ตอนที่ 549: ของรางวัล
ในพื้นที่ที่ห่างจากแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนประมาณ 50 ลี้ อยู่ๆ ก็ได้มีร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นเงียบๆ
และคนผู้นี้ก็คือเทียนหยุน เขาได้ทําการเทเลพอร์ทออกมาจากด้านในไกลถึง 50 ลี้ ซึ่งถือว่าปลอดภัยอย่างสุดๆ เทเลพอร์ทขั้น 2 ทําให้เขาสามารถเคลื่อนย้ายได้ในระยะประมาณ 10 ลี้ เท่านั้น แต่หลังจากที่เขาใช้ค่าความคลั่ง 2 ล้านในการเพิ่มระดับ ก็ทําให้ระยะในการเคลื่อนย้ายเพิ่มขึ้นเป็น 50 ในทันที!
แม้กระทั่งระยะเวลาคูลดาวน์เองก็ยังลดลงมาก จําเป็นต้องใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ก็สามารถใช้ได้อีก หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เมื่อเลื่อนระดับของมันขึ้นไปถึงช่วงท้ายๆ กลัวว่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถใช้งานได้อีกครั้งแล้ว
และเมื่อถึงตอนนั้น ใครจะสามารถไล่ตามเขาได้ทัน? เขาคนนี้จะกลายเป็นราชันย์แห่งการหลบหนีอย่างแน่นอน!
แต่ที่จริงหากระยะทางในการเคลื่อนย้ายไกลพอ เขาก็ไม่จําเป็นต้องเพิ่มระดับให้กับมัน แต่เพราะว่ามีผู้คุ้มกันจํานวนมากทําการลาดตระเวนอยู่รอบๆ ในระยะ 20 ลี้ หากว่าเขาไม่เพิ่มระดับให้กับมัน เขาก็จะสามารถเคลื่อนย้ายได้เพียงในระยะ 10 ลี้เท่านั้น ซึ่งจะต้องทําให้เขาถูกพบตัวอย่างแน่นอน
และเมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะถูกล้อมไว้ด้วยผู้คน กระทั่งอาจจะมีราชครูอยู่ในนั้นด้วย ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือการใช้ค่าความคลั่ง 2 ล้าน เพื่อทําการเพิ่มระดับให้กับเทเลพอร์ท นอกนั้นก็ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้แล้ว
“เทเลพอร์ทนี่ช่างสะดวกจริงๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้วิญญาณลวงตาจะมีสีหน้ายังไงบ้าง?” อี้เทียนหยุนยิ้ม พร้อมกับมองไปยังผู้คนที่ล้อมแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนไว้อย่างหนาแน่น จนแม้แต่น้ําสักหยดก็ยากที่จะกระเซ็นออกมา
ตราบเท่าที่มีคนออกมาจากด้านใน ย่อมไม่มีทางหลุดรอดไปจากการตรวจตราของพวกเขา อีกทั้งยังมีราชครูที่คอยจับตาดูอยู่ ดังนั้น หากมีคนออกมา ย่อมไม่มีใครหน้าไหนหนีไปจากสายตาของพวกเขาได้
แต่ไม่มีใครรู้ว่าอี้เทียนหยุนไม่คิดจะเดินออกมาจากด้านในโต้งๆ อยู่แล้ว เขาได้ใช้เทเลพอร์ท หนีออกมาแทน อีกทั้งยังได้ทําการปรับเปลี่ยนใบหน้า ทําให้หนีออกมาได้อย่างง่ายดาย ง่ายจนน่าเหลือเชื่อ
“คงได้เวลาต้องไปแล้ว ส่วนพวกเจ้าก็เล่นอยู่ที่นี้ไปก่อนแล้วกัน” อี้เทียนหยุนไม่ได้ตรงเข้าไปสังหารผู้คุ้มกันพวกนี้ หากว่าราชครูสังเกตเห็น บางทีอาจจะทําให้การหลบหนีของเขายุ่งยากขึ้น
แม้ว่าระยะเทเลพอร์ท 50 จะดูเหมือนไกล แต่สัมผัสวิญญาณของระดับราชาเซียน สา มารถตรวจจับระยะ 100 ลี้ได้อย่างง่ายดาย นอกจากว่าจะเทเลพอร์ทไปโผล่ยังจุดอับ ไม่อย่างนั้น การหลบหนีจะต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
แม้ว่าราชครูจะสามารถตรวจจับมาถึงที่นี่ได้ แต่ว่าความสนใจของเขาทั้งหมด ทุ่มเทอยู่ที่แท่นบูชาเทพเติ้งเทียน แล้วเขาจะมามีเวลาสนใจสถานการณ์ในที่แห่งนี้ได้ยังไง?
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็ได้หมุนตัวจากไป ไม่รั้งอยู่ที่นี่ต่อ ครั้งถัดไปที่เขาจะกลับมา ก็เป็นตอนที่เขามีพลังถึงระดับราชาวิญญาณ หากว่าระดับเขายังต่ํากว่านี้ การมาที่นี่ก็จะไม่มีความหมายอะไร
ส่วนสถานการณ์ทางด้านพวกราชครูจะเป็นยังไงนั้น อี้เทียนหยุนคร้านที่จะสนใจ เขาเชื่อว่ามันจะต้องไม่สามารถทําลายได้อย่างแน่นอน และเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็คงทําได้เพียงเลือกที่จะยอมแพ้เท่านั้น จากนั้นก็จะส่งคนมาจับตาดูที่นี่ แต่หากราชครูรู้ว่าในนั้นไม่มีคนอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทําสีหน้าแบบไหน?
หลังจากจากมา อี้เทียนหยุนก็รีบตรงกลับไปยังรังฟีนิกซ์ในทันที เขาเสียเวลาอยู่ในแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้นานแล้ว ดังนั้นจึงสมควรกลับได้เสียที เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเป็นห่วง
อย่างรวดเร็ว เขาก็บินกลับมาถึงรั้งฟีนิกซ์ และเมื่อเขาบินเข้ามายังปาต้นอู่ถงไฟ ทันใดนั้นก็มี คนเข้ามาต้อนรับ พร้อมกับจ้องมาที่เขาอย่างดุร้าย แล้วตวาดออกมาว่า “ผู้มาเป็นใคร!”
แต่หลังจากที่เห็นใบหน้าชัดๆ แล้ว ผู้คุ้มกันก็พลันพูดด้วยน้ําเสียงประหลาดใจ “ท่านทูตศักดิ์สิทธิ์!”
อี้เทียนหยุนได้เปลี่ยนใบหน้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้นจึงถูกทําได้ในทันที แต่ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ยังคงมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วพูดขึ้นมาว่า “โปรดแสดงป้ายประจําตัวด้วยครับ!”
ป้ายแสดงฐานะนี้เป็นสิ่งสําคัญมาก ไม่เพียงแต่อี้เทียนหยุนเท่านั้น กระทั่งผู้อาวุโสคนอื่น หากกลับมาก็จําเป็นต้องแสดงป้ายประจําตัวออกมา ต่อให้จะปลอมตัวมาก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่าป้ายพวกนี้ ยากที่จะทําเลียนแบบขึ้น!
แต่แน่นอนว่าไม่ปลอมตัวได้จะดีที่สุด เพราะถึงยังไงก็ต้องทําการตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพื่อที่จะยืนยันฐานะให้สมบูรณ์
อี้เทียนหยุนหยิบเอาป้ายตัวแทนทูตศักดิ์สิทธิ์ออกมา จากนั้นก็ยื่นออกไปด้านหน้า ผู้คุ้มกันทั้งหลายพากันหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับรีบเปิดทางในทันใด
“ยินดีต้อนรับท่านทูตศักดิ์สิทธิ์ที่กลับมา!”
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพ และพวกเขาก็ไม่ได้มีท่าทางที่จะขับไล่หรือรังเกียจที่อี้เทียนหยุนเป็นเผ่ามนุษย์แม้แต่น้อย อี้เทียนหยุนได้ช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ที่นี่หลายเรื่อง ดังนั้น จึงได้รับการยอมรับจากเผ่าฟีนิกซ์ แต่แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ไม่ชอบเขาอยู่
อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน และเมื่อเขากลับไปถึงยังที่พักสุดหรู เขาก็เห็นผู้อาวุโสลัวกําลังเล่นอยู่กับหลานสาวของเขา พร้อมกับรอยยิ้มเต็มไปใบหน้า
“ท่านพ่อ!”
เมื่อเหยียนเอ๋อเห็นอี้เทียนหยุนกลับมา ดวงตาของเธอก็พลันเป็นประกาย จากนั้นก็กระโดดเข้ามาในทันที ฟีนิกซ์น้ําแข็งที่อยู่ใกล้ๆ ก็เช่นกัน มันเข้ามาจิกอี้เทียนหยุนไม่หยุด พร้อมกับร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง โทษอี้เทียนหยุนที่ไม่ยอมพามันออกไปด้วย
“เอาล่ะ เอาล่ะ ครั้งหน้าไว้ข้าจะพาเจ้าไปด้วยแล้วกัน” อี้เทียนหยุนตบหัวมันเบาๆ หากพาฟีนิกซ์น้ําแข็งไปยังแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนด้วย นั่นมันออกจะไม่สะดวกเกินไป
“ท่านพ่อ ข้า…ผู้อื่นคิดถึงท่าน ท่านไม่ต้องการเหยียนเอ๋อแล้วเหรอ” เหยียนเอ้อมองมาที่เขาพร้อมกับร้องไห้ออกมา จากนั้นก็กอดเขาเอาไว้
“จะเป็นไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่าเจ้ามีผู้อาวุโสรั่วมาเล่นเป็นเพื่อนแล้วหรอกเหรอ?” เทียนหยุนลูบหัวน้อยๆ ของเธอ
“ทูตศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากลับมาแล้ว!” ผู้อาวุโสถั่วเดินเข้ามาอย่างตื่นเต้น แยกจากอี้เทียนหยุนได้ไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินมาว่าราชครูเดินทางไปที่นั่นด้วยตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกเป็นห่วง
แต่ตอนนี้เมื่อกลับมาแล้ว แน่นอนว่าผู้อาวุโสลัวย่อมต้องมีความสุข
“อืม ข้ากลับมาแล้ว ไม่ใช่ข้าบอกไปแล้วหรอกเหรอว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหาน่ะ” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูข้าสังหารผู้เชี่ยวชาญของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงไปห้าคนสิ ทั้งยังได้รับการสืบทอดด้วย ออกจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ํา”
“หัวหน้าเผ่าสั่งเอาไว้ เมื่อเจ้ากลับมา ให้รีบไปหาเธอในทันที” ผู้อาวุโสถั่วพูดด้วยรอยยิ้ม
“งั้นพวกเราก็ไปกันตอนนี้เลยแล้วกัน” อี้เทียนหยุนยิ้ม จากนั้นก็อุ้มเหยียนเอ๋อ พร้อมกับเดินไปทางตําหนักของผู้อาวุโสใหญ่
เมื่อมาถึงตําหนักของผู้อาวุโสใหญ่ ก็เห็นว่าไปสู่ยหวงกําลังคุยกับคนอื่นอยู่ เมื่อพวกเขามาถึงไป๋สุ่ยหวงก็ได้หันมามอง เมื่อเห็นว่าอี้เทียนหยุนกลับมาแล้ว ดวงตาของเธอก็พลันเป็นประกาย “ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย คราวนี้ เจ้าคือผู้กล้าที่มีความชอบใหญ่ที่สุด”
“ไม่หรอก หากไม่มีพวกผู้อาวุโสลั้วคอยช่วย ข้าก็คงทําไม่ได้ถึงขนาดนี้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างถ่อมตน
“ไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก เรื่องของเจ้าข้ารู้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณอย่างต่อเนื่องถึงห้าคน นี้เท่ากับทําความชอบอย่างใหญ่หลวงให้กับเผ่าฟีนิกซ์” ไปสู่ยหวงพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าจะไม่ได้สมบัติกลับมา แต่สามารถโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงได้สําเร็จ เท่านี้ก็ถือว่าเป้าหมายของพวกเราสําเร็จเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว คราวนี้เจ้าคือผู้ที่มีความชอบยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ไม่รู้ว่าเจ้าต้องการของรางวัลแบบไหน หากว่ามีข้าจะมอบให้กับเจ้าอย่าง แน่นอน!”
“ติ๊ง ท่านทําภารกิจ ‘บุกรุกแท่นบูชาเทียนหมิง ช่วงชิงสมบัติ’ สําเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 300 ล้าน ค่าความคลั่ง 1 ล้าน ค่าความชั่ว 50,000 ค่าความชอบของเผ่าฟีนิกซ์เพิ่มขึ้น 100!”
ในตอนนี้เอง ในที่สุด ภารกิจก็สําเร็จเสียที พร้อมกับได้รับของรางวัลกองโต การไปในครั้งนี้ช่างคุ้มค่าจริงๆ
“หากพูดถึงของรางวัล ข้าต้องการแค่หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณเท่านั้น” อี้เทียนหยุนยิ้ม พร้อมกับบอกสิ่งที่ต้องการออกไป
“หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ…นี่ออกจะจัดการยากอยู่สักหน่อย ตอนนี้ยังไม่มีหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณชั่วคราว ลองเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงหรืออย่างอื่นดีไหม เพราะตอนนี้พวกเรายังไม่มีหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณมอบให้เจ้า” ไปสู่ยหวงพูดอย่างช่วยไม่ได้
หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณนั้นถูกกว่าอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง แต่ก็ไม่อาจจะวัดค่ากันด้วยสิ่งนี้ได้
“หากเป็นอย่างนั้น ข้าก็ยังไม่ต้องการมันก่อนชั่วคราว” อี้เทียนหยุนส่ายหัว อย่างอื่นเขาไม่สนใจ
“อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงก็ไม่เอา?” ไปสุ่ยหวงพูดด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ไม่เอา” อี้เทียนหยุนส่ายหัว แล้วพูดต่อว่า “ข้าไม่ต้องการ ยังมีอย่างอื่นอีกไหม?”
“แล้วแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์ล่ะ?” นัยน์ตาคู่งามของไปสู่ยหวงหรี่เป็นเส้นตรง พร้อมกับจับจ้องไปที่อี้เทียนหยุน ล่อลวงเขาด้วยของชิ้นใหญ่
อี้เทียนหยุนมองไปที่ไปสุ่ยหวง ของสิ่งนี้ถือว่าล้ําค่าอย่างแท้จริง เขารู้สึกว่านี่อาจไม่ใช่แค่ของรางวัลธรรมดา แต่ยังต้องการเอาชนะใจเขา ให้เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของเผ่าฟีนิกซ์
ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ ถึงยังไงการที่ได้ผูกมิตรกับเผ่าฟินิกซ์ก็เป็นเรื่องดี ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการทําให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้น เขาก็ไม่มีปัญหา
“ในเมื่อหัวหน้าเผ่าเต็มใจ ข้าก็ไม่มีปัญหา ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย!” อี้เทียนหยุนยิ้ม ไม่ได้แกล้งทําเป็นไม่เข้าใจ