CLS ตอนที่ 510: สยบ!
มีฟีนิกซ์มากมายล้อมรอบอี้เทียนหยุนรอให้เขาเลือก ซึ่งนี่ทำให้ทุกคนพากันตกใจจริงๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะต้องยากมากแน่ๆ แต่กลายเป็นว่าถูกยอมรับด้วยความท่วมท้นแทน
หากจะให้ฟีนิกซ์ให้การยอมรับ ก็จำเป็นต้องแสดงพลังหรืออื่นๆ ออกมา เมื่อปลดปล่อยพลังของตนออกมา ก็จะเป็นการดึงดูดฟีนิกซ์เข้ามาหาตน
อี้เทียนหยุนที่อยู่ตรงนั้นทำการปลดปล่อยเปลวเพลิงนิรันดร์ออกมา ทำให้สามารถดึงดูดฟีนิกซ์ส่วนใหญ่มาได้ นี่ถือเป็นการเปิดตัวที่แสนยิ่งใหญ่ โดยที่ไม่ได้มีการบังคับเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งนี่ทำให้ผู้อาวุโสของเผ่าฟีนิกซ์ได้แต่ส่ายหัวซ้ำๆ คิดว่าฟีนิกซ์พวกนี้ช่างติดกับง่ายจริงๆ หากว่าเป็นการบังคับให้เกิดเรื่องเช่นนี้ก็ยังจะดีหน่อย ยังไงก็ตาม ฟีนิกซ์น้ำเงินครามที่แสนเย่อหยิ่งตัวนั้นก็ได้ช่วยรักษาหน้าพวกเขาไว้หน่อยนึง
“สมแล้วที่เป็นฟีนิกซ์น้ำเงินคราม ไม่ว่าใครต่อใครที่เข้ามาท้าทายก็ล้วนแต่ต้องจบลงด้วยความล้มเหลวในที่สุด” ไป๋สุ่ยหวงแสดงรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนี้เย่อหยิ่งอย่างมาก ไม่ว่าใครที่เข้ามาทดสอบ ล้วนแต่ต้องการมันมาเป็นสัตว์คู่กายด้วยกันทั้งนั้น
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะทำยังไง ก็ไม่สามารถได้รับความชื่นชอบจากฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนี้
“มากับข้า แล้วข้าจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น!” อี้เทียนหยุนชี้มือไปยังฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนั้น พร้อมกับบอกให้มันเลือกมากับตน
ฟีนิกซ์น้ำเงินครามยกหัวมองมาที่นี่ ในสายตาสีครามคู่นั้นเต็มไปด้วยความดูถูก ช่างคุยโวเสียจริง มันไม่เชื่อว่าอี้เทียนหยุนจะทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นได้
เห็นอี้เทียนหยุนพ่ายแพ้ ก็ได้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายพากันยิ้ม พวกเขาไม่ได้ไม่ชอบอี้เทียนหยุน กลับกัน พวกเขากลับรู้สึกขอบคุณอี้เทียนหยุนอย่างมาก แต่ได้เห็นเขาพ่ายแพ้อย่างนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีกว่า ถึงยังไงแล้ว หากว่าเขาได้รับการยอมรับง่ายเกินไป มันจะทำให้คุณค่าของทูตศักดิ์สิทธิ์ไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียว
แน่นอนว่านี่ก็ถูกจำกัดอยู่ที่ฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนั้นตัวเดียว หากว่าเขาต้องการเป็นแค่ทูตศักดิ์สิทธิ์ เขาก็สามารถขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เพราะยังไงก็ได้มีฟีนิกซ์ห้อมล้อมเขาไว้มากมาย พร้อมที่จะให้เขาเลือกได้ทุกเมื่อ แล้วอย่างนี้เขาจะล้มเหลวได้ยังไง?
“ไม่สนใจอย่างงั้นเหรอ แล้วรู้จักนี่หรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไป พร้อมกับจุดเปลวเพลิงนิรันดร์ขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ฟีนิกซ์ที่อยู่รอบๆ ถูกขับไล่ให้ถอยออกไปเพราะอุณหภูมิที่สูงของมัน
ฟีนิกซ์ทั้งหลายนอกจากจะชื่นชอบในศีลธรรมของอี้เทียนหยุนแล้ว พวกมันยังให้ความสำคัญต่อเปลวเพลิงนิรันดร์นี้อีกด้วย เมื่อการฝึกตนของพวกมันมาถึงจุดสูงสุด ก็จะมีโอกาสได้ควบคุมเปลวเพลิงนิรันดร์นี้เช่นกัน ดังนั้นพวกมันจึงต้องการติดตามอี้เทียนหยุน
หลังจากเห็นเขาจุดเปลวเพลิงนิรันดร์ขึ้นมา ฟีนิกซ์น้ำเงินครามก็เพียงมองมาที่เขาคราหนึ่ง จากนั้นก็ไม่สนใจอีก ไม่เหมือนฟีนิกซ์ตัวอื่นๆ ที่มีสายตาเต็มไปด้วยความหวัง
“ฮ่าๆๆ แม้แต่เปลวเพลิงนิรันดร์ก็ไม่ได้ผล ฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนั้นจะถูกเปลวเพลิงนิรันดร์ล่อลวงได้ยังไง? เปลวเพลิงนิรันดร์สำหรับมันแล้ว ไม่ได้มีความหมายอะไรแม้แต่น้อย”
“ใช่ ดูเหมือนว่าจะนานแล้วที่ไม่เห็นใครต้องการจับฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนี้ แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ได้ผล”
“ถูกแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ก็ทำให้เขารู้ว่าฟีนิกซ์ของเรา ไม่ใช่ว่าจะจับไปได้อย่างง่ายดาย”
ผู้อาวุโสพากันยิ้มอย่างมีความสุข คิดว่าต่อให้อี้เทียนหยุนทำยังไงก็ไม่ได้รับการตอบรับกลับมา ไม่สามารถดึงดูดฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนั้นได้ ไม่ใช่เพราะระดับเหนือกว่าแล้วจะทำให้มันเต็มใจติดตามเจ้า นอกจากนั้นยังต้องคุณสมบัติธาตุที่สูงกว่า และยังต้องมีความคุ้นเคยจนร่วมมือกันได้
“พ่อของเจ้าครั้งนี้คงไม่มีทางสยบฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนั้นได้ คงได้แต่เลือกฟีนิกซ์ตัวอื่นแทนแล้วล่ะ ฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเอาชนะใจของมันได้” ไป๋สุ่ยหวงยิ้ม ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอี้เทียนหยุนน่าจะสยบฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนี้ได้ แต่ไม่คิดว่าจะล้มเหลวในที่สุด
“ท่านพ่ออย่ายอมแพ้ ทำให้พวกเขารู้ว่าท่านร้ายกาจแค่ไหน จับเจ้านกยักษ์นั่นมาเลย!” เหยียนเอ๋อชูหมัดน้อยๆ ของเธอขึ้น เติมพลังให้กับอี้เทียนหยุน
อี้เทียนหยุนหันไปมอง พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีปัญหา ไว้ข้าทำสำเร็จ จะพาเจ้าขี่มันไปบินเล่นให้สนุกเลย!”
ผู้อาวุโสคนอื่นพากันส่ายหัว คำพูดใครก็พูดได้ แต่กลัวว่าจะทำไม่ได้น่ะสิ ทั้งยังจะทำให้เด็กรู้สึกผิดหวังอีก
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็มองไปยังฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนั้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ดูเหมือนว่าเปลวเพลิงนิรันดร์จะไม่สามารถดึงดูดเจ้าได้ แล้วนี่ล่ะเป็นไง?”
เห็นเพียงเขายื่นมือออกไป พร้อมกับจุดเปลวเพลิงใต้พิภพระดับปฐพีขั้นสูงขึ้น จนก่อให้เกิดบรรยากาศเย็นเยือกกวาดออกไปทุกพื้นที่ พร้อมกับขับไล่ฟีนิกซ์จำนวนมากกลับไป ไม่กล้าเข้ามาใกล้ที่นี่อีก
ภายใต้เปลวเพลิงใต้พิภพนี้ รอบๆ ก็พลันกลายเป็นดินแดนน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ขนาดลาวาที่ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องยังถูกความเย็นสุดขั้วนี้ผนึก พร้อมกับค่อยๆ กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไป
“แกว๊ก!”
ฟีนิกซ์น้ำเงินครามร้องออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนบนต้นอู่ถงเพลิง ในตอนนี้ด้านล่างของมันได้ปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งไปเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันเป็นธาตุน้ำแข็ง ไม่ใช่ไฟ
เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนเรียกเปลวเพลิงใต้พิภพออกมา ผู้คนทั้งหลายก็พากันตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะมีเปลวเพลิงใต้พิภพซึ่งเป็นเพลิงหยินด้วย
มีเปลวเพลิงนิรันดร์แล้วยังมีเพลิงหยินอีก นี่มันเป็นไปได้เหรอ? คำตอบก็คือเป็นไปได้ เพราะอี้เทียนหยุนที่อยู่ตรงนั้นได้แสดงคำตอบเรื่องนี้ออกมาแล้ว ทำให้พวกเขาได้เห็นว่าคนเพียงคนเดียว แต่ว่ามีเปลวเพลิงถึงสองชนิด
และที่สำคัญคือหนึ่งหยินและหนึ่งหยาง ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกตกใจจริงๆ
“นะ นี่คือเปลวเพลิงใต้พิภพ เขาสามารถควบคุมเปลวเพลิงใต้พิภพได้ด้วย…..”
“ไม่เพียงแต่มีเปลวเพลิงนิรันดร์เท่านั้น แต่ยังมีเปลวเพลิงใต้พิภพอีก นี่มันเป็นไปได้ยังไง….”
“นี่ช่างไม่น่าเชื่อยิ่งนัก ถึงกับสามารถควบคุมเพลิงหยินได้ หรือว่าที่สามารถจัดการเพลิงเทียนหยินได้อย่างราบคาบเมื่อก่อนหน้านี้ จะเป็นเพราะว่ามีเปลวเพลิงใต้พิภพมาเกี่ยวข้อง?”
เหล่าผู้อาวุโสพากันตาโตด้วยความตกใจอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ที่ทำให้ฟีนิกซ์มากมายให้การยอมรับก็ถือว่าน่าตกใจแล้ว มาตอนนี้ยังสามารถควบคุมเปลวเพลิงได้ถึงสองชนิดอีก เทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว นี่ยังน่าตกใจยิ่งกว่า เพราะว่าเปลวเพลิงทั้งสองชนิดนี้เปรียบเสมือนน้ำกับไฟที่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่ก็ได้ปรากฏขึ้นในร่างของคนๆ เดียวกัน
ที่สำคัญคือฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนั้นได้บินมาอย่างรวดเร็ว บินเข้ามาหาอี้เทียนหยุนโดยไม่มีการลังเล ดูแล้วเหมือนมันจะตื่นเต้นกับเปลวเพลิงใต้พิภพนี้มาก พร้อมกันนั้นก็ “พรึบ” เปลวเพลิงใต้พิภพก็ได้ผุดขึ้นบนร่างของมันเช่นกัน พร้อมกับแช่แข็งพื้นที่รอบๆ จนกลายเป็นดินแดนน้ำแข็งไปแถบหนึ่ง
ข้างล่างหนึ่งคนหนึ่งสัตว์ตอนนี้ จากลาวาที่ร้อนแรง พริบตาก็ได้เป็นเย็นเยือก เป็นหลักฐานชั้นดีว่าเปลวเพลิงใต้พิภพนี้มีความเย็นที่น่าสะพรึงขนาดไหน
“เจ้าเต็มใจที่จะกลายมาเป็นสหายของข้าหรือไม่?” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา เขาเห็นอยู่ก่อนแล้ว ว่าฟีนิกซ์น้ำเงินครามตัวนี้เป็นฟีนิกซ์น้ำแข็ง ดังนั้นเปลวเพลิงนิรันดร์จึงใช้ไม่ได้ผลกับมัน
และก็ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย ในที่สุดก็สามารถดึงดูดมันเข้ามาได้ด้วยเปลวเพลิงใต้พิภพ
ในเผ่าฟีนิกซ์มีเปลวเพลิงอยู่น้อยชนิดมาก ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเย่อหยิ่ง แต่เป็นเพราะว่าเปลวเพลิงพวกนั้นไม่เหมาะกับพวกเขา ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะจุดขึ้นมาได้
คุณสมบัติของแต่ละธาตุล้วนแต่ไม่เหมือนกัน ทั้งยังมีข้อจำกัดอย่างเข้มงวด ดังนั้น อย่างแรกที่ต้องดูคือความเข้ากันได้ของธาตุ
ในเผ่าก็มีหลายคนมากที่มีแค่เพลิงฟีนิกซ์ธรรมดา ไม่ใช่เพราะพวกเขาปิดรับ จึงได้ปฏิเสธ แต่ตอนนี้อี้เทียนหยุนกลับแสดงเปลวเพลิงใต้พิภพออกมา ถือเป็นการบอกต่อพวกเขาว่ามีวิธีที่จะทำให้มีเปลวเพลิงได้หลายชนิด ทั้งยังสามารถเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
“แกว๊ก…..”
ฟีนิกซ์น้ำเงินครามร้องออกมา เป็นเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความสดใสอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามันยอมรับที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงของอี้เทียนหยุนอย่างไม่ต้องสงสัย
“ดี จากวันนี้ไป เจ้าจะเป็นสหายของข้า!”
อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไปลูบขนของมัน พร้อมกับยิ้มออกมาที่การสยบเป็นไปอย่างราบรื่น