CLS ตอนที่ 452: น้ำหนึ่งใจเดียว
ทุกคนพากันมองมายังอี้เทียนหยุนด้วยแววตาเร่าร้อน อยากจะฟังคำตอบที่ชัดเจนจากปากเขา หากเขาบอกว่าจะไม่ก่อตั้งอาณาจักร พวกเขาก็จะยอมปล่อยวาง แม้ในใจจะไม่อยาก ก็จะยอมเชื่อฟังคำสั่งของอี้เทียนหยุนโดยไม่เอ่ยแย้งอะไร
พวกเขาก็แค่เสนอความคิด หากว่าเขาไม่ยอมจริงๆ พวกเขาก็คงได้แต่ยอมตัดใจเท่านั้น
ไม่มีใครรู้ว่าข้อเสนอนี้ตรงกับใจของอี้เทียนหยุน การก่อตั้งอาณาจักรในตอนนี้ไม่ได้ทำให้ภารกิจหลักสำเร็จในทันที แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของภารกิจหลักเขา เพื่อที่จะให้ภารกิจสำเร็จ หนึ่งนั้นต้องก่อตั้งอาณาจักรขึ้นจริงๆ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้เขาต้องปฏิเสธ
ด้วยขุมอำนาจที่แข็งแกร่งทั้งสาม รวมถึงความแข็งแกร่งของอี้เทียนหยุน เพียงพอที่จะสร้างอาณาจักรขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะเริ่นหลงที่เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุด แน่นอนว่าจะต้องคอยช่วยอยู่ข้างหลัง ถือเป็นเงื่อนไขที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง ดังนั้น การจะก่อตั้งอาณาจักรเทียนหยุนจึงไม่มีปัญหา ที่เหลือก็รอแค่เวลาเท่านั้น!
การจะก่อตั้งอาณาจักร จำเป็นต้องสร้างเมืองหลวงขึ้น รวมถึงเมืองอื่นๆ ขึ้นให้ทั่วทั้งทวีป เพื่อคอยเป็นศูนย์บัญชาการ ซึ่งนี่จำเป็นต้องใช้ผู้ฝึกตนจำนวนมาก จำเป็นต้องทำไปทีละขั้น ไม่อย่างนั้น อาจเป็นเหตุให้ขาดผู้มีพลังคอยจัดการเรื่องราวต่างๆ
ตอนนี้วังเทียนหยุนมีผู้ทรงพลังอยู่มากมาย สามารถจัดการได้หลายเมือง ตราบเท่าที่ให้เหล่าผู้อาวุโสที่เป็นแกนหลักคอยสั่งการ เรื่องนี้ก็จะไม่มีปัญหา ส่วนผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ก็ให้สร้างเมืองขึ้น ตราบเท่าที่เมืองนั้นมีชีวิตชีวามากพอ ก็จะไม่เป็นอันตราย เพราะจะมีผู้ฝึกตนมากมายพากันย้ายไปที่นั่น
จากนั้น ผู้ฝึกตนที่เข้ามา ก็อาจจะเลือกเข้าร่วมกับอาณาจักรเทียนหยุน ซึ่งนี่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกองทัพของตน
ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องทำไปทีละน้อย ซึ่งต้องใช้เวลามหาศาล นี่ก็เหมือนกับการสร้างบ้าน ต้องเริ่มที่การวางอิฐก้อนแรก ไม่มีบ้านหลังไหนที่จะสร้างสำเร็จในวันเดียว
สัมผัสได้ถึงสีหน้าของทุกคน อี้เทียนหยุนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ไม่มีปัญหา ส่วนที่ตั้งก็เอาเป็นสักที่หนึ่งในทวีปใต้พิภพแห่งนี้ จากนี้ต่อไปเบื้องหน้า ทวีปนี้จะไม่ถูกเรียกว่าทวีปใต้พิภพอีก แต่จะเรียกว่าทวีปเทียนหยุน!”
ในใจของอี้เทียนหยุนก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน สามารถมาถึงตำแหน่งที่สร้างอาณาจักรขึ้นด้วยตนเอง มันทำให้เขารู้สึกเร้าใจอย่างมาก แม้ก่อนหน้านี้เขาจะมีนิกายเทียนเฉวียนและวังเทียนจี๋อยู่ แต่ตามทฤษฎีแล้วเขาไม่ได้เป็นคนก่อตั้ง แต่อาณาจักรเทียนหยุนนี้ เป็นขุมอำนาจที่เขาสร้างขึ้นด้วยตัวเองจริงๆ จึงทำให้ต่างกับสองสำนักข้างต้น
ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็พากันเผยแววตาตื่นเต้นดีใจ พากันลุกขึ้นพร้อมกับตะโกนอย่างห้าวหาญว่า “ใช่แล้ว พวกเราก็มีเจตนานี้เช่นกัน เปลี่ยนชื่อทวีปใต้พิภพเป็นทวีปเทียนหยุน! พวกเราเชื่อว่าท่านประมุข…. ไม่สิ ภายใต้การนำของจักรพรรดิเทียนหยุน จะต้องนำความรุ่งโรจน์อันเป็นที่สุดมาให้พวกเราได้อย่างแน่นอน!”
“ฮ่าๆ นี่คือราชาภูตที่เผ่าภูตเราเป็นคนเลือก ยิ่งใหญ่ใช่ไหมเล่า?” บรรพชนเผ่าภูตหัวเราะออกมาอยู่ข้างๆ
ทันใดนั้น ทั่วทั้งโถงแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงของความตื่นเต้นของทุกคน ตอนนี้พวกเขาเตรียมจะสร้างอาณาจักรแล้ว! ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่าจะมาถึงขั้นนี้ ตอนนี้กลับเตรียมที่จะสร้างอาณาจักรขึ้นจริงๆ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกเขาพากันตื่นเต้นได้ยังไง?
เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะได้ปกครองดินแดนรอบๆ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ยิ่งกว่านั้น ความคิดของหลายคนที่มีต่ออี้เทียนหยุนยังสูงขึ้น เอาความรุ่งโรจน์ทั้งมวลฝากไว้กับอี้เทียนหยุน!
“เอาล่ะ เอาล่ะ ประจบข้าอย่างนี้ข้ารับไม่ได้จริงๆ ข้ายังไม่ได้พูดอะไรก็เรียกข้าว่าจักรพรรดิแล้ว?” อี้เทียนหยุนส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็พูดว่า “เรื่องพวกนี้ข้าไม่เข้าใจเท่าไหร่ ทั้งหมดให้พวกท่านจัดการ ปกติข้าก็ไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว”
เขาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้จริงๆ คิดไปก็ปวดหัว หากให้เขาจัดการทุกสิ่ง หัวของเขาคงได้ระเบิดกันพอดี
“เรื่องพวกนี้ปล่อยให้พวกเราจัดการเอง! พวกเราไม่สามารถเข้าไปสู้ที่แนวหน้าด้วยกันกับท่านประมุขได้ แต่พวกเราสามารถจัดการเรื่องราวทั้งหมดที่เบื้องหลัง เรื่องทั้งหมดนี้ให้พวกเราเป็นคนจัดการเอง!”
อี้อวี่เหว่ยและพวกเย่ชิงเสวียนพากันยืนขึ้น ผู้หญิงพวกนี้ในหัวล้วนเต็มไปด้วยการแข่งขัน พวกเธอล้วนแต่มีความสามารถในการจัดการผู้คนเหมือนกัน และในตอนแรกที่อี้เทียนหยุนพาพวกเธอกลับมาด้วยก็เพราะเรื่องนี้ คนที่มีพรสวรรค์ด้านการจัดการ เป็นพวกที่ขาดไม่ได้เลย
“พวกเรา พวกเราไม่ได้ฉลาดในด้านต่อสู้ แต่หากให้ปกป้องสำนัก พวกเราก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง!”
หยางอวี่กับพวกพากันยืนขึ้น แล้วยังมีพวกสวี่เฟยด้วยเช่นกัน พวกเขาล้วนแต่ได้อี้เทียนหยุนช่วยเอาไว้ ดังนั้นในใจจึงรู้สึกขอบคุณเขาอย่างมาก แน่นอนว่าต้องทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือเขา
“งั้นก็ต้องขอบคุณทุกคนมาก ที่ทำให้ข้ารู้สึกวางใจแม้จะไม่ได้ทำหน้าที่ประมุขที่ดีก็ตาม” ในใจอี้เทียนหยุนรู้สึกยินดี แม้ว่าเขาจะไม่อยู่ แต่พวกเธอก็พากันจัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างดี
“ไม่ ทั้งหมดล้วนแต่ต้องลำบากท่านประมุขทั้งนั้น ที่พวกเรามาถึงขั้นนี้ได้ จนสามารถตั้งตัวเป็นปึกแผ่นอยู่ที่นี่ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นความชอบของท่านทั้งนั้น!”
พวกเธอพากันส่ายหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดที่ว่าอี้เทียนหยุนต้องลำบากขนาดไหนในการต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วน พวกเธอรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงขนาดไหน โดยเฉพาะยามที่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิใต้พิภพ ตอนนั้นพวกเธอพากันรู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
แต่อี้เทียนหยุนกลับยินยอมรับหน้าที่นี้ ซึ่งนี้ทำให้ในใจของพวกเธอรู้สึกนับถืออย่างถึงที่สุด คิดว่าอี้เทียนหยุนนั้นมีคุณสมบัติพอที่จะบัญชาการพวกเธอ ทำให้พวกเธอยอมทำงานให้กับเขาจนตายด้วยความจงรัก!
อี้เทียนหยุนยิ้ม แล้วไม่พูดอะไรอีก ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรต้องพูดอีก แค่ในใจของแต่ละคนรู้ดีก็พอ
ระหว่างนั้น พวกเขาก็พากันยุ่งเกี่ยวกับการสร้างเมืองหลวง ซึ่งมีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่มากมาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย มีเพียงแต่ความรู้สึกตื่นเต้นเท่านั้น! พวกเขาต้องการที่จะมอบความรุ่งโรจน์ให้กับอี้เทียนหยุน
“คนที่น้องอี้เจ้าฝึกมา ดีจริงๆ แต่ละคนต่างก็ซื่อสัตย์และภักดี” เริ่นหลงรู้สึกอิจฉา
“ก็ใช่ เป็นเพราะพวกเขาเชื่อมั่นใจตัวข้า” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“จะยังไงก็ช่าง หลังจากนี้ บางที อาณาจักรเทียนหลงอาจมีเรื่องให้เจ้าช่วย” เริ่นหลงมองไปรอบๆ หลังจากเห็นว่าไม่มีใครอยู่ เขาก็พูดเสียงเบาว่า “ข้ารู้สึกว่าเจ้าน่าจะปกครองอาณาจักรเทียนหลงได้เช่นกัน หากรวมทั้งสองเข้าด้วยกัน มันจะเป็นอะไรที่น่าสะพรึงมาก”
“นี่… หากพระบิดาของท่านกลับมา พวกเขาจะไม่ถลกหนังท่านออกมาเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างช่วยไม่ได้
“หากเรื่องที่อัครเสนาบดีหลงไม่ได้เจ้าคอยจัดการ อาณาจักรเทียนหลงคงไม่มีอีกต่อไปแล้ว ยังจะถึงคราวให้พวกเขาพูดด้วยเหรอ?” เริ่นหลงแค่นเสียงออกมา จากนั้นก็พูดว่า “แค่คิดข้าก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก”
“เอาไว้หลังจากนี้ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน…..” อี้เทียนหยุนยังไม่อยากพูดเรื่องนี้กันชั่วคราว ตอนนี้ยังมีเรื่องให้จัดการอยู่มาก หากรวมเข้าด้วยกันเลย มันคงจะวุ่นวายกันน่าดู
“ก็ได้ ข้าคิดว่าน้องสาวคงจะดีใจอย่างมากเช่นกัน เจ้าก็คิดให้ดีล่ะ” เริ่นหลงตบไหล่เขา จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่นี่ไม่มีเรื่องให้ข้าทำแล้ว ข้าคงต้องขอตัวลา”
หลังจากเรื่องที่นี่จบลง เขาก็จำเป็นต้องกลับ เพราะทางฝั่งอาณาจักรเทียนหลงยังมีเรื่องให้เขาต้องจัดการอีกมาก
“งั้นก็คงต้องลากันตรงนี้ ขอบคุณมากพี่ใหญ่เริ่น”
หลังจากอี้เทียนหยุนบอกลากับเขา สายตาของเขาก็เป็นประกาย นึกถึงเรื่องในห้องลับขึ้น ต้องจัดการที่นั่นก่อนเป็นอันดับแรก สำหรับเขาแล้ว นั่นเป็นสถานที่ที่ให้ค่าประสบการณ์ชั้นดี เขาไม่มีทางปล่อยมันเสียเปล่าอย่างแน่นอน
เผชิญหน้ากับแรงกดดันของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่รู้จัก เขาจำเป็นต้องเพิ่มระดับขึ้น ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่สามารถต้านทานขุมอำนาจที่น่าสะพรึงนี้ได้ และก็ไม่สามารถปกป้องอาณาจักรของตนได้!