชา ในมือพลันปรากฏกระบี่ขึ้น นั่นก็คือกระบี่เทพใต้พิภพที่จักรพรรดิใต้พิภพเคยใช้เมื่อก่อนหน้า
“มังกรมืดสิงร่าง!”
หมิงเฉินไม่ได้ประมาท เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เข้มแข็งของอี้เทียนหยุนในตอนนี้ไม่มีทางที่เขาจะต้านทานได้ในสภาวะปกติ ดังนั้นจึงได้ปลดปล่อยวิชาลับออกมาในทันที พริบตา พลังรบของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกขั้น พร้อมกับร่างเงามังกรมืดที่สิงเข้าไปในร่างของเขา จากนั้น บนร่างของเขาก็ปรากฏเกล็ดมังกรขึ้น จนลามขึ้นไปบนหัว พริบตา หัวของเขาก็กลายเป็นหัวมังกร ดูแล้วน่าขนลุกอย่างมาก เพราะทั้งหน้าของเขาต่างก็เต็มไปด้วยเกล็ดมังกรสีดำ!
จากนั้น พลังรบของเขาก็ระเบิดออกมาในทันที จากปกติมีอยู่ 250 ล้าน ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 270 ล้าน เทียบกับอี้เทียนหยุนแล้วยังแข็งแกร่งกว่า ไม่คิดว่าขนาดอยู่ในสภาพนี้ยังจะสามารถระเบิดพลังที่น่าสะพรึงขนาดนี้ออกมาได้ ช่างเหนือจินตนาการจริงๆ
ระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 3 ร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ? แน่นอนว่าไม่ เป็นเพราะว่าหมิงเฉินมีวิธีการมากเกินไป ทำให้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากสภาวะต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ หรือสภาวะที่ควบคุมร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ ไหนจะสมบัติจำนวนมากอีก เมื่อใช้ทั้งหมดออกมา ทำให้เขามีพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าอี้เทียนหยุนในสภาพสมบูรณ์เลย
ยังไงก็ตาม หากต้องเทียบกันแล้ว อี้เทียนหยุนแน่นอนว่าต้องร้ายกาจกว่าเขา เพราะถึงยังไงตอนนี้เขาก็มีพลังเพียงระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 3 เท่านั้น
และในพริบตานี้ หมิงเฉินที่ถือกระบี่เทพใต้พิภพอยู่ก็ได้แทงกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็ว ปะทะกับกระบี่มังกรสวรรค์ที่ปล่อยพลังเต็มที่ในทันที มังกรทั้งสองทำการปะทะกัน พริบตา พลังทั้งสองก็ระเบิดออก ทำให้ทั้งสองคนต้องพากันถอยออกไปคนละนิด
แต่เพิ่งจะถูกทำให้ถอยออกไปไม่ทันไร ก็พากันยกอาวุธขึ้นห้ำหั่นกันอีกครั้ง เข้ามาเผชิญหน้ากันอย่างบ้าคลั่ง ต่อสู้ด้วยพลังที่สุดระห่ำ เพราะพลังรบของทั้งสองไม่ได้ต่างกันมาก ดังนั้นในการปะทะกัน จึงไม่สามารถแบ่งแยกสูงต่ำได้ในทันที
“ผลาญแกนโลหิต ดูสิว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน!” หมิงเฉินหัวเราะเยาะ ใบหน้าดูแล้วสงบอย่างมาก แต่ในใจลอบแตกตื่น ตัวเขาระเบิดพลังออกไปทั้งหมดแล้ว แต่ไม่คิดว่าฝั่งตรงข้ามจะยังต้านทานได้
“อย่างน้อยก็นานกว่าเจ้า!” อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา เขามีหยกโลหิตรุ่นปรับปรุงอยู่ แน่นอนว่าย่อมไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องเลือดฉี ไม่อย่างนั้นเขาจะกล้าผลาญแกนโลหิตตัวเองได้ยังไง
หลังจากปะทะกันด้วยพลังทั้งหมดอยู่หลายสิบกระบวนท่า ทันใดนั้นพลังรบของหมิงเฉินก็ตกลงในทันที เหลืออยู่เพียง 210 ล้านเท่านั้น ทำให้พลังของเขาด้อยกว่าอี้เทียนหยุนในพริบตา!
อี้เทียนหยุนเข้าใจในทันที พวกบรรพชนเผ่าภูตที่อยู่ข้างบนคงทำการทำลายมหาค่ายกลใต้พิภพได้แล้ว จึงทำให้พลังรบของหมิงเฉินตกลง ทำให้ถูกโจมตีจนต้องถอยร่นออกไป ในตอนนี้ พลังของพวกพ้องก็พลันปรากฏ เขาไม่ได้ต่อสู้เพียงคนเดียว แต่ยังมีคนอีกกลุ่มที่ยังคอยต่อสู้ร่วมกันกับเขา!