สามพี่น้องล่าพยัคฆ์ที่มีระดับน่าสะพรึงก็ต้องมาตายทั้งอย่างนี้โดยที่ใช้เวลารวมทั้งหมดไม่ถึงระยะเวลาธูปไหม้หมดดอก พลังนี้ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจจริงๆ
ทำให้พวกเขาตกใจจนตื่นตะลึง ในใจนอกจากความแตกตื่นแล้ว ก็ยังคงเป็นความแตกตื่นที่มากยิ่งขึ้น
อี้เทียนหยุนหันมามองหลิวหลง ในตาแวววาวไปด้วยประกายชั่วร้าย “แล้วพวกเจ้าล่ะ? ยังไม่รู้อีกเหรอว่าต้องทำอะไร จะกระโดดลงไปเองหรือจะให้ข้าช่วย?”
หลิวหลงกับพวก ภายนอกต้องการร่วมมือกับสามพี่น้องล่าพยัคฆ์เพื่อจัดการกับพวกอี้เทียนหยุนให้หนัก แต่ตอนนี้สามพี่น้องอะไรนั่นก็มาถูกอี้เทียนหยุนจัดการไปแล้ว ทำให้ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี
“ขะ ข้า…. ข้ายินดีมอบแผนที่ให้กับเจ้าโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ….” หลิวหลงคุกเข่าพร้อมกับตัวสั่น ตอนนี้เขายอมแล้วจริงๆ ไม่กล้ามีความคิดต่อต้านแม้แต่น้อย เขารู้ว่าต่อให้ทำไปก็ไร้ประโยชน์ มีแต่เพรียกหาความตายเข้าใส่ตัวให้เร็วขึ้นก็เท่านั้น
สามพี่น้องล่าพยัคฆ์เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด พริบตาก็ถูกสังหารสิ้น นี่ก็คือชะตาของพวกที่ต่อต้าน
“ข้าบอกไปแล้วว่าจะโดดลงไปเอง หรือจะให้ข้าช่วยถีบลงไป จงเลือกมาอย่างหนึ่ง!” อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา บอกให้เขารีบกระโดดลงไปยังแม่น้ำใต้พิภพโดยเร็ว
“ข้า พวกเราต้องทำด้วยเหรอ?” ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณอีกสองคนที่อยู่ข้างๆ ทำสีหน้าเหมือนกับว่าตัวเองไปเกี่ยวอะไรด้วย?
“ใช่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าก็มีความคิดเหมือนกันกับพวกเขาอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “อย่างน้อยข้าก็คิดว่าพวกเจ้าเห็นด้วยกับแผนการนี้”
พูดจบ เขาก็ปล่อยแรงกดดันเข้าใส่พวกเขา แม้จะไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา แต่อย่างน้อยก็เทียบได้กับระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด ทำให้สามารถกดดันพวกเขาได้อย่างอยู่หมัด
หน้าพวกเขาพากันเปลี่ยนสี คำพูดนี้ก็ไม่ผิดจริงๆ นั่นล่ะ พวกเขาล้วนแต่มีความคิดนี้อยู่ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องเชื่อฟังคำของหลิวหลง พร้อมกับเข้าไปจัดการอี้เทียนหยุนด้วยกันกับพวกเขา แต่ใครจะรู้ว่ากลับตาลปัตรได้ขนาดนี้ อยู่ๆ ก็มาถูกบดขยี้ ขนาดเวลาจะโต้กลับยังไม่มี
“ข้า พวกเรา…..” พวกเขาพากันทำเหมือนกินยาขม เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี
“กระโดดเองหรือจะให้ข้าช่วย เลือกมา!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา
“ข้า พวกเราจะโดด!”
พวกเขาพากันกินยาถอนพิษเข้าไป จากนั้นก็กระโดดลงไปยังแม่น้ำใต้พิภพ เพิ่งจะลงไป พวกเขาก็พากันกรีดร้องออกมา พิษในน้ำทำการแทรกซึมเข้าไปในร่างของพวกเขาไม่หยุด พริบตา ร่างของพวกเขาก็กลายเป็นสีดำสนิท
ยังไงก็ตาม พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ แต่ก็ทำได้เพียงเอามือตีน้ำอย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้น หากไม่ว่ายน้ำ พวกเขาย่อมต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน!
หลังจากหลิวหลงเห็นอย่างนี้ สีหน้าเปลี่ยนไป เขารู้ว่าพิษมีรสชาติยังไง เป็นไปได้เขาย่อมไม่อย่างสัมผัส เขาหันไปมองอี้เทียนหยุน พร้อมกับกัดฟันพูดขึ้นว่า “นายท่าน นอกจากแผนที่แล้ว ข้ายังมีความลับอื่นอีก รับรองว่าต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน!”
เริ่นเหลียงเฉินกับพวกพากันมองอี้เทียนหยุน อยากจะรู้ว่าเขาจะจัดการยังไง
“จะกระโดดเองหรือจะให้ข้าช่วย?” น้ำเสียงของอี้เทียนหยุนยังคงเย็นชาเหมือนก่อน ไม่มีตัวเลือกอื่นอย่างแน่นอน
“ข้า ข้าโดด!”
หลิวหลงกัดฟัน จากนั้นก็หมุนตัวหลับมาพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่เขาทำได้เพียงอดทนเท่านั้น ต่อให้หนีก็ไม่รอด นอกจากจะวิ่งเข้าไปในหมอกแห่งความตาย หรือกระโดดลงไปในแม่น้ำใต้พิภพ นอกจานี้แล้วไม่มีทางเลือกที่สามอีก
และเมื่อเขากำลังจะกระโดดลงไปในแม่น้ำใต้พิภพอยู่นั้น เขาก็พลันระเบิดพลังทั้งหมดออกมา พร้อมกับกระโดดเข้าไปในหมอกแห่งความตาย! เขาไม่เลือกที่จะโดดลงแม่น้ำใต้พิภพ แต่เลือกที่จะเข้าไปในหมอกแห่งความตายแทน!
กระโดดลงไปในแม่น้ำใต้พิภพ แม้ว่าจะมีโอกาสรอดชีวิต แต่ก็ยังเสี่ยงเกินไป แต่ว่าหมอกแห่งความตายนั้นต่างกัน เข้าไปแล้วใช่ว่าจะตายในทันที เขาไม่เชื่อว่าอี้เทียนหยุนจะกล้าไล่ตามเขาเข้าไปในนั้น
แต่ไม่ทันให้เขาได้วิ่งไปหลายก้าว อี้เทียนหยุนก็พลันโผล่มาดังข้างหน้าเขาไว้ก่อน พร้อมกับมองเขาอย่างเย็นชา ความเร็วนี้หากเมื่อเทียบกับหลิวหลงแล้วถือว่าเร็วกว่ามาก พริบตาก็มาขวางเขาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถหนีไปได้
ตั้งแต่เริ่ม อี้เทียนหยุนก็คิดว่าอีกฝ่ายย่อมต้องเล่นตุกติกอย่างแน่นอน ทั้งมีความเป็นไปได้มากว่าจะวิ่งเข้าไปยังหมอกแห่งความตาย ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ทำให้เขาเข้ามาขวางทางอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถหลุดเข้าไปได้
“ว่าไง คิดจะไปไหนอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ
“ข้า ข้าแค่มาหาที่เพื่อจะวิ่งลงไปก็เท่านั้น…..” หลิวหลงพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มฝืน
“ไม่ต้องหรอก ข้าจะช่วยเจ้าเอง!” พูดจบ อี้เทียนหยุนก็ถีบร่างหลิวหลงอย่างโหดเหี้ยม หลิวหลงกรีดร้องออกมา ก่อนที่จะตกลงไปในน้ำ พร้อมกับจมลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วไม่ลอยขึ้นมาอีก
ลูกถีบนี้หนักมาก ถีบจนกระดูกในร่างของเขาหัก แต่ก็ยังพอจะว่ายได้อยู่
“ติ๊ง ท่านสังหารเลี่ยเฟิงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 1.1 ล้าน, ได้รับค่าความคลั่ง 4,600, ค่าความชั่ว 900, ได้รับวิชายุทธ์ กรงเล็บล่าพยัคฆ์, ท่าเท้าล่าลม, ได้รับไอเทม ยาถอนพิษ, ยารักษา, กรงเล็บล่าลม!”
“ติ๊ง ท่านสังหารเลี่ยเหยียนสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 1.1 ล้าน, ได้รับค่าความคลั่ง 4,600, ค่าความชั่ว 900….”
ในตอนนี้ พวกที่ถูกถีบลงไปยังแม่น้ำใต้พิภพเมื่อก่อนหน้าก็ได้ตายลง ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่ตาย แต่หลังจากถูกพิษในแม่น้ำสักระยะ ในที่สุดก็ได้ถูกพิษสังหารไป
ผู้ฝึกตนสองคนนั้นยังคงพยายามว่ายเข้ามา อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ว่ายมาถึงท่าเรือในที่สุด หลังจากขึ้นมาได้ พวกเขาก็พากันหอบอย่างหนัก ใบหน้าของพวกเขาล้วนตำสนิท เป็นหลักฐานว่าพิษได้ซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก จำเป็นต้องเสียพลังไปมากหากคิดจะถอนพิษพวกนี้ออกไป
พวกเขาพากันนอนนิ่งกับพื้น สิ่งที่ทำได้หายใจเท่านั้น ยาถอนพิษที่กินเข้าไปก่อนหน้า ไม่รู้ว่ามีผลหรือไม่
อี้เทียนหยุนเป็นคนรักษาคำพูด ในเมื่อพวกเขารอดมาได้ เขาก็จะปล่อยพวกเขาไป หากว่าพวกเขายังมีชีวิตรอด ก็ถือว่าพวกเขามีความสามารถ แต่หากไม่ ก็พูดได้แค่ว่าสมควรแล้วเท่านั้น!
“น้องอี้ พลังของเจ้า…..” เริ่นเหลียงเฉินกับพวกพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ ในสายตาเต็มไปด้วยความตกใจ
พวกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนเป็นนักฝึกสัตว์ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ใครจะคิดว่าระดับของเขายังท้าทายสวรรค์อีก สามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
“พลังของข้าก็พอใช้ได้ ย่อมไม่เป็นตัวถ่วงของพวกท่านอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนยิ้มให้กับพวกเขา ตราบเท่าที่ดีกับเขา อี้เทียนหยุนก็จะดีตอบ
“พวกเราไม่ได้หมายความแบบนั้น ข้าหมายความว่าพลังของเจ้าแข็งแกร่งเกินไป ตกลงแล้วเจ้ามีพลังระดับผันแปรวิญญาณจริงๆ?” เริ่นเหลียงเฉินพูดด้วยความตกใจ
“อืม ใช่ ข้ามีพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด” อี้เทียนหยุนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“เป็นระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุดจริงๆ…..” พวกเขาพากันถอนหายใจออกมา ราวกับคาดเอาไว้แล้ว
หากดูจากพลังที่ใช้ออก ถือว่าเป็นระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุดจริงๆ อี้เทียนหยุนไม่ได้โกหก เมื่อกี้นี้เขาใช้ออกด้วยพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด ไม่ใช่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้
“ด้วยพลังระดับนี้ พวกเราจะไปกล้าพูดว่าเจ้าเป็นตัวถ่วงได้ยังไง สมควรเป็นพวกเราเองมากกว่า…..” เริ่นเหลียงเฉินพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น ก่อนหน้านี้พวกเขาบอกว่าจะดูแลอี้เทียนหยุนเอง แต่ไม่คิดว่าระดับของอี้เทียนหยุนจะเหนือไปกว่าพวกเขา หากพูดจริงๆ แล้ว ควรเป็นอี้เทียนหยุนดูแลพวกเขาถึงจะถูก
“อย่าไปพูดเรื่องตัวถ่วงอะไรเลย ควรพูดว่าสนับสนุนกันจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าพวกเรายังไม่ถึงโลกวิญญาณหรอกเหรอ” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้เอง อย่างอื่นพวกเราไม่กล้าพูด แต่พวกเรารับรองว่าต้องพาเจ้าไปถึงโลกวิญญาณได้อย่างแน่นอน!” เริ่นเหลียงเฉินตบหน้าอกแล้วพูดอย่างมั่นใจ
“ใช่แล้ว คงต้องรบกวนท่านแล้ว” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ