CLS ตอนที่ 456: ทางผ่านใต้พิภพ
ถูกคำพูดของฟีนิกซ์น้อยทำให้ตกใจ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ความสัมพันธ์ส่วนตัวของอี้เทียนหยุนและชิเสวี่ยอวิ๋นเป็นเรื่องผิดอย่างงั้นเหรอ? นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องผิด ในเมื่อทั้งสองคนต่างก็ชอบพอซึ่งกันและกัน แค่นี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
แล้วตำแหน่งเจ้าตำหนักล่ะจะจัดการยังไง? เรื่องนี้คงต้องใช้เวลา แต่ว่ากฎนั้นเป็นของตาย ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไม่ได้ ไอ้คำพูดที่บอกว่าไม่ให้เจ้าตำหนักมีคู่บำเพ็ญเต๋า นั่นก็เพราะว่าเจ้าตำหนักรุ่นแรกเกลียดชังบรรพบุรุษ ไม่ใช่กฎที่ตั้งใจจะให้เป็นตั้งแต่แรก
The person is lives, the custom is dead, the optional change does not have the issue. Now has this grade of change, made one feel to be startled.
คนเป็นของเป็น กฎเป็นของตาย การจะเปลี่ยนย่อมไม่มีปัญหา ทั้งตอนนี้
พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ต่างก็เห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของอีกฝ่าย
“นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ….” อี้เทียนหยุนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มฝืน
“เทียนหยุน ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เจ้าต้องอธิบายมาให้ดีเลยนะ….” ชิเสวี่ยอวิ๋นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี อยู่ๆ ก็ถูกเกาะพร้อมกับถูกเรียกว่าแม่ เรื่องนี้เป็นใครก็ต้องตกใจด้วยกันทั้งนั้น
“เรื่องนี้มันยาว งั้นเราไปหาที่คุยกันดีกว่า แล้วข้าจะบอกพวกท่านอย่างคร่าวๆ”
อี้เทียนหยุนนำพวกเธอไปยังห้องประชุม จากนั้นก็อธิบายเรื่องราวอย่างคร่าวๆ บอกเรื่องฐานะของฟีนิกซ์น้อย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สามารถบอกได้ เพราะคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นคนที่สนิทสนมคุ้นเคย ไม่มีทางทรยศเขาอย่างแน่นอน
หลังจากรู้สถานการณ์จริงๆ แล้ว สีหน้าของพวกเธอก็พากันดีขึ้น ไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยคนนี้จะเป็นฟีนิกซ์?
อี้เทียนหยุนดึงชุดที่เธอใส่ขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นขนฟีนิกซ์ของเธอ พร้อมกับมองไปยังทุกคนแล้วพูดอย่างบริสุทธิ์ใจว่า “เห็นหรือยัง ก่อนหน้านี้ข้าเจอฟีนิกซ์น้อยตัวนี้ แต่ใครจะคิดว่าหลังจากกินเปลวเพลิงใต้พิภพเข้าไป เธอจะกลายร่างเป็นแบบนี้ ทั้งยังเรียกข้าว่าพ่ออีก”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง…..”
พวกเธอพากันกระจ่างในทันใด แต่ในใจก็ยังตกใจมากอยู่ดี ไม่คิดเลยว่าจะยังมีฟีนิกซ์ที่ยังมีชีวิตปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างนี้ ทั้งยังสามารถแปลงร่างเป็นคนได้อีก
“เหยียนเอ๋อ จากนี้ไปเจ้าจะเรียกข้าว่าพ่อไม่มีปัญหา แต่อย่าเรียกเธอว่าแม่ ตกลงไหม?” อี้เทียนหยุนสอนเหยียนเอ๋อ เขาไม่รู้ว่าฟีนิกซ์น้อยนี้ชื่ออะไร รู้แต่เพียงว่าก่อนหน้านี้ฟีนิกซ์เพลิงตนนั้นที่เชื่อใจมอบฟีนิกซ์น้อยให้กับเขาเรียกเธอว่าเหยียนเอ๋อ
“ไม่ได้!” คนที่ปฏิเสธไม่ใช่เหยียนเอ๋อ แต่กลับเป็นชิเสวี่ยอวิ๋นแทน เธออุ้มเหยียนเอ๋อพร้อมกับจ้องมาที่เขาแล้วพูดว่า “เธออยากจะเรียกอะไรก็ให้เรียกอย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องไปบังคับเธอ เธอดูแล้วก็น่ารักอย่างมาก ข้าว่าจะให้เธอเป็นลูกของข้า คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“นี่….” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา นี่ไม่ใช่ว่าเขากลัวว่าจะเกิดการเข้าใจผิดอะไร แต่หากมีคนเข้าใจว่าเธอเป็นลูกสาวของพวกเขาจริงๆ นั่นคงเป็นปัญหา แต่เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ก็ได้ แต่นี่จำเป็นต้องบอกกันก่อน ฐานะของเหยียนเอ๋อห้ามบอกออกไปเด็ดขาด บอกแค่ว่าเธอเป็นเด็กที่ข้าพามาจากข้างนอก จากนั้นก็รับเธอเป็นลูกก็พอ”
ชิเสวี่ยอวิ๋นจึงพยักหน้าด้วยความพอใจ สีหน้ามีความสุขอย่างล้นปรี่
อี้อวี่เหว่ยกับพวกพากันเผยสายตาอิจฉาออกมา หลังจากเรื่องกระจ่าง ก็พากันวางใจ จากนั้นก็พากันแยกย้ายออกไป
หลังจากพวกเธอจากไป อี้เทียนหยุนก็เข้าไปกระซิบข้างหูชิเสวี่ยอวิ๋นว่า “หากว่าท่านต้องการ หลังจากนี้พวกเราไปทำขึ้นมาสักคนดีไหม?”
คำพูดนี้ทำให้ชิเสวี่ยอวิ๋นหน้าแดงไปถึงใบหู เธอไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะกล้าพูดคำนี้ออกมา จึงอดไม่ได้ต้องดุเขาออกมาคำหนึ่ง “พูดเหลวไหลอะไร…. ข้าพาเหยียนเอ๋อไปเล่นก่อนดีกว่า!”
พูดจบ เธอก็พาเหยียบเอ๋อเดินออกไปด้านนอก “เดี๋ยวแม่บุญธรรมจะพาเจ้าไปกินของอร่อย ดีไหม?”
“ดี ดี!” เหยียนเอ๋อไม่มีอาการปฏิเสธแม้แต่น้อย พร้อมกับตอบรับในทันที
อี้เทียนหยุนเอานิ้วถูจมูก มองตามหลังพวกเธอ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มคลุมเครือว่า “ท่านเป็นของข้า…..”
ชิเสวี่ยอวิ๋นฝังรากอยู่ในใจของเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครที่จะแทนที่เธอได้ ไว้รอให้เรื่องนี้จบ เขาแน่นอนว่าจะต้องทำให้ชิเสวี่ยอวิ๋นกลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของเขาอย่างแน่นอน! ก่อนหน้านี้เขามีความคิดแบบนี้มานานแล้ว จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน
พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังเข้ากันได้ดี ความหลงใหลที่มีให้กันต่างก็แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขากับชิเสวี่ยอวิ๋นในตอนนี้ มีใจเชื่อมสัมพันธ์ให้แก่กันและกันเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้เขาต้องจัดการก่อตั้งอาณาจักรและเรื่องอื่นๆ ให้เรียบร้อยก่อน เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะประกาศให้ชิเสวี่ยอวิ๋นเป็นเสิ่นหนี่ ทำหน้าที่จัดการอาณาจักรเทียนหยุนนี้ร่วมกันกับเขา!
จากนั้น เขาก็ไปหาบรรพชนเผ่าภูต และก็พบว่าบรรพชนเผ่าภูตกำลังเปิดแผนที่อยู่ ราวกับกำลังดูอะไร และเมื่ออี้เทียนหยุนเข้ามา เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านราชาภูต ท่านมาแล้ว ข้าได้เลือกที่ตั้งเมืองหลวงได้สองสามที่แล้ว ท่านเข้ามาดูสิ”
อี้เทียนหยุนเดินเข้าไป หลังจากมองดูแผนที่ เขาก็เลือกจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว “ตรงนี้ ที่ตั้งของมันแทบจะเป็นจุดศูนย์กลางเลย”
“ข้าก็คิดว่าที่นี่ดีเช่นกัน จากที่สำรวจดู ใต้ดินมีเส้นชีพจรวิญญาณอยู่ สามารถสร้างมหาค่ายกลป้องกันเมืองได้อย่างเหลือเฟือ!” บรรพชนเผ่าภูตพยักหน้า เขามีเป้าหมายในใจมาก่อนแล้ว แต่คนที่จะตัดสินใจว่าจะตั้งเมืองหลวงขึ้นตรงไหนก็คืออี้เทียนหยุน ดังนั้นจึงต้องรอให้เขากลับมายืนยัน
“งั้นก็เอาเป็นที่นี่ เรื่องพวกนี้ข้าไม่รู้อะไรเท่าไหร่ ให้ท่านบรรพชนเป็นคนจัดการก็แล้วกัน” อี้เทียนหยุนกวาดตามองไปทั่วแผนที่ จากนั้นก็หยุดลงยังที่แห่งหนึ่ง พร้อมกับชี้ลงไปแล้วพูดขึ้นว่า “นี่เรียกว่าทางผ่านใต้พิภพใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว นี่คือทางผ่านใต้พิภพ เป็นเขตอันตรายของทวีปใต้พิภพ เหมือนกันกับถ้ำมังกรขดของอาณาจักรเทียนหลง” บรรพชนเผ่าภูตถามขึ้นอย่างสงสัย “ท่านราชาภูตอยากจะตั้งเมืองหลวงใกล้ที่แห่งนี้อย่างงั้นเหรอ? นี่ไม่ดีนัก สภาพแวดล้อมรอบๆ อันตรายเกินไป การจะตั้งเมืองหลวงขึ้นที่นั่นอันตรายมาก”
“ไม่ใช่ ข้าก็แค่นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้น่ะ”
เรื่องที่เขานึกขึ้นได้ก็ธรรมดามาก นั่นก็คือสมบัติทั้งสองที่ได้มาจากอัครเสนาบดีหลงและหมิงเฉิน ทำให้เขาสะดุดใจตรงที่แห่งนี้
แผนที่ทางผ่านใต้พิภพ(ก่อนหน้านี้ผมแปลว่าลำดับรายชื่อใต้พิภพนะครับ ซึ่งมันผิด) : บอกข้อมูลเส้นทางในทางผ่านใต้พิภพ, เขตพื้นที่ความเสี่ยงสูง(แนะนำพลังสูงกว่าระดับวิญญาณเที่ยงแท้ถึงไปได้)
แผนที่สมบัติโลกวิญญาณ : บอกสถานที่เก็บสมบัติในโลกวิญญาณ, จำเป็นต้องผ่านทางผ่านใต้พิภพก่อนจึงจะไปถึงโลกวิญญาณ จากนั้นถึงค่อยใช้แผนที่สมบัติโลกวิญญาณนี้(แนะนำพลังสูงกว่าระดับวิญญาณเที่ยงแท้ถึงไปได้)
ก่อนหน้านี้เขาเคยตรวจดูแล้ว แต่มีข้อมูลที่เป็นโยชน์ต่อเขาน้อยมาก เพราะเขาไม่รู้ว่าทางผ่านใต้พิภพอยู่ที่ไหน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะใช้ยังไง? ที่แท้ ที่นี่ก็คือทางผ่านใต้พิภพ มันเป็นที่ที่ใช้ผ่านไปยังโลกวิญญาณใช่ไหม?
“ทางผ่านใต้พิภพนี้นำทางไปยังโลกวิญญาณจริงหรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนถามขึ้น
“ในข่าวลือบอกไว้อย่างนั้น มีบางคนไปสำรวจดู แต่ได้ยินว่าไม่มีใครได้กลับมา ความเสี่ยงของมันหากเทียบกับถ้ำมังกรขดแล้ว อันตรายกว่ามาก” บรรพชนเผ่าภูตพูด “เป็นอะไรไป หรือท่านราชาภูตอยากจะไปที่นั่น?”
“ก็คิดว่าอย่างนั้น” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย เขามีแผนที่ที่จะช่วยให้หลีกเลี่ยงอันตรายได้ ก่อนหน้านี้ของที่ได้จากแผนที่สมบัติถ้ำมังกรขดนั้นดีมาก ตอนนี้เขาต้องการแข็งแกร่งขึ้นอย่างเร่งด่วน ดังนั้น หากสามารถได้ของดีบางอย่างมา มันจะต้องมีส่วนช่วยต่อเขาอย่างใหญ่หลวงแน่นอน
“ท่านราชาภูต ข้ารู้ว่าพลังของท่านในตอนนี้แข็งแกร่งมาก แต่การไปที่เขตอันตรายนี้มันเสี่ยงเกินไป เสาหลักของอาณาจักรเราคือท่าน หากว่าท่านเกิดประสบเหตุอันตรายอะไรเข้า อาณาจักรของพวกเราจะต้องล้มลงอย่างแน่นอน!” บรรพชนเผ่าภูตเอ่ยเตือน
“เรื่องนี้ข้าเข้าใจ แต่มันมีบางสถานที่ที่ต้องไปให้ได้ ไม่อย่างนั้น ข้าก็ไม่สามารถยกระดับตัวเองได้ แล้วอย่างนี้จะต้านทานแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง?” อี้เทียนหยุนแน่นอนว่ารู้ถึงความเสี่ยงดี แต่หากว่าเขาไม่เพิ่มความแข็งแกร่งของตนขึ้น งั้นมันก็ไม่ต่างจากการรอความตายอยู่ดี