CLS ตอนที่ 450: สังเวยชีวิตต่อสวรรค์
ขณะที่ชิเสวี่ยอวิ๋นหมุนตัวจะจากไปนั้น ก็ได้มีมือขนาดใหญ่คว้าเอวเธอเข้ามากอดเบาๆ
“ท่านน้าผู้โง่งม กำลังคิดอะไรอยู่อย่างงั้นเหรอ…..”
อี้เทียนหยุนรู้ว่าชิเสวี่ยอวิ๋นกำลังคิดกังวลเกี่ยวกับเรื่องอะไร ก่อนหน้านี้เธอก็คิดเรื่องนี้ เรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ดูอยู่ข้างๆ แค่เห็นสีหน้าของเธอก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไรอยู่
แม้ว่าเขาจะปลอบเธอไปหลายทีแล้ว แต่คำปลอบใจก็ไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกที่ร้อนรนของเธอได้
“เทียนหยุน ข้ารู้สึกว่าข้าไม่สามารถตามรอยเท้าเจ้าทันแล้ว…..” ชิเสวี่ยอวิ๋นถอนหายใจออกมา
“นี่….” อี้เทียนหยุนไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไง ใครขอให้ท่านตามรอยเท้าข้าล่ะ? ต่อให้ตอนแรกจะระดับสูงกว่าเขา แต่อย่างรวดเร็วก็ต้องถูกเขาข้ามผ่านอยู่ดี นี่เป็นข้อได้เปรียบที่ระบบมอบให้กับเขา
ปราศจากคอขวด พร้อมกับการสังหารอย่างบ้าคลั่ง หรือไม่ก็กลั่นโอสถสักกอง เขาก็สามารถเพิ่มระดับได้ในเวลาอันสั้น อาจจะ 1 เดือน หรืออย่างเร็วก็แค่ไม่กี่วันเขาก็มีระดับเพิ่มขึ้นแล้ว แล้วอย่างนี้ใครจะมาเทียบกับเขาได้กัน?
“ที่จริงความคิดของข้าก็ง่ายๆ ก็แค่อยากจะช่วยเจ้า อยากจะลดช่องว่างเพื่อคอยมองเจ้า….” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดเบาๆ “ก่อนหน้านี้ที่เจ้าลงไปต่อสู้ข้างล่าง แม้แต่สิทธิ์จะตามลงไปยังไม่มี เรื่องนี้ทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดอย่างมาก หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า แล้วข้าจะช่วยเจ้าได้ยังไง….”
รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความขมขื่นและรวดร้าว เธอรู้ว่าไม่สามารถไล่ตามฝีเท้าของอี้เทียนหยุนได้ทัน ขนาดคุณสมบัติที่จะเข้าใกล้ยังไม่มี นี่จึงทำให้รู้สึกเศร้าใจอย่างถึงที่สุด
อี้เทียนหยุนกุมมือเธอไว้เบาๆ เขาสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวในใจของชิเสวี่ยอวิ๋นจากการกุมมือเล็กๆ นี้
“เมื่อข้ากลับมาแต่ละครั้ง คนแรกที่ข้าไปหาก็คือท่าน ลืมไปแล้วเหรอ?” อี้เทียนหยุนยิ้มบางๆ ออกมา เขารู้ว่าตนช่วยอะไรเธอไม่ได้ เขาไม่สามารถทำให้ระดับของชิเสวี่ยอวิ๋นเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดได้อย่างเขา ที่เขาให้เธอได้ก็มีแค่โอสถ หรือ วิชายุทธ์ ซึ่งเขาก็ได้มอบมันให้กับชิเสวี่ยอวิ๋นไปมากมายแล้ว
ที่ชิเสวี่ยอวิ๋นเลื่อนมาถึงระดับนี้ได้อย่างรวดเร็ว แค่นี้ก็เรียกได้ว่าอัจฉริยะแล้ว แต่เวลากระชั้นชิดเกินไป จากความสำเร็จของเธอในตอนนี้ ถือว่าดีมากเกินพอแล้ว
ชิเสวี่ยอวิ๋นตกใจ อารมณ์ค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ และเมื่อคิดดีๆ แล้วก็เป็นอย่างที่เขาว่า ไม่ว่าจะทำอะไร เมื่อกลับมา คนแรกที่อี้เทียนหยุนจะมาเจอก็คือเธอ ตอนจะไปก็เช่นกัน
“คนที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าก็มีบ้าง แต่คนแรกที่ข้าไปเจอหลังกลับมานั้น มีแต่ท่านเท่านั้น” อี้เทียนหยุนกระซิบที่ข้างหูของเธอเบาๆ
“เทียนหยุน…..”
ชิเสวี่ยอวิ๋นเอนพิงไหล่เขาเบาๆ ขณะที่ก้มหัวลงอย่างช้าๆ เธอไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น ในตอนนี้เธอเพียงแค่คิดอยากจะพิงไหล่เขาอย่างนี้ต่อไปเท่านั้น
เบื้องหลังของอี้เทียนหยุนไม่ได้มีที่นั่งหรืออะไรทั้งนั้น แต่เขาใช้พลังวิญญาณประคองตัว ทำให้ดูเหมือนกำลังนั่งอยู่บนเตียง แล้วให้ชิเสวี่ยอวิ๋นนอนอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างอ่อนโยนด้วยความรู้สึกสงบสุข
แม้จะติดต่อกับคนหลายคน แต่ไม่มีใครเลยที่จะเปิดใจได้
อี้เทียนหยุนไม่รู้ว่าจะสามารถปลอบใจชิเสวี่ยอวิ๋นได้แค่ไหน แต่เขารู้ว่าในใจของชิเสวี่ยอวิ๋นจะต้องไม่ยอมหยุดอย่างแน่นอน เธอจะต้องฝึกหนักอย่างเมื่อก่อน แล้วก็เลื่อนระดับ คงมีสักวัน ที่เธอจะสามารถยืนอยู่ข้างหลังคอยช่วยเหลือเขา
ความคิดนี้ไม่ได้มีเพียงแต่ชิเสวี่ยอวิ๋นคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นอี้อวี่เหว่ยหรือจิ่วหลิงจวิน หรือคนอื่นๆ ก็คิดอย่างนี้เช่นกัน แต่พวกเธอไม่สามารถทำอย่างชิเสวี่ยอวิ๋นได้ ดังนั้น ที่พวกเธอพอจะทำได้ก็คือจัดการดูแลวังเทียนหยุนให้ดี เพื่อที่จะเป็นหนึ่งในกำลังที่จะคอยช่วยจัดการเรื่องราวให้กับเขา
อี้เทียนหยุนไม่ได้ร้องขอให้พวกเขาต้องพุ่งชนอย่างบ้าคลั่ง เพราะว่านี่เป็นเรื่องที่ยากเกินไป นอกจากจะเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะ ถึงจะสามารถไล่ตามเขาได้
หลังจากพูดคุยกันสักพัก ก็ได้ถึงเวลาแยกจาก ชิเสวี่ยอวิ๋นยังต้องยุ่งกับเรื่องของนิกายเทียนเฉวียน ตอนนี้การต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่ การเก็บกวาดหลายๆ อย่างยังคงไม่เรียบร้อยดี
อี้เทียนหยุนก็ไปช่วยเช่นกัน การเก็บกวาดเมืองนี้มีปัญหาที่ค่อนข้างลำบากอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงต้องลงมือจัดการด้วยตัวเอง ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ทั่วทั้งทวีปใต้พิภพตกอยู่ภายใต้เลือดแห่งการล่าสังหาร ใครที่ยอมจำนนรอด ผู้ต่อต้านตาย!
ผู้ที่ยอมจำนนไม่ได้ถูกทำเป็นทาสทั้งหมด ตราบใดที่ไม่ใช่คนของอาณาจักรใต้พิภพ หรือมียศตำแหน่ง ก็จะถูกปล่อยตัวไป
หากว่าไม่ใช่คนในเมืองโดยกำเนิด แต่กลับต้องมาถูกฆ่า นี่ก็ออกจะโหดร้ายเกินไป เพราะคนส่วนใหญ่มาที่นี่ก็เพื่อที่จะฝึกฝน ดังนั้น หลังจากที่รู้ว่าเมืองหลวงใต้พิภพตกอยู่ใต้เงื้อมมือของศัตรู ผู้ฝึกตนจำนวนมากจึงเลือกที่จะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขารู้ว่า หากไม่หนี คนที่ตายก็จะเป็นตัวพวกเขาเอง
ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ก็พากันออกไปจากเมือง ไม่มีใครยอมอยู่ในเมืองอีก เมื่อเป็นอย่างนี้ ความลำบากในการกวาดล้างก็ลดลงมาก
ในที่สุด หลังจากใช้เวลาหลายสัปดาห์ ในที่สุดก็มาถึงเมืองแห่งสุดท้าย นี่เป็นเมืองที่เหล่าแม่ทัพนายกองระดับหัวกะทิและเหล่าขุนนางทั้งหมดที่ไม่ยอมจำนนรวมตัวกันอยู่
“พวกเราจะไม่ยอมจำนนอย่างแน่นอน จะฆ่าก็ฆ่า!”
“ใช่! พวกเราจะอยู่และตายไปพร้อมกับอาณาจักรใต้พิภพ ต่อให้ต้องเหลือคนสุดท้าย ก็จะไม่มีวันยอมจำนนอย่างเด็ดขาด!”
“หากคิดจะโจมตีก็เข้ามา!”
พวกเขาพากันตะโกนเสียงดัง ไม่เกรงกลัวอี้เทียนหยุนกับพวกโดยสมบูรณ์
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้ายังมีหวังต่ออาณาจักรใต้พิภพอยู่สินะ คิดว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยพวกเจ้าอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนมองไปยังพวกเขาด้วยสีหน้าเฉยชา “จักรพรรดิใต้พิภพและราชครูตายแล้ว พวกเจ้าคิดว่าพวกเขายังไม่ตายจริงๆ?”
คำพูดของอี้เทียนหยุนทำให้พวกเขาตกลงสู่ความเงียบในทันที แม้ว่าอาณาจักรใต้พิภพจะตกไปสู่เงื้อมมือศัตรู แต่พวกเขายังคงเชื่อว่าจักรพรรดิใต้พิภพจะไม่ตาย ถึงยังไงก็ไม่มีใครเป็นพยานว่าจักรพรรดิใต้พิภพตายแล้ว พวกเขาคิดว่าเขาคงจะไปหลบซ่อนตัวเพิ่มพลังอยู่ที่ไหนสักแห่ง
“ในเมื่อพวกเจ้าดื้อด้านนัก งั้นข้าก็จะทำลายที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง” อี้เทียนหยุนโบกมือ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ลงมือได้!”
มังกรยักษ์ทั้งสองพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว พวกมันได้เข้าสู่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้มีการฆ่าล้างเมืองอย่างบ้าคลั่ง จึงทำให้พวกมันทะลวงระดับ แม้ว่าตอนนี้พลังของพวกมันจะไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ตราบใดที่ไม่ใช่ผู้ที่พลังสูงกว่าระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 5 ที่ 6 แล้วล่ะก็ พวกมันก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
“เปรี้ยง!”
พร้อมกับเสียงดังสนั่น การสังหารก็ได้เริ่มขึ้น ในใจอี้เทียนหยุนไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย หากจะฆ่าก็ฆ่า ไม่มีการเมตตาอย่างเด็ดขาด
ทันใดนั้น ทั่วทั้งเมืองก็กลายเป็นทะเลเพลิง ในใจของคนทั้งหลายเริ่มเปลี่ยนแปลง พากันร้องขอความเมตตากันเสียงดัง “พวกเราผิดไปแล้ว พวกเรายอมจำนน ยอมจำนนแล้ว!”
“เป็นพวกเขาคอยปลุกปั่น พวกเราขอยอมจำนน!”
“ใช่แล้ว พวกเขาบอกว่าจักรพรรดิใต้พิภพยังไม่ตาย ตราบเท่าที่ต้านทานไว้ได้ก็พอ พวกเรายอมจำนนแล้วจริงๆ!”
เพิ่งจะถูกโจมตีได้ไม่ทันไร จิตใจของพวกเขาก็พังทลายอย่างรวดเร็ว พูดได้ว่าตอนที่เห็นมังกรยักษ์ทั้งสองก็ใจฝ่อแล้ว โดยเฉพาะมังกรดำตัวนั้น นี่ไม่ใช่ตัวที่ทำลายคุกใต้พิภพและสังหารกองทัพทั้งหลายตามข่าวลือหรอกเหรอ หลังจากได้คิด ความกล้าหาญในใจของพวกเขาก็พังทลายลงในพริบตา
“โอกาสมีให้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ในเมื่อตัดสินใจผิด ก็ไม่มีสิทธิ์เลือกใหม่อีก”
อี้เทียนหยุนสีหน้าไร้ความรู้สึก ปล่อยให้มังกรยักษ์ทั้งสองของตนทำการสังหารอย่างบ้าคลั่งตามใจ คนอื่นๆ ก็เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้เหมือนกัน พวกเขาต่างก็พากันลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยม บางทีอาจจะดูโหดร้าย แต่หากเทียบกับความบ้าคลั่งที่พวกเขาเคยก่อ อี้เทียนหยุนกลับคิดว่าการลงมืออย่างนี้ไม่ได้ผิดอะไร
พูดได้แค่ว่า สังเวยชีวิตต่อสวรรค์ เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับผู้บริสุทธิ์ที่ตายไปเป็นจำนวนมากเมื่อก่อนหน้า!