CLS ตอนที่ 503: กลับมาแล้ว
“น้องชาย เจ้าตื่นแล้ว นี่เป็นโอสถฟื้นฟู รีบกินซะสิ!” เมื่อผู้อาวุโสใหญ่เห็นอี้เทียนหยุนตื่นขึ้นมา ก็รีบส่งโอสถฟื้นฟูให้ในทันที
ก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนนั่งเข้าสมาธิในทันที ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้พูดออกมา
“ขอบคุณผู้อาวุโสใหญ่มาก” อี้เทียนหยุนไม่เกรงใจ รับโอสถฟื้นฟูชั้น 4 เข้าปากในทันที นี่ถือว่าเป็นโอสถฟื้นฟูชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว!
เพิ่งจะเข้าปาก โอสถก็สลายกลายเป็นความเย็นแทรกเข้าไปในร่างของเขา พร้อมกับฟื้นฟูพลังวิญญาณที่เสียไปอย่างรวดเร็ว ไม่เสียทีที่เป็นโอสถฟื้นฟูชั้น 4 มันดีกว่ามากเลย หากว่าเทียบกับโอสถฟื้นฟูที่มีเขามี
ตนช่วยพวกเขาจัดการเรื่องใหญ่ พวกผู้อาวุโสใหญ่ย่อมไม่ตระหนี่ ย่อมมอบของดีเป็นการตอบแทนเป็นของธรรมดา
“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องนี้พวกเราไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะราบรื่นขนาดนี้ หากไม่มีเจ้า กระดูกผุๆ อย่างข้าคงต้องถูกฝังไว้ที่นี่” ในสายตาของผู้อาวุโสใหญ่เต็มไปด้วยความตื้นตัน หากไม่มีความช่วยเหลือนี้ ตัวเขาคงไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้
If died, is unable to continue to manage Phoenix Clan, he also wants to witness the Phoenix Clan future great strength!
“ฮี่ฮี่ เขา…. เขาเป็นคนที่ข้าพามา” ผู้อาวุโสลั่วอดไม่ได้ต้องพูดประโยคนี้ออกมาจากข้างๆ
ผู้คนพากันกรอกตาใส่เขา ทำไมยังได้พูดคำนี้ขึ้นมาอีก แต่คำพูดนี้ของผู้อาวุโสลั่ว ก็ทำให้พวกเขาค้านไม่ได้จริงๆ การมีอยู่ของเขา ทำให้งานของพวกเขาง่ายขึ้นมาก
“เอาล่ะ เอาล่ะ รู้แล้วว่าเจ้าน่ะร้ายกาจ” ผู้อาวุโสเหลยหัวเราะ อารมณ์ในตอนนี้ค่อนข้างดีอย่างมาก
ผู้อาวุโสคนอื่นก็เช่นกัน ที่จริงเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่การแก้ปัญหาในคราวนี้กลับไม่มีคนตายเลย แล้วจะไม่ให้พวกเขามีความสุขได้ยังไง?
“นี่ถือเป็นรางวัลให้เจ้า เจ้ารับเอาไว้เถอะ ก่อนหน้านี้ได้บอกแล้วว่า หากว่าไม่ได้ใช้มัน ของนี้จะตกเป็นของเจ้า” ผู้อาวุโสใหญ่รับกล่องนั้นมามอบให้กับอี้เทียนหยุน คนเราชั่วชีวิตหนึ่ง จะไม่ยอมผิดคำสัญญาอย่างแน่นอน
อี้เทียนหยุนไม่เกรงใจ จากนั้นก็ทำสีหน้าตื้นตัน “ขอบคุณผู้อาวุโสใหญ่มาก”
เขากลับแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์มา เอาไว้ถึงเวลาค่อยดูกันว่าจะใช้เองหรือให้ใครใช้ กับของที่มีคุณสมบัติเทียบได้กับอุปกรณ์ระดับเทวะนี้ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี
“ไม่ต้องเกรงใจ เพราะนี่แท้จริงแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นรางวัลได้ อันดับแรกเจ้ามากับข้าก่อน ให้พวกเราได้เลี้ยงรับรองเจ้า ให้เผ่าฟีนิกซ์เราได้ต้อนรับเจ้าอย่างสมเกียรติ” ผู้อาวุโสใหญ่เต็มไปด้วยความสุข ของรางวัลยังไม่พูดถึงชั่วคราวก่อน อย่างแรกที่ต้องทำตอนนี้คือเลี้ยงรับรอง ให้ทั่วทั้งเผ่าฟีนิกซ์รู้ถึงความดีที่เขาทำ
หากว่าขอให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงช่วย ของรางวัลที่พวกเขาต้องการนั้นน่าตกใจมาก พวกเขาต้องการแก่นโลหิต 20 หยด ซึ่งแก่นโลหิตนี้ เผ่าฟีนิกซ์ยอมได้โดยไม่มีปัญหา แต่ที่สำคัญคือพวกเขาต้องการไข่ฟีนิกซ์ 5 ฟอง ซึ่งนี้ถือว่าล้ำเส้นเกินไป
ตอนนี้ของรางวัลที่พวกเขาต้องมอบให้อี้เทียนหยุน อย่างมากก็แค่อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์สักหลายชิ้นก็พอ ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังไม่ต้องการผูกมิตรกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ดังนั้น ต่อให้พวกเขาจะไม่ร้องขอสมบัติมากมาย พวกเขาก็ยังไม่ต้องการผูกมิตรกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงอยู่ดี!
“ข้ามีเรื่องอยากถาม การสะกดปีศาจร้ายตนนี้แต่ละครั้ง จำเป็นต้องใช้แก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์ทุกครั้งเลยอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“ใช่ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะสามารถสะกดมันได้ชั่วคราว จากนั้นก็รีบทำการซ่อมแซมค่ายกลให้แล้วเสร็จโดยไว ไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะไม่สามารถเข้าไปใกล้มันได้ และก็เพราะสิ่งนี้ จึงทำให้พวกเราทำงานกันง่ายขึ้น หากว่าให้ทุ่มจิตใจทั้งหมดให้กับการซ่อมแซมค่ายกลอย่างเดียว นั่นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” ผู้อาวุโสใหญ่ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น
“ข้ารู้สึกว่าที่ท่านต้องเสียแก่นโลหิตจำนวนมากเพื่อผนึกวิญญาณร้ายนี้ เหมือนกับเป็นการทำให้มันวิวัฒนาการอย่างช้าๆ ให้มันได้มีโอกาสได้ดูดกลืนแก่นโลหิตเข้าไปอย่างต่อเนื่อง” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “ไม่อย่างนั้น วิญญาณร้ายตนนี้จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ได้ยังไง? ในสถานะถูกผนึก แต่เขากลับมีพลังงานให้ดูดกลืนไม่หยุด?”
“นี่….”
พวกเขาพากันหน้ากัน แต่ละคนต่างก็เผยแววตาตื่นตระหนก หากคิดตามคำที่อี้เทียนหยุนบอก มันก็มีโอกาสเป็นไปได้จริงๆ หลังจากผ่านมานาน พลังของมันก็ได้ปรับเข้ากับแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์นี้
“มันถูกผนึกอยู่ในนั้นมานาน มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นแบบนั้นจริงๆ…. วิญญาณร้ายถูกปิดผนึกมานาน พลังงานที่ดูดกลืนเข้าไปได้มีอยู่จำกัดมาก เอาจริงๆ แล้วก็ไม่น่าที่จะทำลายผนึกออกมาได้ หรือว่าสิ่งที่พวกเราทำเมื่อก่อนหน้าจะเป็นเรื่องที่ผิดจริงๆ?” หลังจากพวกผู้อาวุโสได้คิด ก็พากันรู้สึกตกใจ
“แต่ไม่ว่าจะยังไง วิญญาณร้ายตนนี้จะต้องถูกถอนรากถอนโคนในไม่นานอย่างแน่นอน ไว้ให้หัวหน้าเผ่ากลับมา ท่านจะต้องตัดสินใจเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน!” ผู้อาวุโสลั่วกับพวกพากันพยักหน้า จากสีหน้าที่มีความสุขเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที
แม้ว่าจะผนึกสำเร็จ แต่วิญญาณร้ายก็ยังไม่ตาย หากว่าเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเขาไม่ต้องผนึกมันทุกครั้งหรือยังไง?
เมื่อคิดอย่างนี้พวกเขาก็พากันมองมาที่อี้เทียนหยุน จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็พูดขึ้นว่า “สหายน้อย หากว่าต้องมีการผนึกเกิดขึ้นอีก หวังว่าเจ้าจะมาช่วยพวกเราสะกดวิญญาณร้ายตนนี้ จนกว่าพวกเราจะมีความสามารถกำจัดมัน! แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องให้รางวัลที่สมเหตุสมผลกับเจ้า จะไม่ทำเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเด็ดขาด!”
“นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว เหยียนเอ๋อก็อยู่ที่นี่ ข้าต้องกลับมาดูเป็นพักๆ เป็นธรรมดา” อี้เทียนหยุนคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดออกไปตรงๆ “ที่จริงแล้วครั้งนี้ ข้ามีความคิดหนึ่งอยากจะพูดกับทุกๆ คนเหมือนกัน”
“มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ได้เลย หากช่วยได้ พวกเราย่อมต้องช่วยอย่างแน่นอน!” ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกพูดอย่างจริงจัง
“งั้นก็จะขอบอกความจริงกับทุกคนเลยแล้วกัน ข้ามีความแค้นกับหมิงเฉินแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสลั่วคงจะเห็นแล้ว” อี้เทียนหยุนพูดออกมา “ดังนั้นข้าจึงอยากจะให้ทุกคนช่วย ร่วมมือกับข้าจัดการกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง!”
“นี่…..”
ในใจพวกเขาพากันสั่นสะท้าน ร่วมมือกันจัดการกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง นี่มันเป็นการต่อต้านขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ เมื่อถึงตอนนั้น จะต้องเผชิญกับการสูญเสียที่ถึงชีวิตอย่างแน่นอน
“ข้าไม่ได้จะให้ทุกคนส่งผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่ออกมาเพื่อสนับสนุน แต่อยากจะให้คอยก่อกวนพวกเขาไว้ อย่าให้พวกเขาไปยังโลกมนุษย์ได้ ขุมอำนาจของข้าตั้งอยู่ในโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงกังวลว่าพวกถูกพวกเขาโจมตี” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง
“จริงอยู่ที่พวกเขาไม่ชอบขี้หน้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง แต่หากจะให้โจมตีพวกเขา มันก็ย่อมจะก่อให้เกิดปัญหานับไม่ถ้วนตามมา เรื่องนี้จำต้องตัดสินใจให้ดี” ผู้อาวุโสใหญ่พุดออกมาตรงๆ “หากไม่ใช่ศัตรูที่อยากอยู่ร่วมโลก พวกเขาก็ไม่อยากทำอะไรจนถึงขั้นนั้น แต่หากว่าให้คอยก่อกวนพวกเขา เรื่องนี้ถือว่าไม่มีปัญหา”
“แน่นอนว่าขุมอำนาจที่อยู่ในโลกมนุษย์ของเจ้านั้น เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง การจะไปยังโลกมนุษย์จากโลกวิญญาณนั้น ไม่ใช่จะไปกันได้ง่ายๆ หากว่ามีระดับที่แข็งแกร่งเกินไป ก็ไม่สามารถออกไปได้ อย่างตัวหมิงเฉินเองก็ออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงส่งกองทัพที่ใช้การไม่ได้ออกไปเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไร” ผู้อาวุโสใหญ่พูด “หากว่าผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเกินไปออกไปยังโลกมนุษย์ ก็ง่ายมากที่จะทำให้โลกพังทลาย ดังนั้นจึงไม่สามารถออกไปได้ ข้อนี้เจ้าสามารถวางใจได้เลย”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง….”
อี้เทียนหยุนคิดมาถึงตรงนี้ ในใจก็สงบลงมาก ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยังโลกมนุษย์ หมิงเฉินก็แค่ขู่เขาให้กลัวเท่านั้น
“แล้วต้องระดับสูงแค่ไหนถึงจะไม่สามารถออกไปได้?” อี้เทียนหยุนถาม
“ระดับราชาวิญญาณขั้นท้ายก็ยากที่จะออกไปแล้ว นอกจากว่าจะกดพลังของตัวเอง จึงจะมีโอกาสออกไปได้ ยังไงก็ตาม หากคิดจะสร้างความเสียเปรียบให้กับเจ้า พวกเขาก็จะส่งแค่ระดับราชาวิญญาณขั้นต้นเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นระดับวิญญาณเที่ยงแท้” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างจริงจัง “ซึ่งเรื่องนี้ ข้าจะช่วยเจ้าจับตาดูเอง หากว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงมีการเคลื่อนไหวอะไร ข้าจะส่งข่าวให้เจ้ารู้ในทันที”
“เรื่องนี้คงต้องรบกวนผู้อาวุโสใหญ่แล้ว…..” อี้เทียนหยุนพูดด้วยความรู้สึกตื้นตันอย่างมาก
“แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงจะต้องถูกเขาทำลายอย่างสิ้นซากแน่นอน!”
ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเสียงที่น่าสนใจดังมาจากข้างบน น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยอำนาจที่น่าหลงใหล จากนั้น ก็ได้มีร่างสีแดงร่อนลงมาจากด้านบน
เมื่อพวกผู้อาวุโสใหญ่เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พลันพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “ท่านหัวหน้า…..”