CLS ตอนที่ 499: ขอข้าได้หรือเปล่า
“ใช่ ในนี้ก็คิดว่าคือแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์ หากไม่สามารถเปิดกล่องนี้ได้ ก็ไม่สามารถที่จะสะกดวิญญาณร้ายให้อยู่หมัด” เถ้าแก่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม “ดีที่เจ้าช่วยข้าเปิดกล่องนี้ออก ไม่อย่างนั้น ก็คงจะไม่มีวิธีที่จะจัดการกับเรื่องนี้”
“แล้วแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์นี่ ทำไมถึงได้ไปอยู่ในกล่องนี้ได้ล่ะ?” อี้เทียนหยุนถามอย่างสงสัย
“นี่เป็นท่านบรรพชนเป็นผู้ผนึกไว้ เพื่อเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ดังนั้นก็เลยออกจะเปิดยากสักหน่อย….” ผู้อาวุโสใหญ่อธิบายอยู่ข้างๆ “ในตอนนี้พวกเรามีแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์แล้ว ก็จะสามารถสะกดวิญญาณร้ายเอาไว้ ทำให้แรงกดดันที่มี กลายเป็นเรื่องเล็ก”
“ข้าได้ยินท่านพูดถึงวิญญาณร้ายหลายครั้งแล้ว ในถ้ำฟีนิกซ์นี้ มีวิญญาณร้ายอยู่อย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนถามอย่างสงสัย
“ใช่ ในถ้ำฟีนิกซ์นี้ มีวิญญาณร้ายอยู่จริงๆ ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ได้มีเผ่าวิญญาณร้ายอยู่ พวกมันได้เข้ามาโจมตีและหวังจะยึดครองเผ่าฟีนิกซ์ของพวกเรา แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจัดการพวกเราได้ และไม่ว่าพวกเราจะโจมตีหรือทำยังไงก็ไม่สามารถกำจัดพวกมันได้ พวกเราจึงได้เลือกที่จะสะกดพวกมันเอาไว้ และก็เพราะเหตุการณ์ในคราวนั้น จึงทำให้เราเสียคนในเผ่าไปมากมาย….” ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจ เมื่อนึกถึงเรื่องในคราวนั้น ก็ทำให้เขาอดรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาไม่ได้
ผู้อาวุโสคนอื่นก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดและโกรธแค้นออกมา ดีที่สามารถสะกดพวกมันเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงถูกเผ่าวิญญาณร้ายพวกนี้โจมตีและยึดครองไปแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ชะตากรรมของพวกเขาจะต้องน่าสงสารยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสลั่วถอนหายใจ ขณะที่นัยน์ตาเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดเช่นกัน ราวกับนึกถึงบางสิ่ง ทำให้เบ้าตาของเขาแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“ทำได้เพียงสะกดไว้อย่างงั้นเหรอ ไม่มีวิธีกำจัดอย่างสมบูรณ์เลยหรือไง?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้วถามขึ้น
นี่หมายความว่าหลังจากที่สะกดเอาไว้ ก็ต้องมีการผนึก และเมื่อผนึกคลาย เหตุการณ์นี้ก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดลงเมื่อใด
“หากว่ากำจัดได้ พวกเราคงกำจัดไปนานแล้ว แต่ก็ทำได้เพียงใช้เปลวเพลิงนิรันดร์และแก่นโลหิตของราชวงศ์ฟีนิกซ์คอยสะกดพวกมันไว้ พลังของพวกมันแข็งแกร่งมาก กระทั่งราชาของพวกเรา ก็สามารถสะกดพวกมันเอาไว้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น” ผู้อาวุโสใหญ่พูด
“แล้วราชาฟีนิกซ์ล่ะ?” อี้เทียนหยุนถาม
“ราชาของพวกเราออกไปค้นหาวิธีกำจัดพวกมัน นานแล้วยังไม่กลับมา หากว่าราชากลับมา การจะสะกดพวกมันย่อมเป็นเรื่องง่าย คงไม่จำเป็นต้องไปร้องขอความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงหรอก” ผู้อาวุโสใหญ่ส่ายหัวแล้วพูดออกมา
“แล้วราชาของพวกท่านออกไปนานแค่ไหนแล้ว?” อี้เทียนหยุนตกใจ ราชาออกไปด้วยตนเอง นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ
“นานแล้ว มากกว่า 1 ปีได้ แต่ใครจะคิดว่าผนึกจะมาแตกออกตอนนี้?” ผู้อาวุโสใหญ่ส่ายหัว คิดว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ผนึกมีเวลาเป็นที่แน่นอน ทำให้เรื่องไม่เป็นปัญหา แต่นี่อยู่ๆ ก็แตกออก มีความเป็นไปได้เดียวก็คือ วิญญาณร้ายพวกนั้นได้แข็งแกร่งขึ้น!
“ถ้างั้น พวกท่านก็ต้องการใช้แก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์นี้สะกดวิญญาณร้ายพวกนี้สินะ?” อี้เทียนหยุนถาม
“ใช่ แม้ว่าเจ้าจะสามารถใช้เปลวเพลิงนิรันดร์ได้ แต่ก็แค่พอที่จะจัดการกับเพลิงเทียนหยินได้เท่านั้น ส่วนสำหรับวิญญาณร้ายนั้น มันไม่ได้สร้างความเสียหายให้มากมายอะไร เจ้าดูจากเปลวเพลิงนิรันดร์ที่ถูกผลักออกมานั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดแล้ว นี่หมายความว่าพวกมันเหนือกว่ามาก หากไม่ใช้แก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์สะกดพวกมัน เจ้าก็จะไม่มีโอกาสที่จะผนึกพวกมันได้เลย” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างจริงจัง “วิญญาณร้ายพวกนี้แข็งแกร่งมาก ต่อให้พวกเราจะช่วยต้านทานไว้ก็ค่อนข้างลำบาก”
ในใจอี้เทียนหยุนรู้สึกเย็นยะเยือก วิญญาณร้ายพวกนี้ร้ายกาจขนาดนั้นเชียว? ขนาดระดับราชาเซียนขั้นสูงก็ยังสู้ไม่ได้?
ระดับราชาเซียนนี้ เมื่อเทียบกับระดับราชาวิญญาณแล้ว แข็งแกร่งกว่ามาก ระดับราชาเซียนในขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ถือว่าเป็นราชาที่แท้จริง!
“หากว่าข้าใช้พลังของข้าสะกดพวกมันได้ แก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์นี้ ขอข้าได้หรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนพูดความคิดของเขาออกมา
พวกเขาพากันตกใจ พร้อมกับมองหน้ากัน ผู้อาวุโสใหญ่มองมาที่เขาแล้วพูดขึ้นว่า “หากว่าเจ้าใช้พลังของเจ้าสะกดพวกมันได้ การมอบแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์นี้ให้กับเจ้าย่อมไม่มีปัญหา แต่ว่าเจ้ายังคงไม่รู้ถึงความร้ายกาจของพวกมันดี พวกมันใช่ว่าจะสะกดได้ง่ายๆ ขนาดแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์นี้ก็ยังไม่สามารถสะกดพวกมันได้โดยสมบูรณ์!”
คำพูดของผู้อาวุโสใหญ่นั้นเด็ดขาดมาก เขารู้ว่าอี้เทียนหยุนนั้นไม่อ่อนแอ แต่ก็ไม่สามารถที่จะสะกดพวกมันด้วยพลังของเขาในปัจจุบันได้
“ถ้าทำได้ล่ะ?” อี้เทียนหยุนสนใจแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์นี้มาก เนื่องเพราะมันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาได้
ที่เขากล้าพูดอย่างนี้ ก็เพราะว่าเขามีความมั่นใจในฉายา “ผู้ส่งวิญญาณ” ของเขา ตราบเท่าที่เป็นสิ่งชั่วร้าย ก็จำต้องหลีกห่าง! แต่ว่าเขาไม่รู้ว่ามันจะได้ผลกับวิญญาณนี้หรือเปล่า แต่หากว่าได้ผล แล้วพวกเขาลงไปใช้แก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์เพื่อสะกดพวกมันในทันที มันจะไม่เป็นการเสียเปล่าหรอกเหรอ?
“ถ้าเจ้าทำได้ การให้มันกับเจ้าก็ไม่ใช่ปัญหา” ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้อึกอักแต่อย่างใด พร้อมกับเปิดปากสัญญากับเขาในทันที
ส่วนคนอื่นๆ ก็พากันมองหน้ากันด้วยความสงสัย ความมั่นใจของอี้เทียนหยุนนี้ เขาไปเอามันมาจากไหนกัน?
“ดี แล้วพวกเราจะลงไปกันเมื่อไหร่?” อี้เทียนหยุนถาม
“เรื่องนี้ไม่อาจถ่วงให้ช้าได้ หากว่าเจ้าไม่มีปัญหาอะไร พวกเราก็จะลงไปด้วยกันในตอนนี้เลย” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างจริงจัง
“ได้ ข้าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว พวกเราลงไปกันเลย” อี้เทียนหยุนพยักหน้า เรื่องนี้ไม่ควรลากถ่วงออกไปจริงๆ นั่นล่ะ ยิ่งลากออกไปนานเท่าไหร่ สถานการณ์ด้านในก็จะยิ่งหนักขึ้นไปอีก
จากนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็เป็นคนนำเข้าไป ภายใต้ความช่วยเหลือของไม้เท้าในมือ ในตอนนี้ เขาได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา ทำให้เพลิงเทียนหยินม้วนตลบ ถูกขับไล่ให้ถอยกลับไป
“เพลิงเทียนหยินนี้ จำเป็นต้องใช้เปลวเพลิงของพวกเราค่อยๆ ขับไล่กลับไปอย่างช้าๆ ตอนนี้พวกเราต้องพึ่งเจ้าให้ช่วย เพราะเปลวเพลิงนิรันดร์หากเทียบกับเปลวเพลิงฟีนิกซ์ของพวกเราแล้ว แข็งแกร่งกว่ามาก มันสามารถยับยั้งเพลิงเทียนหยินได้” ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หลังจากจบเรื่องนี้ เจ้าจะเป็นสหายของเผ่าฟีนิกซ์พวกเราตลอดกาล หากเจ้ามีความต้องการอะไร พวกเราเผ่าฟีนิกซ์จะช่วยเติมเต็มความต้องการนั้นของเจ้าอย่างสุดกำลัง!”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า ที่เขาต้องการก็คือผลลัพธ์นี้
เขาก้าวนำออกไป พร้อมกับใช้ดวงตากวาดมองเพลิงเทียนหยิน ก่อนที่จะยกมือวาดออกไปคราหนึ่ง พร้อมกับใช้ออกด้วยเคล็ดวิชากลืนสวรรค์อีกครั้ง อย่างรวดเร็ว เพลิงเทียนหยินก็ถูกสูบเข้ามาในร่างของเขาในทันที!
คนที่อยู่ใกล้ๆ พากันมองด้วยความตกใจ พวกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนจะใช้เปลวเพลิงนิรันดร์ทำลายพวกมันอย่างพวกเขาเสียอีก แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะดูดพวกมันเข้าไปในร่างแทน นี่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
“ยินดีด้วย ท่านได้รับค่าความชำนาญ 1,000, 2,000, 3,000…..”
ค่าความชำนาญเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เปลวเพลิงใต้พิภพถือเป็นประเภทเดียวกันเพลิงเทียนหยิน หลังจากดูดกลืนเข้ามา มันก็จะไปเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเปลวเพลิงใต้พิภพอย่างต่อเนื่อง
“ดีจริงๆ ดูดกลืนเปลวเพลิงเทียนหยินเข้าไป กลับไปเพิ่มค่าประสบการณ์ให้กับเปลวเพลิงใต้พิภพ หากว่าคราวนี้สามารถเพิ่มระดับเปลวเพลิงได้ นั่นคงเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ….” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย เขาแค่อยากจะลองดูเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ
ระหว่างทำลายกับดูดกลืน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการดูดกลืนเป็นเรื่องที่คุ้มค่าที่สุด
“น้องอี้ เจ้าดูดมันเข้าไปในร่างของเข้าอย่างนี้ จะไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ?” ผู้อาวุโสใหญ่กลัวว่าเขาจะทนไม่ไหว พวกเขาคิดว่าที่อี้เทียนหยุนเลือกที่จะดูดพวกมันเข้าไปในร่าง ก็เพื่อที่จะใช้เปลวเพลิงนิรันดร์ในร่างเผามัน
เพราะไม่มีใครที่สามารถมีเปลวเพลิงถึงสองชนิดได้ โดยเฉพาะเปลวเพลิงที่เป็นขั้วตรงกันข้ามอย่างนี้ พวกเขายิ่งไม่เคยเห็นมาก่อน!
“ไม่เป็นไร ให้ข้าจัดการเอง” อี้เทียนหยุนยิ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดความจริงออกไป เพราะยังไงก็คงจะไม่มีใครเชื่อ