CLS ตอนที่ 451: ก่อตั้งอาณาจักร
ภายใต้คำสั่งการของอี้เทียนหยุน ทุกคนต่างก็พากันเข้าร่วมสงคราม เริ่มการสังหารอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้น ที่นี่ก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะร้องให้คนช่วยหรือขอความเมตตายังไง ก็ไม่ได้ผลแม้แต่น้อย
ไม่มีใครใจอ่อนกับพวกเขา เพราะคนพวกนี้ล้วนแต่ฆ่าคนมามาก ทั้งยังทารุณกรรมคนของเผ่าภูตมาหลายคน ภายใต้อารมณ์นี้ ใครจะไปยกโทษให้? อย่างคำพูดที่ว่า ทำสิ่งใดย่อมต้องได้สิ่งนั้น!
การฆ่าล้างไม่ได้ใช้เวลานานนัก ก็สามารถจัดการกับพวกเขาจนเสร็จสมบูรณ์ จากนี้ต่อไปเบื้องหน้า จะไม่มีขุมอำนาจที่ชื่อว่าอาณาจักรใต้พิภพนี้อีก
“ติ๊ง ท่านทำภารกิจหลัก “ผดุงยุติธรรมแทนฟ้า ทำลายอาณาจักรใต้พิภพ สังหารจักรพรรดิใต้พิภพ” สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 500 ล้าน, ค่าความคลั่ง 5 ล้าน, ค่าความชำนาญ 500,000(สามารถใช้เพิ่มตรงส่วนไหนก็ได้), ค่าความชั่ว 500,000, ได้รับฉายา “ผู้ลงทัณฑ์ความชั่วร้ายและกำจัดปีศาจ!”
“ติ๊ง ยินดีด้วย ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 4!”
“ติ๊ง ท่านรับภารกิจหลัก “ก่อตั้งอาณาจักรเทียนหยุน” สำเร็จ, เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 2,000 ล้าน, ค่าความคลั่ง 20 ล้าน, ค่าความชำนาญ 2 ล้าน(สามารถเอาไปใส่ส่วนไหนก็ได้), ค่าความชั่ว 2 ล้าน, ฉายา “ข้าคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!”
“เงื่อนไขสำหรับขุมอำนาจระดับอาณาจักร : ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ 2/10 คน, ระดับผันแปรวิญญาณ 8/50 คน, ระดับก่อแกนวิญญาณ 37/500, และสร้างเมืองหลวงของตน! (หมายเหตุ : ผู้ฝึกตนที่นับจะต้องมีค่าความชอบมากกว่า 200, สัตว์เลี้ยงไม่นับ)”
ภารกิจหลักเพิ่งเสร็จไป ก็ไม่มีภารกิจหลักใหม่ขึ้นมา ความยากนี้ไม่ใช่ธรรมดา ต้องการผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ 10 คน! ความต้องการนี้จะไม่สูงเกินไปหน่อยเหรอ? ขนาดอาณาจักรเทียนหลงยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้เยอะขนาดนั้น แต่ก็ยังถูกเรียกว่าอาณาจักรอยู่ดี
ตอนนี้กลับต้องการสิบคนจริงๆ ทั้งระดับผันแปรวิญญาณยังต้องการสูงถึง 50 คน แล้วยังมีระดับก่อแกนวิญญาณ 500 คน! เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อฝึกอย่างช้าๆ พูดได้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานมาก ถึงจะสามารถทำตามเงื่อนไขนี้ได้ครบ
นอกเสียจากว่าเขาจะรวมเข้าด้วยกันกับอาณาจักรเทียนหลง อย่างนี้ ความยากจึงจะลดลงได้อีกมาก ส่วนเรื่องค่าความชอบสามารถค่อยๆ สะสมอย่างช้าๆ ได้ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ยากมากนัก ที่สำคัญคือไม่นับสัตว์เลี้ยงด้วยเนี่ยสิ ช่างยุ่งยากจริงๆ
ตอนนี้เขามีสัตว์เลี้ยงระดับวิญญาณเที่ยงแท้แล้ว 3 ตัวด้วยกัน นั่นก็คือมังกรยักษ์ทั้งสองและหมาป่าหิมะที่ได้มาตอนแรก นี่ก็คือสัตว์เลี้ยงระดับวิญญาณเที่ยงแท้ทั้งสามตัวของเขา แต่ใครจะคิดว่าจะไม่ถูกนับเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ทั้งที่เป็นพวกเดียวกับเขาแท้ๆ
เรื่องนี้คงต้องวางเอาไว้ก่อน จำเป็นต้องใช้เวลาค่อยๆ สั่งสม ภารกิจหลักไม่สามารถสำเร็จได้ในทันที ระบบนี้ต้องการให้เขาค่อยๆ สร้างขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่เริ่ม ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางทำภารกิจหลักได้สำเร็จอย่างแน่นอน
หากว่าขาดภารกิจหลักไป การเลื่อนระดับก็จะยากขึ้นไปอีก
“เหมือนว่าจะมีฉายาด้วยสินะ…..”
อี้เทียนหยุนทำการตรวจสอบฉายาที่ได้มา ทันใดนั้น ข้อมูลของมันก็พลันปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาในทันที
ผู้ลงทัณฑ์ความชั่วร้ายและกำจัดความชั่ว : เพิ่มค่าความดีขึ้น 500 แต้ม!
ประสิทธิภาพถือว่าดี เพิ่มค่าความดีให้ไม่ผิดไปจากที่คาด ยังไงก็ตาม อย่างน้อยก็ดีกว่าฉายา เทพพิทักษ์อาณาจักร เพราะฉายาเทพพิทักษ์อาณาจักรนั้นเพิ่มพลังป้องกันขึ้น 5 เท่า แม้จะฟังดูดี แต่ก็ใช้ได้เฉพาะที่อาณาจักรเทียนหลงเท่านั้น หากออกจากอาณาจักรนั้นมา มันก็จะไม่ส่งผลใดๆ อีก นับว่ามีเงื่อนไขที่น่ารำคาญจริงๆ
หลังสงครามสิ้นสุด ผู้คนก็ค่อยๆ มารวมตัว พร้อมกับรายงานสิ่งที่ได้รับมา นี่เป็นสิ่งที่ได้มาจากในเมือง เรื่องนี้จำเป็นต้องจัดการให้ดี จะปล่อยให้ขาดตกบกพร่องไม่ได้
“หน่วยหมาป่าศึกได้รับอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณ 30 ชิ้น, โอสถหลากชนิดจำนวน 50, ตำรายุทธ์ระดับปฐพีจำนวน 10 เล่ม, ตำรายุทธ์ระดับมนุษย์จำนวน…..”
“หน่วยหมาป่าสวรรค์ได้รับอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณจำนวน 27 ชิ้น, โอสถหลากชนิดจำนวน 58, ตำรายุทธ์ระดับปฐพีจำนวน 8 เล่ม, ตำรายุทธ์ระดับมนุษย์จำนวน…..”
“หน่วยลมสวรรค์ได้รับอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณจำนวน…..”
ตัวแทนของแต่ละหน่วยต่างก็พากันรายงานสิ่งที่ได้รับมา ถึงยังไงทวีปใต้พิภพก็กว้างมาก หากค่อยๆ เก็บกวาดไปทีละแห่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นการเสียเวลาอย่างมาก
แต่ละหน่วยต่างก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณเป็นผู้นำ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการโดนโจมตีกลับ
อี้เทียนหยุนฟังรายงานพร้อมกับพยักหน้า ทรัพยากรพวกนี้ถือว่าดีพอสมควร เขาเพียงคนเดียวไม่สามารถหาทรัพยากรทั้งหมดได้ ทุกคนจำเป็นต้องช่วยกันหาทรัพยากรมาเติมเต็มส่วนที่ใช้ไป
หากเอาแต่พึ่งเขาฝ่ายเดียว เขาจะไม่เหนื่อยตายเลยหรอกเหรอ? ไม่เคยเห็นมีเจ้าสำนักคนไหนที่ต้องใช้พลังของตนเพื่อหาของมาปรนเปรอสำนัก หากเป็นอย่างนั้น แล้วจะมีผู้อาวุโสและศิษย์ไว้ทำไม หรือจะให้พวกเขาอยู่เฉยๆ แล้วรอให้เอาหารและเครื่องดื่มมาส่งให้ถึงที่หรือไง?
หลังจากรายงานเสร็จ พวกเขาก็มองมายังอี้เทียนหยุนด้วยท่าทางจริงจัง รอให้เขาเปิดปากขึ้น
ตอนนี้เขาเป็นดั่งประมุข ผู้เป็นเสาหลักของทุกคน
“อืม ทุกคนทำดีมาก!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มพอใจ “ของพวกนี้ให้แต่ละหน่วยเอากลับไป พร้อมกับใช้ทรัพยากรเหล่านี้เพื่อทำให้พวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้น!”
“ขอบคุณท่านประมุข!”
พวกเขาเต็มไปด้วยความสุข ในใจก็หวังว่าอยากจะให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของพวกตน ตอนนี้ได้กลายเป็นจริงแล้ว แล้วจะไม่ให้พวกเขาดีใจได้ยังไง ที่สำคัญคือลูกน้องในหน่วยของพวกเขาต่างก็มีหลายคนบาดเจ็บ หนักบ้าง เบาบ้าง จำเป็นต้องให้รางวัลตอบแทนพวกเขา
แน่นอนว่าอี้เทียนหยุนก็รู้เรื่องเหล่านี้ดี ในฐานะผู้นำ จำเป็นต้องรู้จักถึงการให้รางวัลและการทำโทษ
“ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเราก็ได้จัดการอาณาจักรใต้พิภพเรียบร้อยแล้ว ทำไมพวกเราไม่ก่อตั้งอาณาจักรเทียนหยุนขึ้นล่ะ? ความแข็งแกร่งของท่านประมุข กระทั่งสามารถเอาชนะจักรพรรดิเริ่นได้!”
“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วย ความแข็งแกร่งของพวกเราไม่ได้อ่อนแอนัก สามารถก่อตั้งขุมอำนาจระดับอาณาจักรได้! ข้าขอแนะนำให้ก่อตั้งเมืองหลวง ไว้เป็นศูนย์กลางบัญชาการ เพื่อที่จะได้เป็นรากฐานให้กับการก่อตั้งขุมอำนาจที่แข็งแกร่งขึ้น!”
“ใช่แล้ว ท่านประมุขร้ายกาจขนาดนี้ การจะเป็นจักรพรรดิไม่ใช่ปัญหา เงื่อนไขนับว่าสมบูรณ์พอ!”
ผู้อาวุโสพากันตื่นเต้น ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน หากอยากจะขึ้นเป็นขุมอำนาจระดับอาณาจักร ตนเองจำต้องมีพลังที่แข็งแกร่งพอเสียก่อน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหา กระทั่งอาณาจักรใต้พิภพยังถูกจัดการ แล้วพวกเขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นเป็นขุมอำนาจระดับอาณาจักรอีกเหรอ?
ตอนนี้สายตาของทุกคนค่อยๆ ไปรวมกันที่อี้เทียนหยุน อยากจะฟังว่าอี้เทียนหยุนจะตอบว่าอะไร
“ต้นไม้ที่สูงเด่นในป่าย่อมต้องถูกโค่นล้ม ไม่ทราบว่าทุกคนเคยได้ยินคำนี้หรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“พวกเราเคยได้ยิน แต่อาณาจักรใต้พิภพที่ถูกเรียกว่าเป็นขุมอำนาจระดับอาณาจักรอันดับที่สองยังถูกพวกเราโค่นล้ม การที่พวกเราจะขึ้นเป็นขุมอำนาจระดับอาณาจักร ไม่มีอันใดให้เคลือบแคลงแม้แต่น้อย นี่เป็นเรื่องที่แน่นอน ไม่ใช่ว่าพวกเราจะพากันกล่าววุ่นวาย!” และผู้อาวุโสคนนั้นก็พูดต่อว่า “หากให้วิเคราะห์ แม้ว่าขุมอำนาจภายในของเราจะด้อยไปบ้าง แต่พวกเราเชื่อว่ามีความสามารถพอที่จะก่อตั้งอาณาจักรขึ้นอย่างแน่นอน!”
“เรื่องนี้ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน จากอำนาจและความแข็งแกร่งของท่านราชาภูต การจะก่อตั้งอาณาจักรนั้น นับว่าเพียงพอ” บรรพชนเผ่าภูตพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเอ่ยถึงขุมอำนาจภายใน จริงอยู่ที่อาจจะด้อยไปบ้าง แต่เมื่อมีพวกเราเผ่าภูตอยู่ แบบนี้ยังจะด้อยกว่าขุมอำนาจภายในของอาณาจักรอื่นอีกเหรอ?”
ผู้คนพากันตาเป็นประกาย ความจริงแล้วขุมอำนาจภายในของวังเทียนจี๋และเผ่าภูตก็ไม่ได้แย่ พวกเขาล้วนแต่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่แต่แรก และไหนจะวิชายุทธ์และค่ายกลที่สะสมมาอย่างยาวนาน นี่ถือว่าไม่เลวเลย
อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องออกตัว ก็มีคนช่วยพูดให้ ดูเหมือนว่ายิ่งบารมีสูงมากเท่าไหร่ ก็ไม่จำเป็นต้องออกตัว จากนั้นก็จะมีบางคนยื่นตำแหน่งจักรพรรดิให้กับเขาเอง!