CLS ตอนที่ 492: ความเกลียดชัง
อี้เทียนหยุนเดินเข้าไปยังที่พักสุดหรู และก็เดินขึ้นบันไดไป เมื่อเข้าไปก็เห็นเหยียนเอ๋อกำลังนอนหลับอยู่บนที่นอน ดูแล้วท่าทางจะสบายอย่างมาก ทำให้เขาต้องเผยรอยยิ้มออกมา เขาจัดการห่มผ้าให้เธอ จากนั้นก็เดินลงมาข้างล่างอย่างช้าๆ
ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสลั่วก็ได้เดินเข้ามาจากด้านนอก ที่จริงเขามาถึงได้สักพักแล้ว แต่เพราะเห็นอี้เทียนหยุนกำลังห่มผ้าให้กับหลานสาวของเขา เขาจึงไม่ได้เข้ามารบกวน
“ผู้อาวุโสลั่ว ท่านมาแล้ว” อี้เทียนหยุนรู้ว่าเขามาแล้ว ดังนั้นจึงได้รีบเดินลงมา
“อืม เรื่องที่ต้องทำพอจะละไว้ได้ชั่วคราว ตอนนี้เลยมีเวลามาต้อนรับเจ้า หากว่าขาดเหลืออะไรก็พูดมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ผู้อาวุโสลั่วพูดด้วยความรู้สึกผิด
“ใช่แล้ว ข้าคิดว่าที่นี่คงเป็นบ้านของแม่เหยียนเอ๋อใช่หรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนถามขึ้นมาอย่างตรงๆ
“ใช่แล้ว นี่คือบ้านที่หวงเอ๋อเคยอาศัยอยู่ ข้าให้คนมาทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ เพราะคิดว่าสักวันเธอจะกลับมา แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น….” ผู้อาวุโสลั่วถอนหายใจอย่างหนัก ใครจะรู้ว่าอยู่ๆ ก็มีคนพาหลานสาวมาส่งให้เขาแทน จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าโกรธแค้นว่า “หากข้ารู้ว่าใครทำเรื่องอย่างนั้นลงไปล่ะก็ ข้าจะต้องฟันมันให้ขาดเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!”
กลิ่นอายที่ผู้อาวุโสลั่วปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงมาก คลื่นพลังของเขาถูกปลดปล่อยออกไปรอบๆ ใบไม้ที่เพิ่งจะร่วงจากต้น ก็พลันถูกพลังนี้ทำให้สะบั้นไปในพริบตา และนี่ยังเป็นสถานการณ์ที่มีการยับยั้งพลังเอาไว้นะ หากว่าระเบิดพลังที่แท้จริงออกมา เกรงว่าพลังคงจะมากเกินกว่าที่จะคาดการถึง
เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 8 ความน่ากลัวย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว!
นี่เป็นสิ่งที่ไกลจากตัวอี้เทียนหยุน เขาได้เห็นพลังที่เหนือกว่าของระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 8 ต่อให้เขาจะทุ่มทุกอย่างออกมา แล้วซ้อนทับพลังทุกอย่าง ก็คงยากที่จะต่อกรกับอีกฝ่าย
“น่าเสียดายที่ตอนนั้นแม่ของเหยียนเอ๋อไม่เชื่อใจข้า ทำให้เธอไม่ได้บอกอะไร บอกแค่ให้ข้ามาส่งเหยียนเอ๋อที่รังฟีนิกซ์นี้เท่านั้น” อี้เทียนหยุนส่ายหัว อาจจะเป็นเพราะลั่วหวงคิดว่าเขาไม่มีพลังพอจะแก้แค้น ที่สำคัญคือสามารถพาลูกสาวของเธอมาส่งได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ส่วนเรื่องแก้แค้นอะไรนั่น สามารถละเอาไว้ชั่วคราวก่อน
“เรื่องนี้ข้าจะให้คนไปสืบมาอย่างละเอียด ไม่ว่ายังไงก็ต้องสืบมาให้ได้!” สีหน้าของผู้อาวุโสลั่วน่ากลัวมาก ลูกสาวของตนแล้ว แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง? จากนั้น สีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลง พร้อมกับมองไปยังเหยียนเอ๋อที่อยู่ชั้นบน แค่เหยียนเอ๋อมีชีวิตอยู่ก็โชคดีแล้ว เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกยินดีอย่างแท้จริง
อี้เทียนหยุนพยักหน้า เขายังคงหัวเสียเล็กน้อยกับเรื่องนี้ จะดีจะร้ายเหยียนเอ๋อก็เรียกเขาว่าพ่อ ไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยเธอให้ได้
“แต่จะยังไงก็ช่าง เรื่องที่เจ้าพาเหยียนเอ๋อกลับมาก็ต้องขอบคุณมาก ไม่อย่างนั้น ข้าคงไม่รู้เด็กนั่นจะมีชีวิตอยู่ยังไง….” ผู้อาวุโสลั่วถอนหายใจ จากนั้นก็มองมาที่เขาแล้วพูดว่า “ไม่พูดเรื่องอื่นแล้ว แค่เจ้าพาเหยียนเอ๋อกลับมาส่ง เผ่าฟีนิกซ์ของเราก็จะไม่ทำเรื่องอยุติธรรมต่อเจ้าอย่างแน่นอน ตามข้ามา”
ผู้อาวุโสลั่วปรายตามองผู้คุ้มกันคนนั้น ผู้คุ้มกันพยักหน้า เป็นการบอกว่าไม่มีปัญหา เหยียนเอ๋อยังหลับอยู่ข้างบน ดังนั้นจึงต้องให้เขาคอยคุ้มกัน
อี้เทียนหยุนออกไปพร้อมกัน ระหว่างทางผู้อาวุโสลั่วก็ถามขึ้น “เจ้ามีของรางวัลอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษหรือเปล่า? เจ้าพาเหยียนเอ๋อกลับมา พวกเราแน่นอนว่าย่อมไม่ทำเรื่องอยุติธรรมกับเจ้า ดังนั้นจึงต้องมีของรางวัลให้ แต่ก่อนหน้านั้น คงต้องถามเจ้าก่อนว่าต้องการสมบัติชนิดไหนเป็นพิเศษ?”
“ที่จริงแล้วข้าต้องการแค่หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณเท่านั้น ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี” อี้เทียนหยุนพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ
เขาไม่ต้องการสมบัติอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์อะไรก็วางไว้ทางอื่นก่อน และแน่นอนว่าอุปกรณ์ระดับเทวะนั้น เผ่าฟีนิกซ์ย่อมไม่มีทางมอบมันให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยทำให้เขาเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้นได้
“หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ?” ผู้อาวุโสลั่วตกใจ ราวกับคิดไม่ถึงว่าอี้เทียนหยุนจะเอ่ยปากขอของรางวัลนี้ เขาคิดว่าจะเป็นของรางวัลอย่างอื่น อย่างเช่นอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ ไม่ก็โอสถชั้นดี แต่ไม่คิดว่าจะเป็นหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณนี้
“ใช่ ข้าต้องการหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ หากว่ามีมาก ข้าสามารถเอาของอย่างอื่นมาแลกได้” อี้เทียนหยุนคิด แล้วพูดเสริมขึ้นว่า “ของชิ้นนี้สำคัญต่อข้ามาก”
“หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ…. ในเผ่าของเราตอนนี้ไม่มี แต่ก่อนหน้านี้มี แต่เพราะว่าถูกใช้ไป ดังนั้นจึงไม่มีแล้ว หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณนี้เป็นของหายาก ปกติก็ไม่ได้หาพบอย่างง่ายๆ อยู่แล้ว” ผู้อาวุโสลั่วพูดขอโทษ “หรือเจ้าจะเปลี่ยนเป็นของอย่างอื่นดูไหม? เจ้าลองมากับข้าดู แล้วดูว่าจะมีของที่เจ้าชอบหรือเปล่า”
ผู้อาวุโสลั่วพากเขาเดินเข้าไปข้างใน ระหว่างทางต่างก็มีผู้คุ้มกันอยู่ตลอด ภายใต้การนำของเขา ก็ได้มาถึงด้านหน้าวิหารขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ วิหารหลังนี้สร้างขึ้นมาด้วยหินเพลิงหยวน เพิ่งจะก้าวเข้าไป ก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณไฟที่โหมซัดกระหน่ำ ให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงมาก
หากว่าผู้ฝึกตนธาตุไฟได้มาฝึกที่นี่สักเดือน คงจะเท่ากับฝึกอยู่ด้านนอกเป็นเวลา 1 ปี! ที่จะมีสถานที่อย่างนี้ได้ คงจะมีแต่เผ่าฟีนิกซ์เท่านั้น
หลังจากเข้าไป บนกำแพงรอบๆ วิหารต่างก็สลักไว้ด้วยฟีนิกซ์ตัวใหญ่ พร้อมกับทะยานขึ้นไปอากาศ และข้างในยังมีฟีนิกซ์ยักษ์หลายตัวที่อยู่ข้างใน เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา ต่างก็พากันชะโงกหัวมองมาที่นี่เป็นตาเดียว
ฟีนิกซ์พวกนี้ไม่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้ แต่เป็นร่างฟีนิกซ์ตัวใหญ่ เอาไว้หลังจากวิวัฒนาการเสียก่อน ถึงจะสามารถเป็นเหมือนกับพวกผู้อาวุโสลั่ว พูดตรงๆ แล้ว ฟีนิกซ์พวกนี้ยังไม่ได้เกิดการวิวัฒนาการ ยังเป็นเพียงฟีนิกซ์แรกเริ่มเท่านั้น
“ผู้อาวุโสลั่ว นี่คือ?” ในตอนนี้เอง ได้มีชายแก่คนหนึ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนก็ได้ขมวดคิ้ว พร้อมกับมีท่าทางรังเกียจ
เห็นได้ชัดว่าเผ่ามนุษย์ไม่เป็นที่ต้อนรับของที่นี่ ดังนั้น การได้รับสายตาเกลียดชังแบบนี้กลับมา จึงเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก
“ผู้อาวุโสเหลย นี่คือสหายผู้ที่นำหลานสาวที่หายไปหลายปีของข้ากลับมา ข้าพาเขามายังบ้านสมบัติเพื่อรับรางวัล” ผู้อาวุโสลั่วพูด
เรื่องนี้ยังไม่แพร่ออกไป ดังนั้นจึงมีหลายคนที่ไม่รู้ความริง
“พาหลานสาวที่หายไปหลายปีกลับมา หรือว่าจะเป็นลูกของลั่วหวง?” ผู้อาวุโสเหลยอ้าปากค้าง จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็สมควรให้รางวัล แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพาเข้าไปยังวิหาร ผู้อาวุโสลั่ว ท่านคงรู้กฎดีใช่ไหม?”
สายตาของเขายังคงมองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยความเกลียดชัง แม้จะมีเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เขามองอี้เทียนหยุนใหม่ ยังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชังดุจเดิม
“ผู้อาวุโสเหลย เจ้าหมายความว่ายังไง? เขาพาหลานสาวข้ากลับมาจากที่แสนไกล แต่ข้าไม่สามารถพาเขาเข้าไปยังวิหารฟีนิกซ์ได้อย่างงั้นเหรอ? กฎก็บอกไว้ ว่าให้ตอบแทนบุญคุณอย่างเต็มที่ หากแค่นี้ยังทำไม่ได้ งั้นกฎนั่นก็เป็นเรื่องน่าละอายแล้ว!” ผู้อาวุโสลั่วพลันไม่พอใจอย่างมาก เขารู้สึกซาบซึ้งในตัวอี้เทียนหยุนอย่างมากที่พาหลานสาวมาส่ง ทำให้ค่าความชอบของเขาที่มีต่ออี้เทียนหยุนใกล้จะถึง 200 แล้ว แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาซาบซึ้งในตัวเขาแค่ไหน
“ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ว่ายังไงเขาก็ยังเป็นเผ่ามนุษย์อยู่ดี หากว่าเป็นเผ่าอื่นก็ยังพอจะว่ากันได้ แต่เผ่ามนุษย์นี้….. ฮึ่ม ไม่มีตัวดีเลยสักคน!” ผู้อาวุโสเหลยแค่นเสียงออกมา พร้อมกับจ้องมาที่อี้เทียนหยุนด้วยสีหน้าเย็นชา โดยที่ไม่ปกปิดความเกลียดชังที่ส่งออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ
อี้เทียนหยุนไม่โกรธ เพราะเขาสามารถจินตนาการได้ว่า ผู้อาวุโสเหลยคนนี้คงจะพบเจอเรื่องที่โหดร้ายอะไรมาอย่างแน่นอน หรือไม่ก็สมาชิกในครอบครัวของเขา จะต้องถูกเผ่ามนุษย์ทำอะไรให้
“ผู้อาวุโสเหลย ข้ารู้ว่าท่านมีความเกลียดชังต่อพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องเป็นคนเลวเหมือนกันหมด หวังว่าท่านจะเข้าใจในข้อนี้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างสุภาพ
“ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน!” ผู้อาวุโสเหลยแค่นเสียงออกมา พร้อมกับโบกมือแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสลั่ว กฎย่อมเป็นกฎ ของรางวัลย่อมต้องให้ แต่อย่าได้มากเกินไป!”
พูดจบเขาก็สะบัดมือเดินจากไป ไม่คิดจะอยุดอยู่ที่นี่ต่อ
“น้องชาย ข้าต้องขอโทษด้วย ผู้อาวุโสเหลยเขา…..” ผู้อาวุโสลั่วส่ายหัว เหมือนไม่เต็มใจจะพูด
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ เพราะแก่นโลหิตของฟีนิกซ์เป็นสิ่งล้ำค่า….. ทุกเผ่าล้วนแต่เหมือนกันหมด เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเกิดการฆ่าฟัน เมื่อมีคนเลว ย่อมต้องมีคนดี” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่แยแส
อย่าว่าแต่เผ่ามนุษย์เลย ขนาดเผ่าฟีนิกซ์เองใช่ว่าจะเป็นคนดีกันทุกคน เพื่อสมุนไพรวิญญาณ พวกเขาก็ลงมือโจมตีเหมือนกันนั่นล่ะ! กฎแห่งป่า ไม่ว่าที่ไหนก็ใช้กฎข้อเดียวกันหมด