ตอนที่ 548: ป้อมปราการ
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว พลังของเจ้ายังไม่ถึงระดับราชาวิญญาณ ย่อมไม่สามารถที่จะควบคุมที่นี่ได้อย่างแท้จริง ดังนั้นพลังที่แสดงออกมาได้จึงมีอยู่อย่างจํากัด ไม่อย่างนั้นต่อให้พวกนั้นคิดจะหนี ก็ไม่มีทางผ่านชั้นที่ 1 ไปได้อย่างแน่นอน!”
วิญญาณลวงตามองมาที่เขาแล้วพูดต่อว่า “นายท่านคนก่อนเป็นผู้สร้างมหาค่ายกลป้องกัน นั้นขึ้นมาหากว่ามีใครฝืนโจมตีเข้ามา สิ่งที่ต้องการก็แค่ให้ผู้สืบทอดนั่งควบคุมอยู่ที่นี่ แค่นี้ก็จะสามารถโจมตีสวนกลับไปได้! ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นผู้เชียวชาญระดับราชาเซียน ก็ยังสามารถสังหารได้อยู่ดี แต่ระดับของราชครูผู้นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อ่อนแอ แต่สุดท้ายก็ยังสามารถสร้างความเสียหายให้กับเขาได้อยู่ดี”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า พลังของเขานั้นแข็งแกร่งทั้งยังทรงพลังอย่างมาก สามารถเทียบได้กับ ระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 7 ด้วยซ้ํา แต่ที่นี่จําเป็นต้องมีระดับอยู่ในขั้นราชาวิญญาณอย่างแท้จริง ต่อให้เขาจะสามารถต่อสู้ข้ามระดับจนสามารถสังหารราชาเซียนได้ แต่ระดับที่แท้จริงของเขา ก็ยังคงเป็นระดับวิญญาณเที่ยงแท้อยู่ดี
ซึ่งนี่ถือว่าเป็นพลังที่อฟังการอย่างมาก แต่ว่ากฏก็ต้องเป็นกฏ เขาไม่สามารถทําอะไรกับมันได้จริงๆ
“อืม แล้วการโจมตีนี้สามารถโจมตีได้อีกกี่ครั้ง?” อี้เทียนหยุนคิดว่าเจ้าสิ่งนี้ทรงพลังอย่างแท้จริง แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถโจมตีได้สักกี่ครั้ง
“เนื่องจากมีรวบรวมพลังวิญญาณได้ไม่เพียงพอ แต่ก็พอที่จะสามารถโจมตีได้อีกสามครั้ง” วิญญาณลวงตาตอบด้วยความสัตย์จริง
ตอนนี้อี้เทียนหยุนได้กลายเป็นผู้สืบทอดแล้ว ดังนั้นเขาจําเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง จะเสียก็แต่ระดับของเขายังไม่ถึงขั้น ไม่อย่างนั้น อี้เทียนหยุนก็จะกลายเป็นเจ้านายของที่นี่อย่างเป็นทางการ
“โจมตีได้อีกสามครั้ง แล้วหลังจากโจมตีสามครั้งนี้ออกไปแล้วล่ะ?” อี้เทียนหยุนถาม “เมื่อถึงตอนนั้น แล้วต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าที่จะโจมตีได้อีกครั้ง?”
“จากพลังวิญญาณที่รวบรวมมาได้จากค่ายกลรวมวิญญาณนี้ คงน่าจะใช้เวลาประมาณสองวันถึงจะสามารถโจมตีแบบนี้ได้อีกหนึ่งครั้ง แต่หากว่าเจ้าสามารถหาหินวิญญาณหยกที่บริสุทธิ์มาได้ก็จะสามารถโจมตีได้ต่อทันที” วิญญาณลวงตาตอบ
“ใช้หินวิญญาณหยกเพื่อโจมตี นี่ไม่เท่ากับว่าเป็นป้อมปราการที่ทรงพลังแห่งหนึ่งหรอกเหรอ?” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย นี่มันสามารถใช้จัดการกับระดับราชาเซียนได้เชียวนะ
หากผู้เชี่ยวชาญระดับต่ํากว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ เพียงปืนใหญ่นี้แล่นผ่าน ก็จะสามารถถล่มเมืองได้ในทันที!
จะน่าเสียดายก็แต่มันไม่ให้ค่าประสบการณ์กับเขา คงต้องรอหลังจากพลังของเขาเข้าสู่ระดับราชาวิญญาณแล้วกลายเป็นเจ้านายของที่นี่เสียก่อน แบบนั้นถึงจะได้ค่าประสบการณ์
“ใช่ ตราบเท่าที่พลังวิญญาณเพียงพอ ก็จะสามารถโจมตีได้” วิญญาณลวงตาพูด
“นี่มันช่างร้ายกาจจริงๆ แต่ว่าต้องใช้หินวิญญาณหยกจํานวนเท่าไหร่ถึงจะพอยิงได้ หนึ่งครั้ง?” อี้เทียนหยุนพยักหน้าแล้วถามขึ้น
“การยิงแต่ละครั้ง จําเป็นต้องใช้หินวิญญาณหยกประมาณ 1 ล้านก้อน” วิญญาณลวงตาตอบ
“หือ? เจ้าบอกว่าจํานวนเท่าไหร่นะ?” อี้เทียนหยุนสงสัยว่าตนจะฟังผิด
“หินวิญญาณหยก 1 ล้านก้อนต่อการยิงหนึ่งครั้ง” วิญญาณลวงตาตอบด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
“หินวิญญาณหยก 1 ล้านต่อการยิงหนึ่งครั้ง นี่มันแพงเกินไปแล้ว..” อี้เทียนหยุนถึงกับสูดหายใจเฮือก แม้ว่าเขาจะมีสมบัติมากมาย แต่กับราคานี้ การยิงแต่ละครั้งของมัน เทียบได้กับราคาของอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ํา 1 ชิ้นเลยทีเดียว
แม้อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะมีมาก แต่อย่างมากก็ใช้ได้แค่ไม่กี่ครั้ง แน่นอนว่าเขายังมีอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณอีก หากว่าขายออกไป แน่นอนว่าย่อมได้รับหินวิญญาณหยกเป็นจํานวนมาก แต่การยิงแต่ละครั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายเทียบเท่ากับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ํา ราคานี้มันก็ออกจะแพงจนน่ากลัวเกินไป
เขาก็คิดว่าค่าใช้จ่ายคงไม่มากเท่านั้น จากนั้นจะได้ยิงใส่ราชครูสักหลายๆ ลูก แต่ใครจะรู้ว่าราคาของมันจะมหาโหดขนาดนี้ เรื่องนี้จึงต้องละเอาไว้ชั่วคราว
“เอ่อใช่ แล้วแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้บินได้หรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนสนใจในเรื่องนี้มาก หากว่าบินได้ ก็เท่ากับว่าเขาจะมีป้อมปราการลอยฟ้าเพิ่มมาอีกหนึ่ง จากนั้นก็จะใช้มันบินไปยังเมืองหลวงเทียนหมิง แล้วยิงปืนใหญ่ใส่สักหลายๆ ลูก ต่อให้เขาจะต้องจ่ายราคาไปมหาศาลก็ตาม
เมื่อระดับของเขาเพียงพอ เขาก็จะทําให้แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนบินไปในทันที เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็ไม่จําเป็นต้องแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงอีก
“ไม่ได้ แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้เป็นสิ่งปลูกสร้างถาวร ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ หากว่าเคลื่อนย้าย ก็จะไม่สามารถไปยังโลกสวรรค์ได้ จะส่งผลให้มหาค่ายกลด้านบนใช้การไม่ได้ไป” วิญญาณลวงตาทําลายจินตนาการของเขา
“เอิ่ม…..”
อี้เทียนหยุนรู้สึกผิดหวัง แต่เมื่อคิดดีๆ แล้วก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ที่แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนตั้งอยู่ที่นี่ มันก็ควรจะมีเหตุผลของมัน
เพราะที่นี่เชื่อมต่อกับโลกสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ตามใจ ไม่อย่างนั้น แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้คงไม่ต้องมาสร้างอยู่ที่นี่ แทนที่จะเป็นที่แดนศักดิ์สิทธิ์เฟยเทียน
“สารเลวเอ๊ย!”
เสียงคํารามของราชครูดังมาจากด้านนอก พร้อมกับกระโจนเข้าใส่ที่นี่อีกครั้ง แต่ก็ถูกเขายิงปืนใหญ่อีกลูกเข้าต้อนรับอย่างเจ็บแสบ จนทําให้เขาต้องถูกปืนใหญ่ยิงกระเด็นไปอีกครั้ง ทั้งยังมีผลต่อผู้ฝึกตนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเป็นจํานวนมาก พริบตา ก็หายไปพร้อมกับควันไม่เหลือแต่ฝุ่น
หลังจากถูกต้อนรับอย่างเจ็บแสบถึงสองครั้ง ก็ทําให้ราชครูเริ่มบาดเจ็บ แต่ว่าเขากลับไม่สามารถทําอะไรแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนได้แม้แต่น้อย
“เป็นข้าคาดการผิด…” สีหน้าของราชครูดําคล้ําจนน่ากลัว หากเป็นอย่างนี้ เขาคงไม่มีทางทําอะไรแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้ได้อย่างแน่นอน
การโจมตีนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเขามากนัก แต่กลับทําให้เขาทําอะไรได้ลําบากอย่างมาก ขัดขวางไม่ให้เขาทําลายมหาค่ายกลของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้ หากเป็นอย่างนี้ แล้วเขาจะเข้าไปได้ยังไง?
ราชครูจึงทําได้เพียงถ่วงเวลาไว้ชั่วคราว ค่อยหาทางอื่น
ส่วนอี้เทียนหยุนที่อยู่ข้างในแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนก็ได้ส่ายหัว แล้วพูดว่า “ที่นี่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม? มันสามารถต้านทานการโจมตีของราชาเซียนได้หรือเปล่า?”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา คิดจะทําลายการป้องกันของนายท่านไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีพลังของนายท่านคอยป้องกันเอาไว้ หากคิดจะโจมตีจริงๆ ก็จะเปิดใช้งานสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่นายท่านทิ้งเอาไว้ ต่อให้เป็นระดับราชาเซียน ก็สามารถถูกสังหารได้เช่นกัน!” วิญญาณลวงตาพูดอย่างจริงจัง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี ข้าจะได้ออกไปจากที่นี่ได้อย่างวางใจ” อี้เทียนหยุนพยักหน้า ไม่มีทางที่เขาจะเอาแต่อยู่ที่นี่อย่างแน่นอน
แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้ไม่มีของดีเลยสักอย่าง นอกจากวิชายุทธ์กองหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีกไม่ว่าจะอาวุธหรือโอสถ ที่นี่ล้วนแต่ไม่มี จะมีก็แต่ของบางอย่างที่ต้องมอบให้กับผู้สืบทอดเท่านั้น
แม้ว่าพลังวิญญาณของที่นี่จะหนาแน่น แต่ก็จําเป็นต้องดูดกลืนเป็นเวลานานมากกว่าที่เลื่อนระดับได้ และเขาก็ไม่ชอบการที่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเพื่อเลื่อนระดับ นอกเสียงจากว่าพลังวิญญาณของที่นี่จะหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ไม่อย่างนั้น เขาจะไม่ยอมเสียเวลานานๆ เพื่อคอยเลื่อนระดับอยู่ที่นี่
“เจ้าจะออกไป? ด้านนอกมีศัตรูจํานวนมากคอยป้องกันอยู่ เจ้าไม่มีทางออกไปได้ง่ายๆ หรอก” น้ําเสียงของวิญญาณลวงตายังคงไร้ความรู้สึก แต่ก็รู้ดีว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นยังไง เธอยังไม่อยากให้ผู้สืบทอดต้องออกไปตาย
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง ไม่มีใครสามารถขวางทางข้าได้หรอก แม้แต่เจ้าเอ งก็ด้วย” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วไอ้ที่ให้ค้นหาทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนนั่น ไม่รู้ว่ามีตัวช่วยอะไรหรือเปล่า?”
“มี” วิญญาณลวงตายื่นมือออกมา จากนั้นก็มีแผ่นหยกหล่นลงมาจากกลางอากาศตกลงสู่มือของอี้เทียนหยุน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “นี่คือแผ่นหยกสายโลหิต เมื่อพบกับทายาทของนายท่านมันก็จะส่องแสงออกมา”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ง่ายหน่อย” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย เขาก็แค่ถามดูว่าจะหาทายาทพวกนี้ได้ยังไง ที่แท้ก็มีแผ่นหยกนี้อยู่ แบบนี้เรื่องก็จัดการไม่ยากแล้ว
หลังจากรับแผ่นหยกนี้มา อี้เทียนหยุนก็มองไปยังวิญญาณลวงตาแล้วพูดว่า “ที่นี้ให้เจ้าจัดการ ข้าจะออกไปก่อนชั่วคราว ครั้งหน้าที่กลับมา จะเป็นเวลาที่ข้ารับช่วงต่อที่นี่อย่างแท้จริง!”
เนื่องจากระดับไม่เพียงพอ ทําให้เขาไม่ได้เป็นเจ้านายของที่นี่อย่างแท้จริง จึงไม่สามารถแสดงพลังของที่นี่ได้ ต่อให้อยู่ที่นี่ต่อไปก็เปล่าประโยชน์
“แล้วเจ้าจะออกไปยังไง?” วิญญาณลวงตามองสํารวจตัวเขา “ข้าว่าเจ้าอย่าเพิ่งไปจากที่นี่ชั่วคราว อยู่ฝึกที่นี่ก่อนจะดีกว่า…”
จากนั้นสักพัก ร่างของอี้เทียนหยุนก็หายไปต่อหน้าวิญญาณลวงตา
วิญญาณลวงตาตกใจ พร้อมกับทําการตรวจสอบทั่วทั้งแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนอย่างระวัง กระทั่งบริเวณด้านนอกเองก็ด้วย แต่ก็ปรากฏว่าไม่พบกลิ่นอายของอี้เทียนหยุนเลยแม้แต่น้อย
ทําให้กระทั่งคนที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกอย่างมัน ยังเกิดอาการตกใจ….