ยิ่งค่าความชั่วสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดึงดูดความเกลียดชังเข้าสู่ตนมากเท่านั้น ยิ่งเป็นสัตว์อสูรด้วยแล้วยิ่งได้ผลเป็นเท่าทวี ตราบเท่าที่มีความเป็นปรปักษ์ มันก็จะเล็งเป้ามาที่เขาเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน
ก็อย่างเช่นการด่าคน ทั้งยังเป็นการด่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป้าหมายอันดับแรกตกเป็นของเขา! นี่ก็เห็นผลเหมือนกับค่าความชั่วสูง ผลลัพธ์ในการดึงดูดความเกลียดชังจึงร้ายกาจมาก
ซึ่งวิธีแก้ก็คือการใช้ค่าความชั่ว ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและตรงจุด แต่เขาจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง เพราะเขายังต้องเก็บค่าความชั่วให้ครบล้านเพื่อซื้อชุดเซ็ตใหม่
และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ประสิทธิภาพในการดึงดูดความเกลียดชังของอี้เทียนหยุนมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น ดูอย่างตอนนี้ก็ได้ ยิ่งเป็นที่ที่อันตราย ย่อมมีส่วนของเขาด้วยอย่างแน่นอน
หากว่าระดับของเขาต่ำแล้วล่ะก็ คนที่จะตายก่อนย่อมเป็นเขา แต่ว่าเขาไม่มีวิธีอื่นที่จะแลกเปลี่ยนชุดเซ็ตแห่งความชั่วระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นจึงทำได้เพียงตาต่อตาเท่านั้น
“น้องอี้ พวกเราสามารถต้านรับได้จริงๆ ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องแบกรับคนเดียว!” พวกเขามองมาที่อี้เทียนหยุนอย่างกังวล แม้ว่าหนอนใต้พิภพพวกนี้จะเร็วมาก แต่พวกเขาก็สามารถต้านทานได้
“ใช่ ข้ารู้ว่าระดับของเจ้าสูงมาก แต่การที่เจ้าแบกรับคนเดียวแบบนี้ หรือว่าเจ้ากำลังดูถูกพวกเราอยู่? พวกเราพากันเตรียมตัวมาอย่างดี หากแม้แต่หนอนพวกนี้ยังต้านทานไม่ได้ แล้วจะเอาตัวรอดในโลกวิญญาณได้ยังไง?” หยางจื้อเหวินรู้สึกโกรธที่อี้เทียนหยุนต้องทนรับการโจมตีอยู่คนเดียว นี่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดอย่างมาก
“ใช่ ข้าก็โกรธมากเช่นกัน!” เหลิงหู่สีหน้าจมลง เหมือนรู้สึกไม่มีความสุข
อี้เทียนหยุนรู้สึกหมดหนทาง เขาจึงได้แต่หาข้ออ้าง เขาจะไปมีความคิดนี้จริงๆ ได้ยังไง แต่ช่วยไม่ได้ที่ค่าความชั่วของเขามันสูงเกินไป
“ข้ารู้ระดับพวกท่านดี แต่คราวนี้ท่านเป็นคนนำทาง ข้าก็ต้องเป็นฝ่ายต้านรับสัตว์อสูร ไม่ใช่ว่านี่เป็นการแบ่งหน้าที่ตามปกติหรอกเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูด “แล้วตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาเถียงกันเรื่องนี้ สิ่งสำคัญคือต้องรีบผ่านที่นี่ไป ส่วนเรื่องนี้เอาไว้พูดกันทีหลังก็ยังได้!”
เขาทำการเบี่ยงเบนความสนใจในทันที พวกเขาต่างพากันมองตากัน ในตอนนี้คงมีแต่ต้องทำอย่างนี้เท่านั้น
จากนั้น พวกเขาก็พากันเดินหน้าต่อ อี้เทียนหยุนก็ทำการดึงดูดความเกลียดชังต่อไป สัตว์อสูรไม่โจมตีพวกเขา แต่พุ่งเป้าใส่อี้เทียนหยุนอยู่ฝ่ายเดียว เรื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกผิด ยังไงก็ตาม ในใจของพวกเขาก็มากไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ!
และอี้เทียนหยุนก็สามารถสัมผัสถึงสิ่งนี้ได้ เพราะจากตาเปล่า เขาสามารถมองเห็นค่าความชอบของพวกเขาที่มีต่อเขาได้เพิ่มขึ้นจนขึ้นไปแตะระดับ 200 อย่างรวดเร็ว ความทุกข์ยากทำให้เห็นสันดานที่แท้จริง ดังนั้น ค่าความชอบจึงเพิ่มขึ้นราวกับติดปีก
นี่ทำให้ในใจเขารู้สึกราวกับเป็นผู้ชนะ หากทำให้พวกเขาเข้าร่วมวังเทียนหยุนของตนได้คงจะดี จากนั้นก็จะทำให้วังของเขามีแม่ทัพเพิ่มขึ้นสามคนในทันที! ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณไม่ใช่อ่อนๆ ยิ่งเป็นผู้ฝึกตนพเนจรด้วยแล้ว หากว่าพวกเขาได้รับทรัพยากรและวิชายุทธ์จำนวนมากเข้าไปล่ะก็ ไม่ใช่ว่าจะเหมือนกับพยัคฆ์ติดปีกหรือยังไง?
ยังไงก็ตาม เขายังไม่สามารถเปิดปากได้ชั่วคราว ทำได้เพียงรอโอกาสเท่านั้น หากไม่มีโอกาส เขาก็จะไม่พูดออกไป
ภายใต้ความคืบหน้าของพวกเขา ทำให้พวกเขายิ่งผ่านเข้าไปมากขึ้นทุกที ในตอนนี้หมอกแห่งความตายก็ได้เริ่มเข้ามารวมตัวกันอย่างช้าๆ ทำให้สีหน้าของพวกเขาพากันเปลี่ยนไป
“ไม่ดีแล้ว! หมอกแห่งความตายเริ่มรวมตัวแล้ว ดูเหมือนพวกเราคงได้แต่อาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว” เริ่นเหลียงเฉินเห็นหมอกรอบๆ ค่อยๆ หนาขึ้น จึงทำได้เพียงหยุดเท้าลง
อย่างรวดเร็ว หมอกแห่งความตายก็ได้ปิดเส้นทางจนหมด พริบตาก็ทำเอารอบข้างเต็มไปด้วยหมอก ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเดินไปต่อได้ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจนนี้ มันจะทำให้พวกเขาหลงทางได้อย่างง่ายดาย
ในตอนนี้สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนได้น้อยกว่าครึ่งเมตร แล้วอย่างนี้จะให้พวกเขากำหนดเส้นทางได้ยังไง? วิธีที่ดีที่สุดก็คือหยุดอยู่กับที่ รอให้หมอกสลายตัวอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าคงต้องรอให้หมอกจางลงก่อนถึงจะไปต่อได้ เวลานี้อันตรายมาก พวกเรามองเห็นเหตุการณ์รอบๆ ได้ไม่ชัด ทำให้ไม่รู้ว่าจะถูกลอบโจมตีเข้ามาตอนไหน…..”
สีหน้าของพวกเขาเคร่งเตรียด เหตุผลที่เรียกที่นี่ว่าหมอกแห่งความตาย ก็เพราะความรู้สึกที่ไม่สามารถสัมผัสอะไรได้นี่เอง
เมื่อพวกเขาไม่สามารถสัมผัสอะไรได้ หากมีสัตว์อสูรโจมตีเข้ามา พวกเขาคงทำได้เพียงพึ่งพาประสาทสัมผัสของตนเองเพียงอย่างเดียว แล้วยิ่งที่นี่เป็นสถานที่อันตรายที่สุดด้วยแล้ว ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นไปใหญ่ ไม่กล้าเดินไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า เมื่อหมอกรวมตัวเข้าด้วยกัน พวกเขาก็ทำได้เพียงคอยระวังอันตรายที่จะเข้ามาเท่านั้น
และที่สำคัญคืออันตรายที่ว่า พวกเขาไม่รู้ว่าจะมาจากทางไหน! คงมีแต่ตอนที่กำลังจะตายเท่านั้น ถึงจะสามารถสัมผัสถึงมันได้…..
พวกเขาพากันเรียกอาวุธออกมา พร้อมกับคอยระวังรอบตัว แต่ที่ปรากฏต่อสายตากลับมีแต่หมอกหนา ไม่ว่าอะไรก็มองไม่ชัด ก่อให้เกิดเป็นความกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้ เพิ่มขึ้นในจิตใจของพวกเขาอย่างช้าๆ กระทั่งคำพูดสักครึ่งคำยังไม่กล้าเปิดปาก
เพราะตราบเท่าที่ได้ยินเสียงอะไร พวกเขาก็จะพากันระวังทางด้านนั้นในทันที
“พวกท่านเชื่อข้าไหม?” อยู่ๆ อี้เทียนหยุนก็เปิดปากขึ้น
เสียงของเขาทำลายความเงียบลง ทำให้พวกเขาพากันมองมาที่นี่ ไม่รู้ว่าเขากำลังหมายความว่าอะไร
“ยังต้องถามอีกเหรอ ทำไมจะไม่เชื่อล่ะ? ความสามารถของน้องอี้พวกเราล้วนประจักษ์ ใครจะไม่เชื่อเจ้ากัน?” เริ่นเหลียงเฉินถามอย่างสงสัย
“งั้นก็ส่งแผนที่มาให้ข้า ข้าจะนำทางเอง” อี้เทียนหยุนไม่บอกว่าตัวเขาก็มีแผนที่อยู่ เพราะนี่จะเป็นเหมือนการตบหน้าพวกเขา
“จะนำพวกเราออกจากท่ามกลางหมอกหนานี่น่ะนะ?” พวกเขามองไปที่อี้เทียนหยุนอย่างไม่อยากจะเชื่อ แม้เขาจะมีระดับสูง แต่เป็นไปได้เหรอที่จะมองเห็นสถานการณ์รอบๆ ได้อย่างกระจ่างชัด?
“ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ขอแค่เชื่อข้า แล้วข้าจะพาออกไป” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม ดูแล้วท่าทางมั่นใจอย่างมาก
พวกเขาพากันมองหน้ากัน แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนัก จากนั้นเริ่นเหลียงเฉินก็ส่งแผนที่ให้กับอี้เทียนหยุน
“ชีวิตของพวกเราต้องฝากไว้กับเจ้าแล้ว!” เริ่นเหลียงเฉินพูดอย่างจริงจัง
หลังจากอี้เทียนหยุนรับแผนที่มา เขาก็ทำการเดินนำทุกคนไปด้านหน้า “ขอบคุณที่เชื่อใจข้า วางใจเถอะ ข้าจะต้องพาพวกท่านออกไปให้ได้ เพราะนี่สำหรับข้าแล้ว ไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากแต่อย่างใด”
พูดจบ เขาก็ทำการโยนหนอนใต้พิภพสองตัวออกไป พร้อมกับปล่อยให้พวกมันนำทาง หลังจากพวกเขาได้เห็น ก็พลันเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร
“น้องอี้ ไม่แปลกที่เจ้าจะกล้าพูดอย่างนี้ ที่แท้ก็เพราะมีหนอนใต้พิภพคอยนำทางนี่เอง….. พวกเราไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ แต่หนอนใต้พิภพไม่” เริ่นเหลียงเฉินพูดอย่างดีใจ “ข้าก็ลืมไปว่าเจ้าเป็นนักฝึกสัตว์ มีพวกมันคอยช่วย ต่อให้เป็นหมอกแห่งความตาย พวกเราก็สามารถออกไปได้อยู่ดี!”
หยางจื้อเหวินกับพวกก็พากันดีใจ พวกเขาดันลืมเรื่องนี้ไปเสียได้
อี้เทียนหยุนยิ้ม เขาได้เตรียมตัวไว้เรียบร้อยแล้ว ทำการจับหนอนใต้พิภพเพื่อค้นหาทางโดยเฉพาะ ในฐานะสัตว์เลี้ยงของเขา ทำให้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ของสัตว์เลี้ยงของตนได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงปล่อยให้พวกมันนำทางไป
นี่คือความได้เปรียบของนักฝึกสัตว์ ไม่ว่าจะไปที่นั่น ก็มีสัตว์เลี้ยงให้จับที่นั่น นี่ก็เท่ากับได้กลับบ้านของตน ในพริบตานี้ เขาวงกตยังจะใช้กับพวกเขาได้อีกเหรอ? แน่นอนว่าย่อมไม่ได้อยู่แล้ว!
“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่” อี้เทียนหยุนยิ้ม พร้อมกับนำพวกเขาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะตลอดทางที่เขาถูกโจมตีจากหนอนใต้พิภพนี้ ล้วนแต่เป็นการโจมตีที่มาจากสองฝากข้างเท่านั้น
เขาไม่สามารถตรวจสอบได้ไกลนัก แต่กับระยะสองฟากฝั่งนี้กลับไม่มีปัญหา เขาสามารถโจมตีสวนกลับได้อย่างเหลือเฟือ