CLS ตอนที่ 447: บี้จนแหลก
บรรพชนเผ่าภูตกับพวกไม่รู้ว่าสถานการณ์ด้านล่างนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำได้เพียงพากันคาดเดาเท่านั้น อย่างแรกคงต้องส่งบรรพชนเผ่าภูตลงไปก่อน เพราะเขาเป็นผู้มีระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ดังนั้น หากส่งเขาลงไปก็พอที่จะรับประกันความปลอดภัยได้ หากให้คนอื่นลงไป มันจะอันตรายเกินไป
“ข้าก็จะลงไปกับท่านด้วย” เริ่นหลงลุกขึ้นมาพร้อมกับพูดอย่างจริงจัง
ขณะที่บรรพชนเผ่าภูตกำลังจะเอ่ยแย้งอยู่นั้น เขาก็ได้เห็นสายตาที่มุ่งมั่นของเริ่นหลง ก็เลยเลือกที่จะไม่พูดอะไร ต่อให้เขาจะบอกว่าอย่าลงไป เริ่นหลงก็คงจะไม่ฟังอยู่ดี
“ท่านบรรพชน ข้าก็อยากจะลงไปด้วยเหมือนกัน!”
“ใช่! พวกเราก็อยากจะลงไปดูสถานการณ์ของท่านประมุขด้วย!”
พวกเขาพากันร้องออกมา ไม่มีใครอยากจะยืนรออยู่ที่นี่เฉยๆ อยากจะลงไปเห็นสถานการณ์ของอี้เทียนหยุนด้วยตาตนเอง
“พอแล้ว ลงไปแค่พวกเราสองคนก็พอ หากว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าคิดว่าพวกข้าจะปกป้องพวกเจ้าได้อย่างงั้นเหรอ?” บรรพชนเผ่าภูตพูดอย่างจริงจัง “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเป็นห่วงท่านราชาภูต แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาแต่ใจ พวกเจ้ารออยู่ข้างบนนี้ดีๆ ก็พอ”
ชิเสวี่ยอวิ๋นเปิดปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดก็กำหมัดเล็กๆ ของเธอแน่น ไม่พูดออกไป ระดับของเธอต่ำเกินไป ต่อให้เป็นเจ้าตำหนักก็เปล่าประโยชน์ ด้วยระดับที่ต่ำของเธอ ต่อให้ลงไปก็ไม่ต่างจากหาที่กลบฝังของตนเอง
ด้วยอายุของเธอ ระดับเท่านี้ไม่ถือว่าต่ำ ถือว่าเป็นระดับอัจฉริยะเลยก็ว่าได้ แต่หากนับเฉพาะที่แห่งนี้ ระดับของเธอยังคงต่ำเกินไป ลงไปก็เท่ากับกลบฝังตนเอง
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่ยืนกรานที่จะพูดว่าจะต้องลงไปให้ได้ แต่ว่าในใจของเธอก็อยากลงไปข้างล่างเหมือนกันกับทุกคน
หลังจากบรรพชนเผ่าภูตเอ่ยห้ามแล้ว ก็ไม่มีใครฝืนที่จะลงไปอีก ทำได้เพียงรออยู่ข้างบน คอยฟังผลลัพธ์ที่ออกมาอย่างเชื่องเชื่อ
บรรพชนเผ่าภูตและเริ่นหลงพยักหน้าให้กัน จากนั้นก็เดินลงไปตามทางด้านหลังบัลลังก์มังกรนั้น เมื่อเริ่มเดินลงไป เปลวเพลิงใต้พิภพที่อยู่ด้านหน้าก็โถมเข้ามา ทำให้พวกเขารู้สึกร้อนลวกจนต้องปล่อยพลังวิญญาณออกมาเพื่อต้านทานอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามหาค่ายกลใต้พิภพจะถูกทำลายแล้ว แต่เปลวเพลิงใต้พิภพยังคงเหลืออยู่ที่นี่อีกมาก ผู้ที่มีระดับต่ำไม่สามารถลงมาได้
“เพิ่งจะลงมาก็เดินลำบากซะแล้ว ดีแล้วที่ไม่ให้ทุกคนลงมาด้วย” บรรพชนเผ่าภูตพูดอย่างจริงจัง
“อืม เปลวเพลิงใต้พิภพนี้มีพลังน่าสะพรึงมาก หากไม่ใช่ระดับผันแปรวิญญาณขึ้นไป คงไม่มีทางต้านทานพลังนี้ได้” เริ่นหลงพยักหน้า คิดเหมือนกันว่าที่นี่นั้นอันตรายมาก
พวกเขาพากันเดินลงไปอย่างระวัง และในขณะที่พวกเขากำลังจะถึงจุดล่างสุด ก็พลันมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากด้านใน ทำให้พวกเขาตกใจจนพากันถอยออกไปหลายก้าวอย่างรวดเร็ว ในใจพวกเขาตึงเครียด หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอี้เทียนหยุนจริงๆ?
หลังจากคลื่นพลังวิญญาณที่ปั่นป่วนจากด้านในสงบลง พวกเขาก็พากันเดินต่ออีกครั้ง และที่ปรากฏต่อสายตาของพวกเขาก็คือทะเลเพลิง บนกำแพงรอบๆ ต่างก็เต็มไปด้วยหลุมลึกจำนวนมาก ราวกับผ่านสงครามมา
และตอนนี้ พวกเขาก็ได้สังเกตเห็นร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ใกล้ๆ ร่างนั้นกำลังถือกระบี่ยาว สีหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร พร้อมกับมองไปด้านหน้า ร่างนี้ก็คืออี้เทียนหยุน ร่างของเขาถูกเผาจนดำ แต่ก็เหมือนไม่ได้บาดเจ็บอะไร ดูแล้วไม่มีปัญหา
นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครอื่น แต่เมื่อมองที่พื้นก็เห็นคาบเลือดขนาดใหญ่ ที่กำลังฉีดพุ่งออกมาจากร่างของศพที่ถูกตัดเป็นส่วนๆ ราวกับน้ำพุ ดูแล้วค่อนข้างน่าขยะแขยง
“ราชาภูต!”
“อี้!”
เมื่อพวกเขาเห็นอี้เทียนหยุนไม่เป็นอะไร ในใจก็พลันมีความสุข ขณะที่พวกเขาอยากจะเข้าไปหานั้น อี้เทียนหยุนก็ได้รีบยกมือขึ้นห้าม
“อย่าเข้ามา เปลวเพลิงใต้พิภพที่เหลืออยู่นี้ยังสามารถทำอันตรายพวกท่านได้ รอให้ข้าเก็บกวาดแล้วเสร็จแล้วค่อยว่ากัน” อี้เทียนหยุนเพิ่งจะสังหารหมิงเฉินเสร็จ พวกเขาก็พากันลงมาซะแล้ว
และในตอนนี้ ในหูของเขาก็ปรากฏเสียงที่น่าฟังดังขึ้น
“ติ๊ง ยินดีด้วย ท่านสังหารจักรพรรดิใต้พิภพสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 90 ล้าน, ค่าความคลั่ง 10,000, ค่าความชั่ว 10,000, ได้รับวิชายุทธ์ เคล็ดวิชาเทพใต้พิภพ, ฝ่ามือเทพใต้พิภพ, เคล็ดวิชาใต้พิภพเพลิงผลาญ, มังกรมืดสิงร่าง, ได้รับไอเทม วิญญาณใต้พิภพ(หายาก), กระบี่เทพใต้พิภพ(ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง), เกราะใต้พิภพ(ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง), รองเท้าศึกใต้พิภพ(ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง), เปลวเพลิงใต้พิภพ(ระดับปฐพีขั้นกลาง)!”
“ติ๊ง ท่านได้ต่อสู้และสังหารศัตรูข้ามระดับสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มเติม 100 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าความชั่ว 10,000, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุงขั้นสูง 1 ครั้ง!”
รางวัลนับว่าน่าตกใจมาก ภายใต้ค่าประสบการณ์ 16 เท่า ทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์ 90 ล้าน หมายความว่าค่าตั้งต้นคือ 5 ล้าน ถือว่าเหนือกว่ามาก หากเทียบกับระดับวิญญาณเที่ยงแท้ แต่ว่าไม่มีรางวัลสำหรับจัดการวิญญาณนิรนาม หรือว่ายังไม่ตายก็เลยไม่มีรางวัล?
อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา พร้อมกับมองไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็เห็นลำแสงเล็กๆ กลุ่มหนึ่งกำลังลอยเข้าไปใกล้ๆ ไข่มุกสมบัติใต้พิภพด้วยความเร็วไม่เร็วไม่ช้า ดูแล้วค่อนข้างอ่อนแออย่างมาก
วิญญาณหมิงเฉิน : ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 8, สภาพพ่ายแพ้และใกล้สลาย
ยังไม่ตายจริงๆ ด้วย! อี้เทียนหยุนรีบพุ่งเข้าไป พร้อมกับเอื้อมมือคว้าลำแสงกลุ่มนี้ไว้ในมือ พร้อมกับพันธนาการวิญญาณกลุ่มนี้เอาไว้ด้วยพลังวิญญาณของเขา
“จะไปไหน?” อี้เทียนหยุนมองไปยังกลุ่มวิญญาณในมืออย่างเย็นชา หากปล่อยให้เขาเข้าไปในไข่มุกสมบัติใต้พิภพได้ นั่นคงเป็นปัญหา
“ปล่อยข้า!” วิญญาณหมิงเฉินดิ้นรน หวังที่จะหนีไปจากอุ้งมือเขา แต่วิญญาณอ่อนแออย่างเขา จะหนีไปจากอุ้งมือเขาได้ยังไง?
“ปล่อยเจ้า? เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าจะให้โอกาสเจ้า ปล่อยข้าซะ ไม่อย่างนั้น ข้าจะพาผู้เชี่ยวชาญมาบดขยี้ขุมอำนาจของเจ้าอย่างแน่นอน!” หมิงเฉินร้องขู่ “นี่เป็นแค่วิญญาณที่ข้าแยกออกมาเท่านั้น หากว่าตายไป ร่างหลักของข้าจะต้องรู้ทันทีอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะต้องตาย!”
อี้เทียนหยุนหรี่ตามองเขา คำที่เขาพูดก็ถูกจริงๆ วิญญาณหมิงเฉินเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ดังนั้น หากว่าตายไป ร่างหลักก็จะต้องรู้อย่างแน่นอน
“เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะส่งกองทัพผู้เชี่ยวชาญแดนศักดิ์สิทธิ์มาบดขยี้พวกข้า?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ใช่แล้ว! พลังของแดนศักดิ์สิทธิ์เรา ไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะจินตนาการถึง หากพลังของข้าอยู่ในจุดสูงสุดแล้วล่ะก็ เจ้าคิดว่าพลังเพียงแค่นี้ของเจ้าจะทำอะไรข้าได้อย่างงั้นเหรอ?” หมิงเฉินที่ถูกกุมตัวอยู่ยังคงหยิ่งผยองดุจเดิม “ดังนั้น ข้าขอสั่งให้เจ้ารีบปล่อยข้าซะ ไม่อย่างนั้น หากถึงตอนนั้น ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย!”
“แล้วหากข้าปล่อยเจ้าไปล่ะ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชาเช่นเดิม
“หากปล่อยข้าไป ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” หมิงเฉินพูดอย่างจริงจัง
“ได้ งั้นก็ต้องขอบคุณมาก” ในตอนนี้ อี้เทียนหยุนก็ได้บีบวิญญาณหมิงเฉินในมืออย่างแรง ด้วยพลังที่ป่าเถื่อน ทำให้วิญญาณของหมิงเฉินเกิดการบิดเบี้ยวในทันที
นี่ทำให้หมิงเฉินหวาดกลัวจนต้องกรีดร้องออกมา “เจ้า เจ้ากำลังทำอะไร!”
“เจ้าจะไว้ชีวิตข้า แต่ว่าข้าไม่อยากไว้ชีวิตเจ้า….. เจ้าคิดว่าคำพูดของเจ้าเชื่อได้อย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหัวเราะเยาะ “กลัวแต่ว่าเจ้าจะหาโอกาสเข้าสิงข้าน่ะสิไม่ว่า!”
จากนั้น เขาก็เพิ่มพลังขึ้นไปอีก ทำให้วิญญาณของหมิงเฉินเกือบที่จะแตกสลายไป และในขณะที่กำลังจะแตกสลายนั้น หมิงเฉินก็พลันตะโกนออกมาอย่างไม่ยินยอมว่า “ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า ข้าจะต้องพาคนมาบดขยี้เจ้า ต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”
“เปรี้ยง!”
วิญญาณของเขาถูกระเบิดจนสลายไป กลายเป็นละอองแสงตกลงพื้น จากนั้นก็หายไปไม่เห็นอีก
“ข้าก็เช่นกัน” อี้เทียนหยุนพูดออกมาเบาๆ