CLS ตอนที่ 498: คนคุ้นเคย
“ใช่ ข้าคือปรมาจารย์สลักอาคม ทั้งยังเป็นขั้นจิตวิญญาณอีกด้วย” อี้เทียนหยุนพูดออกมาซ้ำอีกครั้ง ให้พวกเขาได้ฟังอย่างชัดๆ
“นี่…..”
พวกเขาพากันมองหน้ากัน แค่สามารถดูดกลืนเปลวเพลิงนิรันดร์ก็ว่าน่าตกใจพอแล้ว แต่นี่ยังเป็นถึงปรมาจารย์สลักอาคมอีก? นี่คงไม่ใช่โชคชะตาส่งมาพบพวกเขาหรอกใช่ไหม?”
“พวกท่านต้องการทดสอบหรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนยิ้ม หากพวกเขาไม่เชื่อ งั้นก็จำเป็นต้องมีการทดสอบ
“เรื่องการทดสอบเป็นเรื่องจำเป็นอยู่แล้ว หากว่าไม่ผ่านมาตรฐาน การปล่อยให้เจ้าลงไปจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องทดสอบให้เข้มงวด นี่ไม่ใช่แต่เป็นการรับผิดชอบต่อพวกเราเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการรับผิดชอบต่อเจ้าด้วยเช่นกัน!” ผู้อาวุโสใหญ่ทำสีหน้าจริงจัง เรื่องนี้ไม่สามารถประมาทได้แม้แต่เพียงน้อย เพราะสิ่งที่รออยู่ด้านล่าง เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างสุดๆ ดังนั้นห้ามมีการประมาทแม้แต่น้อย
แม้ว่าอี้เทียนหยุนจะเป็นคนที่เชื่อใจได้ แต่ก็ยังคงต้องทดสอบดูถึงจะรู้ ไม่อย่างนั้น หากว่าลงไปแล้วไม่สามารถจัดการได้ นั่นคงเป็นปัญหาอย่างมาก
“แล้วพวกเราจะไปทดสอบกันที่ไหน?” อี้เทียนหยุนถาม
“ออกไปทดสอบกันข้างนอกก็ดี แค่เจ้าสร้างอาคมระดับปรมาจารย์ออกมาให้พวกเราดูก็พอ แค่นี้ก็พอจะทำให้พวกเรารู้แล้วว่าเจ้าผ่านมาตรฐานหรือไม่” ในสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่มีท่าทางตื่นเต้น หากว่าผ่านมาตรฐานจริง งั้นพวกเราก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ในทันที
ไม่เพียงแต่สามารถควบคุมเปลวเพลิงนิรันดร์ได้เท่านั้น แต่ยังเป็นถึงปรมาจารย์สลักอาคมอีก นี่มันดาวนำโชคของพวกเขาชัดๆ!
และเมื่อพวกเขาออกมา ก็พบว่าด้านหน้ามีคนสองคนรออยู่ก่อนแล้ว หลังจากอี้เทียนหยุนเห็นพวกเขาก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา ฝั่งตรงข้ามก็เช่นกัน
“เป็นเจ้า?” และคนที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเถ้าแก่เย่และปู๋เยี่ยนนั่นเอง!
“เถ้าแก่เย่ ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะมาพบกันที่นี่” อี้เทียนหยุนยิ้ม ทั้งเขายังเห็นเถ้าแก่เย่กำลังถือกล่องใบหนึ่ง ซึ่งเป็นกล่องที่เขาช่วยเปิดเมื่อก่อนหน้า
“ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกัน…..” เถ้าแก่เย่รู้สึกแปลกใจเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเขาออกมาพร้อมกับผู้อาวุโสใหญ่ นี่ทำให้เขารู้สึกตกใจอย่างมาก
“พวกเจ้าทั้งคู่รู้จักกัน?” ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกพากันประหลาดใจ
“ต้องรู้จักอยู่แล้ว อาคมบนกล่องนี้ ก็ได้น้องชายคนนี้แหละที่ช่วยเปิด ไม่อย่างนั้น ข้าคงยังหาคนเปิดมันไม่ได้สักที” เถ้าแก่เย่ตบกล่องพร้อมหัวเราะออกมา
“อาคมบนกล่องนี้เขาเป็นคนเปิด…..”
ผู้คนพากันมองหน้ากัน พวกเขารู้ว่ากล่องนี้เปิดยากแค่ไหน แม้แต่จะหาปรมาจารย์สลักอาคมหลายคนมาช่วยเปิด หรือทำลายกล่องนี้ ก็จบลงที่ความล้มเหลว ทำให้พวกเขารู้ว่าการจะเปิดกล่องนี้เป็นเรื่องที่ยากขนาดไหน
“ใช่ ไม่คิดว่าเขาจะปรากฏตัวที่นี่ ทั้งยังมาโผล่ที่ถ้ำฟีนิกซ์ด้วยกันกับทุกคน นี่ช่างแปลกมากจริงๆ ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เถ้าแก่เย่ถามอย่างสงสัย
หลังจากนั้นพวกเขาก็แลกเปลี่ยนเรื่องราวคร่าวๆ ต่อกัน ถึงความสามารถอันน่าตกใจของอี้เทียนหยุน
ทำให้อี้เทียนหยุนรู้ฐานะของเถ้าแก่เย่เช่นกัน พวกเขาก็เป็นคนของเผ่าฟีนิกซ์ ทั้งเถ้าแก่เย่ยังเป็นหนึ่งในผู้อาวุโส ทำให้เขาถูกเรียกว่าผู้อาวุโส ส่วนปู๋เยี่ยนนั้นก็เด็กรุ่นใหม่ของเผ่าที่มีพรสวรรค์ค่อนข้างดี จึงได้ออกไปโลกภายนอกด้วยกันกับเถ้าแก่เย่ชั่วคราว
ที่สำคัญคือปู๋เยี่ยนคือหลานชายของเถ้าแก่เย่ แน่นอนว่านี่เป็นเหตุให้เขาเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้ออกไปด้วยชั่วคราว
“ที่แท้ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หากว่าข้ารู้แต่แรกว่าเขามีความสามารถแบบนี้ ข้าคงพาเขากลับมาด้วยกันแล้ว….” เถ้าแก่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม “มาตรฐานด้านอาคมของเขาไม่สามารถดูถูกได้ ขนาดอาคมที่ยากจะแก้เขายังแก้ได้…. ที่เจ้าบอกว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์สลักอาคม ก่อนหน้านี้ข้าก็ได้เดาไว้ก่อนแล้วว่าเจ้าจะต้องเป็นระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน เมื่อเจ้าเอ่ยปากออกมาเองแล้ว งั้นก็ไม่จำเป็นต้องทดสอบอะไรแล้วล่ะ”
เถ้าแก่เย่มั่นใจในตัวอี้เทียนหยุน ทั้งยังรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมีการทดสอบ สามารถตรงเข้าสู่สนามรบได้ในทันที
“ไม่ เรื่องนี้ยังไงก็ต้องมีการทดสอบ ข้าจะวาดอาคมง่ายๆ ออกมา หลังจากได้ดูพวกท่านจะได้ตัดสินใจกันอีกที” ที่อี้เทียนหยุนตัดสินใจวาดอาคมออกมา ก็เพื่อที่จะทำให้พวกเขามั่นใจมากยิ่งขึ้น
จากนั้น เขาก็หยิบเอาพู่กันสลักอาคมออกมา ระดับของมันพูดได้ว่าค่อนข้างต่ำ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มวาดอาคมระดับปรมาจารย์ออกมา ความเร็วที่ใช้ของเขาไม่ถือว่าเร็ว แต่ก็ไม่ช้า แต่อาคมที่วาดสำเร็จออกมาค่อนข้างซับซ้อนทีเดียว
หลังจากวาดแล้วเสร็จ ผู้คนก็พากันตาเป็นประกาย นี่เป็นอาคมระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่รู้วิธีวาด แต่เรื่องระดับของมันนั้น พวกเขาแค่มองก็เข้าใจ ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงจะใช้ชีวิตมาหลายปีอย่างสูญเปล่าแล้ว
“ดี เป็นอาคมระดับปรมาจารย์จริงๆ น่าเสียดายก็ตรงที่พู่กันสลักอาคมมีระดับที่ต่ำไปหน่อย…..”
พวกเขาเห็นว่าพู่กันสลักอาคมในมืออี้เทียนหยุนเป็นแค่พู่กันสลักอาคมระดับจิตวิญญาณ ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้วถือว่าไม่ต่างอะไรไปจากขยะ ต่อให้เห็นมันหล่นอยู่บนพื้น พวกเขาก็ไม่มีความคิดที่จะเก็บ นี่ก็คือความหยิ่งยโสของผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณ
“ข้าพอจะมีพู่กันสลักอาคมอยู่หลายด้าม ก่อนหน้านี้มีคนนำมันมาแลกกับสมุนไพรวิญญาณที่ข้ามี” เถ้าแก่เย่หยิบพู่กันสลักอาคมสามด้ามออกมาเรียงกันไว้ตรงหน้า ให้อี้เทียนหยุนเลือก “มา ไม่ใช่ว่าจะช่วยพวกเราสะกดวิญญาณร้ายหรอกเหรอ มาเลือกเอาไปด้ามหนึ่ง!”
พู่กันสลักอาคมทั้งสามด้ามนี้ล้วนแต่มีระดับต่างกัน ที่สูงที่สุดคือระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง และที่ต่ำที่สุดคือระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำ ซึ่งเมื่อเทียบกับที่อี้เทียนหยุนมีในมือแล้ว ถือว่าดีกว่ามาก
“งั้นข้าก็ไม่ขอเกรงใจ ข้าเลือกอันนี้” อี้เทียนหยุนไม่เลือกมาก ทำการเลือกพู่กันขนมังกรในทันที พู่กันด้ามนี้ไม่ได้มีระดับสูงที่สุด มันมีระดับเพียงศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำเท่านั้น
ยังไงก็ตาม พู่กันด้ามนี้ก็เหมาะกับเขาที่สุด เพราะว่ามันมีพลังของสายเลือดมังกรอยู่ เมื่อรวมกับสายเลือดเทพมังกรของเขา ก็จะทำให้เขาสามารถปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้
“เจ้าจะเลือกอันนี้จริงๆ?” เถ้าแก่เย่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะต้องเลือกพู่กันระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง เพราะระดับที่สูงย่อมต้องดีกว่า
“ใช่ นี่เหมาะกับข้า” อี้เทียนหยุนไม่ได้เกรงใจแต่อย่างใด แค่พู่กันสลักอาคมระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ถือว่าดีแล้ว เมื่อใช้ร่วมกับความสามารถเนตรสวรรค์ ก็จะทำให้การวาดอาคมของเขาง่ายขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากเลือกพู่กันได้แล้ว สายตาของพวกเขาก็เลื่อนไปยังกล่องในทันที
“เมื่อกล่องเปิดได้แล้ว สมบัติที่อยู่ด้านใน จะทำให้สามารถสะกดวิญญาณร้ายได้ง่ายขึ้นมาก!” ผู้อาวุโสลั่วพูดอยู่ด้านข้าง
“ใช่ พอเปิดกล่องได้ ข้าก็รีบกลับมาในทันที” เถ้าแก่เย่เปิดกล่องออก พร้อมกันนั้นก็ได้มีเปลวเพลิงฟีนิกซ์พวยพุ่งออกมาจากด้านในอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ถูกเขาดูดกลืนเข้าไปอย่างง่ายดาย แม้ว่านี่จะไม่เหมือนกับเปลวเพลิงนิรันดร์ แต่การสะกดมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
หลังจากเปลวเพลิงฟีนิกซ์หายไป ที่ปรากฏต่อสายตาก็คือไข่มุกสีแดงอันเล็กๆ ที่ดูแล้วคล้ายกันแก่นโลหิตที่จับตัวกันเป็นก้อน
แก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์ : โลหิตศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอด มีพลังงานที่น่าสะพรึง หลังจากดูดกลืนเข้าไป จะสามารถเพิ่มพลังสายเลือดในร่างได้ขั้นใหญ่ สามารถมีพลังได้เฉกเช่นฟีนิกซ์ สามารถใช้สะกดพลังชั่วร้ายได้!
“ที่แท้ก็คือแก่นโลหิตฟีนิกซ์…..” อี้เทียนหยุนก็คิดว่าเป็นสมบัติอะไร อย่างเช่นพวกอุปกรณ์ระดับเทวะเทือกนั้น ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแก่นโลหิตฟีนิกซ์ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นแก่นโลหิตของราชวงศ์ฟีนิกซ์!
แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับอุปกรณ์ระดับเทวะ แต่ก็พอจะเทียบได้กับอุปกรณ์ระดับเทวะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาวางแผนจะใช้มันเพื่อสะกดวิญญาณร้าย ซึ่งนี่ค่อนข้างเสียเปล่า…..