CLS ตอนที่ 481: เมืองกว่างหยุน
ภายใต้ฤทธิ์ยาถอนพิษที่อี้เทียนหยุนกลั่น พิษที่กัดกร่อนก็เริ่มสลายไปด้วยความเร็วที่น่าตื่นตระหนก ตราบเท่าที่มีการกำหนดที่ชัดเจน ยาถอนพิษที่เขาสร้างออกมา ก็จะให้ผลดีเยี่ยมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะยาถอนพิษ 4 กลั่น มันให้ผลในการถอนพิษได้ดีกว่ายาถอนพิษทั่วไปหลายเท่านัก
ดังนั้น เพียงไม่นาน อาการของเริ่นเหลียงเฉินก็ดีขึ้นมาก ทำให้พวกเขาพากันวางใจ
“พวกเจ้าทั้งสองเจอกับอันตรายอะไรหรือไม่?” อี้เทียนหยุนคิดว่าอาการได้คงที่แล้ว จึงได้ถามอีกสองคนที่เหลือ
“ไม่เลย เพิ่งจะถูกส่งมา ข้าก็ไปโผล่ที่ป่าท่ามกลางภูเขา แต่ในขณะที่กำลังหาทางออกอยู่นั้น อยู่ๆ ก็พบว่าตัวเองมาโผล่ที่นี่แล้ว” หยางจื้อเหวินพูดด้วยความสงสัย
“ข้าไปโผล่ที่หนองน้ำกว้างแห่งหนึ่ง ดูแล้วท่าทางอันตรายมาก แต่ในขณะที่กำลังจะมองหาเจ้า ก็ถูกส่งมาที่นี่เช่นกัน” เหลิงหู่พูด
“ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่ใหญ่ท่านพาพวกเรามาอย่างงั้นเหรอ?” หยางจื้อเหวินถามอย่างสงสัย
“อืม ข้าใช้ของบางอย่างเรียกพวกเจ้ามา ด้วยกลัวว่าพวกเจ้าจะเผชิญกับอันตรายอะไรเข้า” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “โชคดีที่ข้าตัดสินใจได้เร็ว ไม่อย่างนั้นวันนี้คงเป็นวันตายของเขา ยาถอนพิษทั่วไปก็พอจะมีผลอยู่บ้าง แต่ว่าพิษนี้มันร้ายกาจเกินไป จึงไม่สามารถถอนพิษที่มีทั้งหมด ที่สำคัญคือกลัวว่าเขาจะติดอยู่ในสถานการณ์พัวพัน ทำให้ไม่อาจหนีออกมาได้”
เขาสังเกตเห็นว่านอกจากรอยกัดแล้ว บนตัวของเริ่นเหลียงเฉินยังมีรอยรัดที่เห็นได้ชัดอยู่ หากว่าไม่มีคนช่วย เขาคงมีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่
ดูเหมือนว่าป้ายอัญเชิญแม่ทัพเทพจะไม่ได้ส่งงูพิษที่รัดร่างของเขามาด้วย ส่งเพียงแค่ตัวเขามาเดี่ยวๆ หากว่าเขาเอาแต่ตระหนี่ไม่ยอมใช้ งั้นจากนี้ไป เขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับเริ่นเหลียงเฉินอีก
เขาไม่ตระหนี่หากต้องใช้เพื่อช่วยชีวิตคน ถึงยังไงสิ่งนี้ก็ยังสามารถหาซื้อได้ในร้านค้า ดังนั้น เขาจึงไม่กังวลว่าจะไม่มีอีก แต่ยังไงก็ตาม ราคาของมันก็มากถึง 1 ล้านค่าความคลั่ง ซึ่งยากจะรับไหวจริงๆ
พวกเขาหายกังวล หลังจากรอเริ่นเหลียงเฉินฟื้นตัวดีแล้ว ก็พากันเตรียมตัวเคลื่อนย้าย
“ขอบคุณพี่ใหญ่อี้มาก หากไม่มีท่าน ข้าคงจะต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน….. ข้าถูกส่งไปที่ที่อันตรายมาก เพิ่งจะไปถึง ก็พบว่าไปอยู่ในดงสัตว์อสูรแล้ว ช่างโชคไม่ดีจริงๆ” เริ่นเหลียงเฉินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนอื่นไม่เป็นอะไร แต่เขากลับต้องผ่านความตายมาด้วยเส้นยาแดงผ่าแปด
“ดูเหมือนว่าการเคลื่อนย้ายจะเป็นแบบสุ่ม ทั้งยังเป็นการสุ่มแบบไม่สนใจความเป็นตายด้วย” อี้เทียนหยุนคิ้วขมวด จากสถานการณ์ของเริ่นเหลียงเฉิน ดูท่าสถานการณ์แบบนี้คงไม่ใช่เพียงแค่ครั้งสองครั้งอย่างแน่นอน
เพิ่งจะมาถึง หากว่าตายไป คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างใหญ่หลวง ต้องผ่านความยากลำบากกว่าจะมาถึงโลกวิญญาณ แต่ยังไม่ทันได้เห็นโลกนี้ชัดๆ ก็ต้องมาตายลงเสียแล้ว
“ใช่ แต่ยังไงก็ถือว่าโชคยังดีอยู่” เริ่นเหลียงเฉินมองไปรอบๆ แล้วพูดด้วยความอิจฉาว่า “ที่นี่ปลอดภัยมาก ดูแล้วราวกับไม่มีอันตรายอะไร”
อี้เทียนหยุนยิ้ม ไม่ปฏิเสธอะไร นี่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา ด้วยค่าความดีที่สูง หากถูกส่งไปยังเขตอันตราย งั้นก็คงจะเป็นการดูถูกค่าความดีเกินไปหน่อย
“เอาล่ะ พวกเราไปหาที่พักกันก่อนเถอะ หลังจากหาที่พักได้แล้ว ข้ายังมีเรื่องต้องไปทำอำ” อี้เทียนหยุนนำพวกเขาบินไป เขาไม่ได้นำพวกเขาบินไปมั่วๆ แต่บินตามเส้นทางที่วิญญาณชี้ทางนำไป เขาอยากจะดูมีเมืองหรืออะไรอยู่ในเส้นทางนี้ไหม
เริ่นเหลียงเฉินกับพวกบินตามมาติดๆ ดีที่ที่นี่สามารถบินได้ ไม่อย่างนั้น ประสิทธิภาพของพวกเขาคงจะลดลงมาก
บินมาได้ไม่นาน ทันใดนั้นก็พบกับทุ่งหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับกำแพงเมืองที่ล้อมรอบ ตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกที่พบกับเมืองที่ใหญ่ขนาดนี้ แต่ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไร เหมือนกับเมืองทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรพิเศษ
“เมืองกว่างหยุน”
อี้เทียนหยุนกับพวกบินลงไป จากนั้นก็พบกับชื่อเมืองที่สลักอยู่ตรงประตู มองเข้าไปจะเห็นถนนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้ฝึกตนจำนวนมากต่างก็เดินกันขวักไขว่ ทั้งยังสามารถได้ยินเสียงตะโกนขายของจากที่ไกลๆ
พวกเขาพากันเดินเข้าไป ยามเฝ้าประตูที่อยู่ใกล้ๆ ไม่แม้แต่จะชายตามอง ไม่มีการเข้ามาเก็บเงินหรือค่าต๋ง ปล่อยให้ผู้ฝึกตนผ่านเข้าออกตามใจ
หลังจากเข้าเมืองมา อี้เทียนหยุนก็สอดส่ายสายตาตามใจ แล้วก็เห็นแผงลอยที่ตั้งอยู่ตามกำแพงที่เดินผ่านกำลังขายยาบ้าง อาวุธบ้าง ไม่ว่าอะไรก็ล้วนแต่หาเจอ ตราบเท่าที่มีเงินพอ ก็สามารถซื้อสิ่งที่ตนต้องการได้
ผู้ฝึกตนที่เดินกันอยู่ก็มีระดับต่ำบ้างสูงบ้าง แต่คนที่ต่ำที่สุดก็ไม่มีใครต่ำกว่าระดับหลอมรวม ส่วนใหญ่ล้วนแต่มีระดับหลอมรวมขึ้นไปทั้งนั้น แม้แต่ระดับผันแปรวิญญาณสำหรับที่นี่ยังมีอยู่ทั่วไป
กระทั่งระดับวิญญาณเที่ยงแท้ยังมีผ่านมาให้เห็น เขาที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน ยังเห็นตั้งสองสามคน ที่โลกมนุษย์นั้น ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ถือว่าหายากมาก แต่ที่นี่เพียงแค่เดินผ่านประตูเข้ามาก็สามารถพบเห็นได้
ซึ่งระดับของพวกเขาก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่ ต่างก็อยู่ระหว่างพลังระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 2 สูงหน่อยก็เป็นขั้นที่ 3 ที่ 4
บรรยากาศของที่นี่ถือว่าครึกครื้นจริงๆ เป็นที่ที่เหมาะแก่การแลกเปลี่ยนสิ่งของ ดังนั้นจึงพบเห็นการต่อรองราคาอยู่ทุกที่
“นี่ พวกเจ้าทั้งสี่เพิ่งมาใหม่ใช่ไหม? ที่นี่มีวิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงอยู่ ถือว่าเป็นของหายากมาก รับรองว่าต้องทำให้พวกเจ้าพอใจอย่างแน่นอน!”
“ที่นี่มีอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง หรือแม้แต่ระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมี เข้ามาดูก่อนได้นะ!”
พวกเขาค่อนข้างเป็นกันเอง แต่ก็ไม่มีอะไร ก็แค่อยากจะขายของของตัวเองเท่านั้น อี้เทียนหยุนกวาดตาดู แต่ก็พบว่าไม่มีของที่เขาต้องการ
ตอนนี้ที่เขาต้องการที่สุดก็คือหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ ซึ่งสิ่งนี้สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ให้กับเขาจำนวนมาก
“มีหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณไหม?” อี้เทียนหยุนถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
“หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ…. อันนี้ไม่มีจริงๆ” พ่อค้าแผงลอยคนนั้นส่ายหัว
“ไม่ทราบว่าสหายต้องการหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณไปทำอะไร?” พ่อค้าคนนี้ไม่รู้มาจากไหน แต่ดูแล้วท่าทางเจ้าเล่ห์อย่างมาก “ข้าชื่อ โม่ฉู่ พอจะรู้ที่อยู่บ้าง เจ้าอยากจะให้ข้านำทางไปดูไหม?”
“งั้นก็รบกวนด้วย” อี้เทียนหยุนให้เขานำทางไป ไม่คิดจะถามว่ามีหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณจริงหรือเปล่า แต่ว่าชื่อนี้ก็แปลกจริงๆ โม่ฉู่(โม่ = น้ำหมึก, ฉู่ = หนู) ตัวคนก็ดำอยู่แล้ว ยิ่งไม่หนำซ้ำยังชื่อนี้อีก
โม่ฉู่ยิ้มพร้อมกับนำทางไป เมื่อพ่อค้าแผงลอยรอบๆ เห็นเขา ก็พากันร้องทักตลอดทาง “เจ้าหนู วันนี้จะเอาอะไรไหม?” (ไม่ใช่เจ้าหนูที่เป็นคำว่า boy นะครับ จีนใช้คำว่า ห้าวสื่อ ที่แปลว่าหนูเหมือนกัน จะเขียนว่าอาฉู่ก็ไม่ได้ เหมือนจะเป็นชื่อเล่นมากกว่า)
“ฮี่ฮี่ ตอนนี้ยังก่อน ไว้หลังจากนี้ข้าจะพาคนมาซื้อของท่านแน่นอน” โม่ฉู่เห็นได้ชัดว่ามีความคุ้นเคยกับผู้คนที่นี่มาก เหมือนจะเป็นคนนำทางมาหลายครั้งแล้ว
อี้เทียนหยุนทำการสำรวจรอบๆ แล้วก็พบว่ามีผู้ฝึกตนคนอื่นกำลังพาคนไปซื้อของเช่นกัน นี่ก็เหมือนกับการแนะนำ หากคนที่พวกเขาพาไปซื้อของในร้าน พวกเขาก็จะได้รับส่วนแบ่งด้วยเช่นกัน
ภายใต้การนำของโม่ฉู่ พวกเขาก็มาถึงร้านในตรอกเล็กๆ หากไม่ใช่โม่ฉู่นำพวกเขามา พวกเขาคงไม่มีทางหาเจอจริงๆ ที่สำคัญ ประตูร้านยังปิดอีกต่างหาก เพิ่งจะกลางวันแสกๆ แต่ก็ปิดประตูซะแล้ว
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…..” โม่ฉู่เคาะประตู พร้อมกับร้องออกไปว่า “เถ้าแก่ เปิดประตูหน่อย มีคนจะซื้อสมุนไพร!”
จากนั้นสักพัก ประตูก็ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมกับหน้าของชายชราคนหนึ่งยื่นออกมาจากร่องประตูที่เปิดออก ดูแล้วน่ากลัวอย่างมาก
อี้เทียนหยุนหันไปดู แล้วก็พบว่าระดับของเถ้าแก่ที่นี่ไม่ธรรมดา ถึงกับมีพลังระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 2 อย่างไม่คาดคิด เมืองกว่างหยุนแห่งนี้ ช่างเป็นเมืองเสือหมอบมังกรซ่อนจริงๆ