CLS ตอนที่ 520: ห้องเก็บสมบัติ
“ติ๊ง ท่านสังหารเหมินหู่สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 130 ล้าน, ค่าความคลั่ง 13,000, ค่าความชั่ว 5,000, ได้รับไอเทม ชุดเกราะเทียนหู่(ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง), กรงเล็บเทียนหู่(ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง), สายเลือดพยัคฆ์ฟ้า(ระดับปฐพีขั้นกลาง, หายาก), โอสถลดคูลดาวน์(หายาก, สามารถลดคูลดาวน์ความสามารถทุกอย่างในครั้งเดียว)!”
เหมินหู่มีชีวิตต่อได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกอี้เทียนหยุนจัดการ พวกเขาไม่อยากจะมาเสียเวลามากที่นี่ หากว่ามีคนมาเจอเข้า การลอบเข้ามาของพวกเขาอาจเป็นปัญหา ดังนั้นจึงทำได้เพียงรีบจบชีวิตของเหมินหู่
แต่อย่างน้อยปัญหานี้ก็ได้ถูกพวกเขาแก้ไขแล้ว ได้ล้างแค้นให้กับเหล่าผู้คนที่ตายไป
“ไม่มีรางวัลต่อสู้ข้ามระดับเลย ระบบช่างขี้ตืดจริงๆ…..”
อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว เขาคิดว่าน่าจะได้รางวัลเพิ่มเติม แต่ใครจะรู้ ว่าแม้แต่ระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 3 ก็ยังไม่มีรางวัลต่อสู้ข้ามระดับมอบให้เขา ยังไงก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากที่เขาปะทุพลังทั้งหมดออกมา เขาก็สามารถบดขยี้ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 3 ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น หากคิดอยากจะได้รางวัลพิเศษ คิดว่าคงยากมากๆ อย่างแน่นอน
“ปะ ไปจากที่นี่กัน” อี้เทียนหยุนจัดการเผาศพพวกนี้จนเป็นขี้เถ้า จากนั้นก็เก็บใส่กล่อง ไว้หลังจากนี้ค่อยหาที่ฝัง
เขาไม่อยากให้ศพพวกนี้ต้องอยู่ที่นี่ เพราะว่ามันลำบากมากกว่าจะได้รับความสงบ
พวกผู้อาวุโสลั่วพากันพยักหน้า จากนั้นก็พากันจัดร่างของเหมินหู่ลงไปแช่ในบ่อเลือด พร้อมกับจัดท่าทาง หากว่ามีผู้คุ้มกันเปิดประตูเข้ามา ก็จะคิดว่าเหมินหู่นั้นกำลังหลับอยู่
สิ่งนี้เพียงแค่ทำให้พวกเขาล่าช้าลงนิดหน่อย แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา
“ทูตศักดิ์สิทธิ์ พลังของเจ้าร้ายกาจมาก ขนาดระดับราชาวิญญาณยังถูกเจ้าสังหารอย่างง่ายดาย?” พวกเขาพากันมีความคิดใหม่ต่อความแข็งแกร่งของอี้เทียนหยุน ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกตกใจจริงๆ ขนาดตอนนี้ยังไม่ได้สติดีเลย
“ใช่ หรือว่าเจ้ามาถึงระดับราชาวิญญาณแล้ว?”
พวกเขาคิดว่าตัวเองประเมินพลังของอี้เทียนหยุนสูงมากแล้ว ก่อนหน้านี้คิดว่าอี้เทียนหยุนแค่เป็นคนกล้าสุดๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจผิด จนก่อให้เกิดสถานการณ์แบบปัจจุบันขึ้น
พริบตาก็จัดการควบคุมเหมินหู่จนอยู่หมัด หากเปลี่ยนเป็นคนใดคนหนึ่งในพวกเขา จะมีใครบ้างที่ทำได้สำเร็จ?
“ระดับราชาวิญญาณนั้นยังไม่ถึง ข้าในตอนนี้เป็นแค่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้เท่านั้น” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่ข้าชนะเป็นเพราะว่าลอบโจมตี และเขาก็ขาดการระมัดระวัง จึงทำให้ถูกข้าจัดการได้อย่างง่ายดาย”
พวกเขาพากันหน้ากัน แม้ว่าอี้เทียนหยุนจะพูดอย่างนั้น แต่ในใจของพวกเขาก็พากันคิดต่าง อย่างน้อยในตอนนี้พวกเขาก็ไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ แต่จัดให้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณแทน
จริงอยู่ว่าถ้าหากอยู่ในระดับวิญญาณเที่ยงแท้ รวมกับความสามารถบางอย่างจะทำให้โอกาสในลอบสังหารประสบความสำเร็จสูง แต่เถ้าแก่เย่ก็ได้ถามตัวเองแล้ว ว่าหากเป็นคนคงไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้ เขาไม่รู้ว่าตนจะทำได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างอี้เทียนหยุนหรือเปล่า แค่พึ่งความสามารถในการเคลื่อนย้ายในพริบตาเพียงอย่างเดียว ไม่มีทางที่จะสิ่งที่น่าตระหนกขนาดนี้ได้อย่างแน่นอน?
ไม่มีใครรู้ว่าอี้เทียนหยุนความสามารถล่องหนอยู่ ต่อให้เป็นระดับราชาวิญญาณเองก็ไม่สามารถค้นพบแม้แต่หางของเขา เพราะว่านี่คือประสิทธิภาพของความสามารถศักดิ์สิทธิ์!
หากว่าไม่มีผู้อาวุโสทั้งสาม อี้เทียนหยุนคงเดินดุ่มๆ ออกไปจากที่นี่แล้ว เพราะว่าหลังจากใช้ความสามารถล่องหน ย่อมไม่มีใครค้นพบตัวเขาอย่างแน่นอน นอกจากว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณขั้นสูง หรือว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางค้นพบตัวเขาอย่างเด็ดขาด
ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นของล่องหน ทำให้ในระดับราชาวิญญาณไม่สามารถหาตัวเขาพบ นอกจากว่าจะเป็นระดับราชาวิญญาณที่ท้าทายสวรรค์ ไม่อย่างนั้นไม่มีหาพบเลยจริงๆ
ยังไงก็ตาม ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถขัดขวางเขา อย่างเช่นค่ายกลประเภทจับขัง เพราะต่อให้เป็นความสามารถล่องหน ก็ไม่มีวิธีที่จะหลบค่ายกลนี้ไปได้
“ด้านหน้าก็เป็นเขตของห้องเก็บสมบัติแล้ว แต่ว่าที่นี่ไม่มีทางนำไปสู่ห้องเก็บสมบัติโดยตรง ดังนั้นจึงทำได้เพียงโจมตีเข้าไปตรงๆ เลย” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง
พวกเขาพยักหน้า นี่เป็นการต่อสู้ที่สำคัญที่สุด เมื่อขโมยเสร็จ จะต้องรีบจากไปในทันที ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ต่อ
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็มาถึงที่หมาย อี้เทียนหยุนทำการเคาะด้านล่างกำแพงเบาๆ จากนั้นประตูหินก็ “แอ๊ด” เปิดออกเล็กน้อย ประตูหินนี้ไม่ได้ทำเสียงดัง ไม่อย่างนั้นมันจะต้องเรียกคนมาอย่างแน่นอน
หลังจากเข้ามา ประตูหินก็ปิดอย่างรวดเร็ว สถานที่พวกเขาเข้ามานี้ ค่อนข้างที่จะเป็นมุมอับ เป็นเพียงมุมๆ หนึ่ง ดังนั้นหลังจากที่เข้ามา จึงไม่พบกับกลุ่มผู้คุ้มกันอะไร
พวกเขาพากันส่งสัญญาณทางสายตา พร้อมกับรีบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พากันเดินไปด้านหน้า หลังจากหลุดโค้งมา ที่ปรากฏต่อสายตาก็คือประตูบานหนึ่ง ซึ่งมีผู้คุ้มกันระดับวิญญาณเที่ยงแท้เฝ้าอยู่ 4 คน ดูแล้วท่าทางเหยาะแหยะ
พวกเขาคงจะคิดว่าไม่มีใครบุกเข้ามาถึงที่นี่ ดังนั้นจึงเฝ้าที่นี่ด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ไม่ก็พูดคุยกัน
แต่อย่างรวดเร็ว ก็ได้มีคนขนบางอย่างมา หลังจากที่ผู้คุ้มกันตรวจแล้ว ก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “อืม ถูกต้อง เจ้าไปได้”
ผู้ฝึกตนที่ขนของมานั้นพยักหน้า พร้อมกับหลบไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นผู้คุ้มกันก็เปิดประตู ของที่คนผู้นั้นนำมา แท้จริงแล้วคือแหวนเก็บของ ส่วนข้างในจะเป็นอะไรนั้น อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน
ไม่นาน ผู้ฝึกตนก็มาส่งของแล้วเสร็จ คิดว่าไป๋สุ่ยหวงคงได้ข่าวมาจากผู้ฝึกตนเหล่านี้ แต่ว่าของจะมากแค่ไหนนั้น อันนี้ก็ไม่แน่ใจ
แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร มันก็ต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน และสิ่งที่ผู้ฝึกตนพวกนั้นขนมาก็เรียบง่ายและธรรมดามาก หากไม่เป็นสมุนไพรก็ต้องเป็นโอสถ แม้ว่าจะไม่ใช่อาวุธและเครื่องป้องกัน แต่ว่าสมุนไพรก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า เพราะว่านี่ถือเป็นรากฐานของการฝึกตน ดังนั้นยิ่งมีมากยิ่งดี
ผู้ฝึกตนที่มาส่งของพวกนี้ ต่างก็มาส่งสมุนไพร ไม่ก็โอสถ ส่วนของอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้นั้นไม่มี
“แท้จริงแล้วในนั้นมีอะไรกันแน่ จะว่าเป็นที่เก็บสมุนไพรหรือโอสถจำนวนมากก็ไม่น่าจะใช่” ผู้อาวุโสลั่วกับพวกพากันมองเข้าไปยังด้านข้างของประตู แล้วพากันขมวดคิ้ว
อี้เทียนหยุนส่งสัมผัสวิญญาณออกไป แต่ก็พบว่ายากที่จะตรวจดูภายใน เพราะว่าสัมผัสวิญญาณของเขาไม่สามารถผ่านประตูเข้าไปได้ เหมือนว่าจะถูกป้องกันไว้อย่างสมบูรณ์ ทำให้การตรวจสอบนั้นยากกว่าข้างนอกมาก ด้านนอกสามารถใช้กำลังเข้าจัดการได้ แต่ด้านในกลับไม่สามารถตรวจสอบ ถือว่าปกปิดเป็นความลับไว้อย่างดี
“แต่ไม่ว่าที่นั่นจะมีอะไร ไว้เราบุกเข้าไปเดี๋ยวก็รู้เอง การจัดการกับผู้คุ้มกันสี่คนนั้นไม่ยากเท่าไหร่ ทั้งในช่วงเวลาหนึ่งก็มีคนมาที่นี่ไม่มากด้วย”
พวกเขากวาดตามอง มีคนมาลาดตระเวนที่นี่ไม่มากนัก ประมาณช่วงธูปไหม้หมดดอกก็จะมาครั้งหนึ่ง และหลังจากนั้นสักพักก็จะมีผู้ฝึกตนเอาสมุนไพรมาส่ง
หลังจากเอาของเข้าไปเก็บแล้วเสร็จ ไม่นานผู้คุ้มกันก็ออกมา
“เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว ลุย!” อี้เทียนหยุนกับพวกหลังจากที่เห็นว่าได้เวลาเหมาะ ก็ทำการพุ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเล ผู้คุ้มกันทั้งสี่ยังไม่ทันได้รู้ตัว ก็ถูกพวกเขาทั้งสี่คนจัดการไปอย่างง่ายดาย ไม่ทันแม้แต่จะได้ส่งเสียงออกมา
หลังจากจัดการเสร็จ พวกเขาก็พากันเปิดประตูอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลากศพคนทั้งสี่เข้ามา พริบตาก็หายไปจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้ามา อี้เทียนหยุนก็ได้กวาดตามอง และทันใดนั้น เขาก็พลันแสดงสีหน้าตกใจอย่างสุดๆ เพราะตรงหน้าเขานั้นไม่ใช่สมุนไพรหรือโอสถจำนวนมาก แต่ว่าเป็นสัตว์อสูรที่มีอยู่อย่างมากมายก่ายกอง!