CLS ตอนที่ 497: ข้าคือปรมาจารย์สลักอาคม!
ผู้อาวุโสเหลยจะอยู่ในอารมณ์ไหนนั้น อี้เทียนหยุนไม่สนใจ เขาไม่สนที่จะไปทะเลาะอะไรกับเขา เพราะนั่นเป็นความรู้สึกที่มีต่อคนอื่น หากเปลี่ยนเป็นเขาก็คงจะเป็นเหมือนกันกับเผ่าฟีนิกซ์ เพราะขนาดเผ่ามนุษย์ด้วยกันเองยังเป็นศัตรูกันเองเลย
เพราะสถานะที่แตกต่าง ทำให้ความคิดที่มีแตกต่างกัน เผ่ามนุษย์เป็นเผ่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุด จึงมีการกีดกัดเผ่าสัตว์เทวะ ดังนั้น เผ่าฟีนิกซ์จึงมักจะถูกจับไปเป็นประจำ ไม่ว่าจะเพื่อแก่นโลหิต หรือเส้นขน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่โหดร้ายมาก
ดังนั้น เผ่าฟีนิกซ์จึงเกลียดชังเผ่ามนุษย์ทุกคน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก
อี้เทียนหยุนทำการดูดกลืนต่ออย่างบ้าคลั่ง หลังจากดูดกลืนเปลวเพลิงที่ออกมาจากปากถ้ำจนหมด เขาก็ทำการเดินเข้าไปดูดข้างในต่อ พร้อมกับจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายหูของเขาก็ได้ยินเสียงระบบดังขึ้น
“ติ๊ง ยินดีด้วย เปลวเพลิงนิรันดร์ของผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับปฐพีขั้นสูง ระดับถัดไปต้องการค่าความชำนาญ 5 ล้าน!”
ในที่สุดก็เข้าสู่ระดับปฐพีขั้นสูงเสียที ความก้าวหน้านี้ช่างน่าตื่นตะลึงเสียจริง หากคิดจะใช้การปรุงโอสถเพื่อเลื่อนระดับ เวลาที่ต้องใช้นั้นต้องนานมาก ซึ่งไม่รู้ว่าต้องนานขนาดไหน
“นี่มันช่างสะใจจริงๆ หากว่าการเลื่อนระดับยังคงเป็นไปด้วยความเร็วระดับนี้ก็คงดี” อี้เทียนหยุนรู้สึกพอใจอย่างมาก แต่ค่าความชำนาญที่เขาต้องการในตอนนี้กลับมหาศาล ไม่มีทางเลื่อนระดับได้อย่างผ่อนคลาย
แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็คงต้องดูดกลืนเปลวเพลิงนิรันดร์จากที่แห่งนี้ดูก่อน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำการดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง จนบริเวณปากถ้ำกลายเป็นว่างเปล่า พร้อมกับเดินเข้าไปในถ้ำ แต่เมื่อมองจากตรงนี้แล้ว ที่เห็นกลับไม่ใช่เปลวเพลิงนิรันดร์ แต่กลับเป็นพลังหยินที่ข้นคลั่ก ดูแล้วให้ความรู้สึกอึมครึมอย่างมาก
“เข้าไปข้างในไม่ได้ ในนั้นเป็นเพลิงเทียนหยิน ต่อให้มีเปลวเพลิงนิรันดร์ก็ยากที่จะสะกดเพลิงเทียนหยินนี้ได้ แล้วโดยเฉพาะยิ่งไม่มีวิธีหยุดมันอีก!” ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกพากันปรากฏขึ้นข้างหลังเขา พวกเขาเห็นว่าเปลวเพลิงนิรันดร์ไม่มีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงได้เดินเข้ามา
“เพลิงเทียนหยิน…..”
เพลิงเทียนหยินนี้ เทียบได้กับเปลวเพลิงใต้พิภพรุ่นปรับปรุง พูดได้ว่าเป็นเปลวเพลิงใต้พิภพที่อยู่ในระดับสูงขึ้นไป นี่แหละคือเพลิงเทียนหยิน ซึ่งถือเป็นเปลวเพลิงที่มีความสัมพันธ์คู่ตรงกันข้ามกับเปลวเพลิงนิรันดร์
ไม่แปลกที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงจะพูดว่าพวกเขาสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ที่แท้ก็สามารถดูดกลืนเพลิงเทียนหยินได้นี่เอง แต่สำหรับเพลิงเทียนหยินนี้ เปลวเพลิงนิรันดร์ก็สามารถดูดกลืนได้เช่นกัน แต่ถ้าเพลิงเทียนหยินมีพลังมากกว่า มันก็สามารถดูดกลืนเปลวเพลิงนิรันดร์กลับคืนได้!
“พ่อหนุ่ม ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถดูดกลืนเปลวเพลิงนิรันดร์นี้ได้ ทำให้พวกเขาจัดการแก้ปัญหาเปลวเพลิงนิรันดร์ได้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้ามากจริงๆ!” ผู้อาวุโสลั่วหัวเราะร่า ยิ่งมองยิ่งพอใจในตัวอี้เทียนหยุนคนนี้มาก หากไม่มีเขา ก็คงจะไม่มีทางจัดการกับปัญหานี้ได้เร็วขนาดนี้
“นี่…. ขอบคุณเจ้ามาก และก็ต้องขอโทษกับการเสียมารยาทของข้าเมื่อก่อนหน้านี้ด้วย” ผู้อาวุโสเหลยที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างอึกอัก แต่ก็เลือกที่จะกล่าวขอบคุณออกมา พร้อมกับวางหน้าตาลงโดยสมบูรณ์
การกระทำนี้ของเขาไม่ได้เป็นเพราะพวกผู้อาวุโสใหญ่สั่งให้ทำ แต่เป็นความรู้สึกผิดของผู้อาวุโสเหลยเอง ที่ต้องการพูดออกมา
“ไม่เป็นไรหรอก เมื่อมีมุมมองที่แตกต่าง ภาพที่เห็นก็จะต่างกันด้วย ข้าเข้าใจความคิดของผู้อาวุโสเหลยดี” อี้เทียนหยุนพยักหน้า ไม่ได้นำมาใส่ใจ
“อั๊ย ผู้อาวุโสเหลย ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะพูดขอโทษออกมา” ผู้อาวุโสลั่วรู้สึกประหลาดใจ
“ทำไมข้าจะขอโทษไม่ได้? เจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกไม่มีเหตุผลอย่างนั้นหรือไง? เมื่อรู้ว่าตัวเองคิดผิด แล้วข้าจะขอโทษไม่ได้อย่างงั้นใช่ไหม?” ผู้อาวุโสเหลยแค่นเสียงออกมา
“เอาล่ะๆ เป็นข้าเข้าใจเจ้าผิดเอง” ผู้อาวุโสลั่วตบไหล่เขา พร้อมกับพูดอย่างชั่วร้ายว่า “ครั้งหน้าไว้พวกเรามาดื่มกัน นานแค่ไหนแล้วที่เจ้าไม่ได้มาดื่มกับข้า?”
“ผู้อาวุโสลั่ว ไม่ใช่ว่าเจ้าซ่อนเหล้าชั้นดีเอาไว้หรอกเหรอ?” ผู้อาวุโสเหลยตาเป็นประกาย “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องตอบรับคำขอนี้ของเจ้าสักหน่อยแล้ว ทั้งเจ้ายังได้หลานสาวกลับมา อย่างนี้มันต้องฉลอง”
“แค่กๆ….” ผู้อาวุโสใหญ่กระแอมออกมา การพูดคุยของพวกเขานี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกเวลาจริงๆ แต่ใครจะรู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่จะพูดขึ้นมาว่า “จะไปดื่มกัน พวกเจ้าไม่คิดจะชวนข้าบ้างหรือไง?”
“……”
อี้เทียนหยุนที่อยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พวกเขานี่ช่างมองโลกในแง่ดีจริงๆ เพิ่งจะแก้ปัญหาได้ ก็พูดคุยเรื่องงานฉลองแล้ว?
“แม้ว่าเปลวเพลิงนิรันดร์จะถูกจัดการไปแล้ว แต่ก็ยังมีเพลิงเทียนหยินที่พ่นออกมาไม่หยุด หากว่าวิญญาณร้ายยังคงถูกผนึกอยู่ เพลิงเทียนหยินจะต้องไม่โผล่ออกมาอย่างแน่นอน ปัญหาเรื่องอาคมนี้ ไม่รู้ว่าจะไปหานักสลักอาคมระดับปรมาจารย์จากที่ไหน?” สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่กลายเป็นจริงจัง พร้อมกับพากันกลับมายังหัวข้อนี้
“ถ้าแค่นักสลักอาคมระดับปรมาจารย์ทั่วไปก็พอจะมีอยู่หรอก แต่ว่าระดับของพวกเขานั้นธรรมดาเกินไป อย่างน้อยก็ต้องเป็นปรมาจารย์ขั้นจิตวิญญาณถึงจะดี แต่ส่วนใหญ่ล้วนแต่มีขั้นเนตรวิญญาณกันทั้งนั้น การจะหาปรมาจารย์ขั้นจิตวิญญาณนั้นยากมากจริงๆ” พวกเขาพากันส่ายหัว พร้อมกับพูดอย่างหมดหนทาง “ดูท่าคงได้แต่ไปหาตามเผ่าอื่นๆ ด้านนอกแล้ว หากว่าหาได้ก็คงจะดี”
นักสลักอาคมระดับปรมาจารย์นี้แบ่งออกเป็นสามขั้นใหญ่ๆ นั่นก็คือ เนตรวิญญาณ, จิตวิญญาณ, ชีวิตวิญญาณ!
ความต่างของแต่ขั้น ก็เทียบได้กับการแบ่งขั้นทั่วๆ ไป ขั้นเนตรวิญญาณเทียบได้กับขั้นต่ำ, ขั้นจิตวิญญาณเทียบได้กับขั้นกลาง และขั้นชีวิตวิญญาณเทียบได้กับขั้นสูง!
บรรพชนเผ่าภูตและราชครูพวกนี้ อย่างมากก็เทียบได้กับขั้นเนตรวิญญาณ หรือว่าขั้นครึ่งก้าวจิตวิญญาณ ยังไม่ใช่ขั้นจิตวิญญาณที่แท้จริง
สัมผัสวิญญาณของอี้เทียนหยุนก็เทียบได้เกือบๆ ขั้นเนตรวิญญาณ แต่ว่าหลังจากเปิดใช้งานเนตรสวรรค์ การจะไปถึงขั้นเนตรวิญญาณถือว่าไม่มีปัญหา ยังไงก็ตาม ความชำนาญในการสลักอาคมของเขาก็ใกล้จะเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว ยังขาดค่าประสบการณ์อีกเพียงนิดหน่อยเท่านั้น หากว่าเขาทุ่มค่าความชำนาญลงไป เขาก็สามารถเลื่อนระดับได้ทุกเมื่อ
เมื่อถึงตอนนั้น หากใช้ร่วมกับความสามารถของเนตรสวรรค์ การที่เขาจะเข้าสู่ขั้นจิตวิญญาณ แน่นอนว่าย่อมไม่มีปัญหา
ทันใดนั้น เขาก็ทุ่มค่าความชาญหลายแสนลงไปยังความชำนาญด้านการสลักอาคมในทันที จากนั้น เสียงระดับก็ดังขึ้นมา
“ติ๊ง ยินดีด้วย ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่นักสลักอาคมระดับปรมาจารย์สำเร็จ เป็นนักสลักอาคมระดับปรมาจารย์(ขั้นเนตรวิญญาณ)! ระดับถัดไปต้องการค่าความชำนาญ 10 ล้าน!”
นี่มันคิดจะเอาชีวิตกันจริงๆ ค่าความชำนาญ 10 ล้าน ไม่รู้ว่าต้องวาดอาคมอีกแค่ไหน ถึงจะได้ค่าความชำนาญ 10 ล้านนี้มา เส้นทางในการเลื่อนระดับช่างยาวนานจริงๆ…..
“พวกท่านกำลังมองหาปรมาจารย์สลักอาคมขั้นจิตวิญญาณใช่ไหม? ที่จริงแล้วข้าก็เป็นปรมาจารย์สลักอาคมขั้นจิตวิญญาณเช่นกัน” อี้เทียนหยุนพูดออกไป เขาต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ หากไม่สำเร็จ เขาก็จะไม่ได้รางวัลน่ะสิ
“เจ้าเป็นปรมาจารย์สลักอาคมขั้นจิตวิญญาณ?” พวกเขาพากันมองอี้เทียนหยุนด้วยสีหน้าแตกตื่น แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยเห็นอยู่ก่อนแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็พากันมองสำรวจอี้เทียนหยุนขึ้นๆ ลงๆ พร้อมกับพากันจับจ้องมาที่เขา ราวกับกำลังมองดูสัตว์ประหลาด
ที่จริงพวกเขาก็กำลังมองสัตว์ประหลาดจริงๆ นั่นล่ะ ดังนั้นสายตาที่พวกเขากำลังมองมาที่อี้เทียนหยุนจึงราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาดอยู่จริงๆ
“ใช่แล้ว มีอะไรอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนมองสีหน้าที่แตกตื่นของพวกเขาพร้อมกับยิ้มออกมา หลังจากเขาตอบออกไป พวกเขาก็ยังคงมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี
“นี่ จะ เจ้า เจ้าเป็นปรมาจารย์สลักอาคมจริงๆ เหรอ?” พวกเขาตามหามานาน แต่ก็หาไม่พบ จึงได้แต่เพียงร้องขอความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ไม่อย่างนั้น มันคงเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะหาปรมาจารย์สลักอาคมขั้นจิตวิญญาณ
ขั้นเนตรวิญญาณนั้นมีอยู่มาก แต่ขั้นจิตวิญญาณนั้นหายาก แม้แต่ขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ยังใช่ว่าจะมีกันทั่วไป