ตอนที่ 555: ฆ่า!
นี่เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยสายฟ้าอันน่าสะพรึง ไม่จําเป็นต้องผ่านหลายๆ ที่เหมือนขามาแค่ลงไปจากข้างบนและข้ามผ่านสายฟ้าพวกนี้ ก็จะสามารถไปยังโลกมนุษย์ได้สําเร็จเป็นขั้นตอนที่ง่ายดายอย่างยิ่ง!
แต่แม้จะบอกว่าง่าย แต่ก็ถือว่าค่อนข้างยากเช่นกัน เพราะยิ่งระดับสูง สายฟ้าก็จะยิ่งผ่าลงมาด้วยความถีที่มากขึ้นและพลังที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน นี่ถือได้ว่าเป็นม่านพลังสายฟ้า ที่ทําหน้าที่ป้องกันผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังแข็งแกร่งโดยเฉพาะ
ยิ่งมีระดับสูง ม่านพลังสายฟ้าก็จะยิ่งน่ากลัว หากว่าระดับราชาเซียนมา กลัวว่าคงจะทําให้สายฟ้าสวรรค์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าที่เคยผ่าลงมา เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้ระดับราชาเซียน ก็จําเป็นต้องถูกไล่กลับไปดังนั้น จึงไม่อาจพูดว่าง่ายได้อย่างเต็มปาก แต่ถึงระดับราชาเซียนจะผ่านไปได้สําเร็จพลังของเขาก็จะถูกลดลงครึ่งนึงอยู่ดี ถูกจํากัดพลังไว้
พลังของราชาเซียนนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถเผชิญกับอะไรก็ตามได้อย่างไร้เทียมทานเพราะอย่างน้อยก็ยังมีม่านสายฟ้านี้ ที่สามารถสยบพวกเขาไว้ได้อย่างง่ายดายหากว่าประมาทแม้เพียงนิดอาจจะนําพาความตายมาสู่ตัวพวกเขาก็เป็นได้
หากว่าเป็นผู้ที่มีระดับต่ํา ม่านสายฟ้าก็อ่อนแอลงมาก แต่ก็ใช่ว่าผ่านไปได้ตามใจ อย่างน้อยก็จําเป็นต้องมีสมบัติติดตัวสักหน่อย ไม่ก็ต้องแข็งแกร่งกว่าระดับมาตรฐานเล็กน้อยแบบนี้ถึงจะสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
และในตอนนี้ ก็มีบางคนขี่อยู่บนอาวุธเวทมนต์ที่บินได้ หรือกระทั่งเรือเหาะ ตรงไปยังเมฆดํากลุ่มนั้นพวกเขาบ้างมาเป็นกลุ่มแต่ส่วนมากล้วนแต่บินมาคนเดียว
ระดับของพวกเขาก็ไม่สูงนัก ต่างก็อยู่ในระดับผันแปรวิญญาณ ซึ่งผู้ที่จะขอาวุธเวทย์นั้นแน่นอนว่าต้องอยู่ในระดับผันแปรวิญญาณเพราะพวกเขาไม่สามารถบินได้ หากคิดจะบิน มีอยู่ทางเดียวคือบินผ่านอาวุธเวทย์
“เรือเหาะแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง…”
อี้เทียนหยุนหรี่ตา เพ่งมองไปยังเรืองเหาะที่กําลังบินเข้าไปในเมฆดํากลุ่มนั้น บนนั้นสลักตัวอักษรตัวใหญ่ว่า “หมิง” ถือเป็นสัญลักษณ์แทนตัวของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง แม้ว่าที่นี่จะมีขุมอํานาจอยู่มากมาย แต่มีน้อยมากที่จะใช้ตัวอักษร “หมิง” ในชื่อ ต่อให้ที่นี่จะเป็นโลกวิญญาณ ก็มีน้อยคนที่จะพูดเช่นนี้ (หมิง = นรก, ใต้พิภพ)
“ลูกพี่ เกิดอะไรขึ้น?” พวกเขาไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนมีเรื่องกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ดังนั้นพวกเขาจึงสงสัยในท่าทางของเขาที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนไป ทันทีที่มองเห็นเรือลํานั้น
“ศัตรูในอนาคตของพวกเขาคือแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง พวกเจ้ายังเต็มใจที่อยู่กับข้าหรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนพูดกับพวกเขาอย่างจริงจัง
“เป็นศัตรูกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง?” พวกเขาพากันตกใจ แม้ว่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่ก็พอจะรู้จักถึงขุมอํานาจของที่นี่อย่างคร่าวๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงนั้น ถือเป็นขุมกําลังอันดับ 1-5 ในโลกแห่งนี้ไม่คิดเลยว่าอี้เทียนหยุนจะมีเรื่องกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเข้า
ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้อะไรมาก หลังจากมองตากัน ก็ฝืนพูดออกมาว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้จะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง หรือต่อให้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์จินจู่(ไผ่ทองคํา) ตราบเท่าที่ลูกพี่ต้องการที่จะสู้กับพวกเขา พวกเราก็เต็มใจที่จะติดตามท่านไปสู้ด้วยกันจนถึงที่สุด!”
แดนศักดิ์สิทธิ์จินจู่ได้ชื่อว่าเป็นขุมอํานาจที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกวิญญาณ ได้ยินมาว่าพวกเขามีไผ่ทองคํานับไม่ถ้วน ทําให้มีวิชาธาตุทองที่แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด สามารถทําลายการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดได้!
“ดี! งั้นเราจะเริ่มจากเรือเหาะลํานี้ ไปจัดการมันพร้อมกับข้า!”
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็สวมหน้ากากให้ตนเอง กระทั่งเตรียมหน้ากากหนังให้กับพวกเขา ถือเป็นการปลอมตัวอย่างง่ายๆ ถึงยังไงพวกเขาก็ยังต้องกลับมาที่นี่อีก เพื่อที่จะทําให้การใช้ชีวิตในที่นี่เป็นเรื่องง่าย ดังนั้นจึงควรปกปิดตัวตนไว้จะดีกว่า
หลังจากเก็บฟีนิกซ์น้ําแข็งแล้ว เขาก็นําพวกเขาบินไปยังเรือเหาะลํานั้น
ในตอนนี้เอง บนเรือเหาะแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ผู้ฝึกตนทั้งหลายกําลังพูดคุยกันอยู่ เมื่อมองเห็นกลุ่มเมฆดําที่กําลังเข้าใกล้ ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าขลาดเขลาออกมา
“ผ่านที่นี่ไป ก็จะไปถึงโลกมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราก็จะสามารถสังหารได้ตามใจใช่หรือเปล่า?”
“ใช่ โลกมนุษย์มีขุมอํานาจของพวกเราอยู่ เรียกว่าอาณาจักรใต้พิภพ แต่ใครจะรู้ว่าขุมอํานาจที่โลกมนุษย์ของพวกเราจะถูกโค่น ดังนั้นพวกเราจึงถูกส่งไปทําลายล้างพวกมัน!”
“ฮ่ฮ่งนคราวนี้พวกเราก็จะได้แต้มคุณูปการด้วยใช่หรือเปล่า? ดาบของข้าไม่ได้ดื่มเลือดมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่รู้ว่าผู้หญิงบนโลกมนุษย์จะเป็นยังไง หวังว่าคงจะพอใช้ได้อยู่บ้างนะยี่สี่….”
พวกเขาพากันมองหน้ากัน พร้อมกับยิ้มชั่วร้ายออกมา สามารถเห็นได้ถึงความคิดของฝั่งตรงข้าม
พวกเขาไปคราวนี้เพื่อขุดรากถอนโคนขุมอํานาจบนโลกมนุษย์ จากนั้นก็ก่อตั้งอาณาจักรที่ทรงพลังยิ่งกว่า เพื่อสร้างอาณาเขตบนโลกแห่งนั้น! บนเรือลํานี้มีผู้ฝึกตนอยู่จํานวนมากพวกที่ระดับต่ําที่สุดก็อยู่ในระดับก่อแกนวิญญาณ ส่วนระดับสูงที่สุดนั้น เป็นถึงระดับวิญญาณเที่ยงแท้
จํานวนทั้งหมดเมื่อนับดูแล้ว มีมากกว่าพันคน ซึ่งถือว่าผู้มีระดับก่อแกนวิญญาณนั้นมากที่สุดส่วนอีกครึ่งที่เหลือนั้นส่วนใหญ่มีระดับผันแปรวิญญาณ และมีอยู่เล็กน้อยที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับวิญญาณเที่ยงแท้
ยังไงก็ตาม นี่ไม่ใช่กลุ่มแรกที่ไป แต่ว่าเป็นกลุ่มที่สองแล้ว! ก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนได้รับรายงานว่ามีกลุ่มแรกได้ผ่านไปแล้ว นี่จึงถือว่าเป็นกลุ่มที่สอง ถึงยังไงนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ต่อให้ เขาจะเร่งเดินทางมา เวลาก็ได้ผ่านไปมากกว่าหนึ่งอาทิตย์อยู่ดี
แม้ว่าเวลาแค่นี้จะถือว่าสั้น แต่สําหรับพวกเขาแล้วถือว่ามากพอที่จะไปถึงโลกมนุษย์ เพราะที่นี่จําเป็นต้องผ่านแค่ทางนี้เท่านั้น ก็จะไปถึงโลกมนุษย์ได้ ไม่เหมือนกับทางผ่านใต้พิภพที่จําเป็ นต้องผ่านทางหลายๆ ด่าน
และแต่เดิมนั้น บริเวณรอบๆ ค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ไม่ได้เป็นที่ที่อันตรายอะไร แต่เพราะเวลาที่ล่วงผ่าน ทําให้มันค่อยๆ กลายเป็นที่ที่อันตรายขึ้น ดังนั้น ที่นี่จึงได้กลายเป็นที่ที่อันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เพราะหากว่าที่นี้ไม่อันตราย ปานนี้คงมีขุมอํานาจเข้าครอบครองที่นี้ไปนานแล้ว
ดังนั้น ทางผ่านใต้พิภพ แต่แรกแล้วก็ไม่ใช่ที่ที่อันตรายแบบนั้นตั้งแต่แรก แต่เป็นที่ที่มีไว้เพื่อข้ามไปยังโลกอื่นโดยเฉพาะ
แต่ในขณะที่พวกเขากําลังมีความสุขอยู่นั้น อยู่ๆ ก็ได้มีร่างสี่ร่างตกลงมา พร้อมกับเริ่มทําการเข้าถล่มใส่พวกเขา!
“ตูม!”
พร้อมกับเสียงดังสนั่น เรือทั้งลําก็เริ่มเขย่าคลอน ภายใต้แรงสั่นสะเทือนอย่างแรง ทําให้ศิษย์หลายคนพากันบินขึ้นไป ส่วนใครที่บินไม่ได้ก็พากันกรีดร้องโหยหวน ขณะที่ตกลงไปข้างล่าง จนสุดท้ายก็กลายเป็นเนื้อบดไป
ผู้คนพากันมองกลับไปด้วยความแตกตื่น แล้วก็พบว่าบนเรือนั้น ในตอนนี้ได้กลายเป็นโพรงขนาดใหญ่ไปซะแล้ว!
และในตอนนี้เอง ก็ได้มีลําแสงสาดประกายออกมา ทุกคนที่ประสบกับลําแสงนี้ ต่างก็ถูกตัดขาดเป็นสองท่อน พร้อมกับเลือดที่สาดกระจายออกมา ปรากฏว่าเป็นคลื่นกระบีที่ถูกวาดออกมาตัดผ่านทุกสิ่งอย่าง ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
“ผู้มาเป็นใคร!”
และในตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ก็ได้ร้องออกมาด้วยความโกรธ พร้อมกับรีบเข้าไปขัดขวางอย่างรวดเร็ว พวกเขาเป็นผู้คุ้มกันที่นี่ หากว่าเรือเหาะจมลงไปแล้วล่ะก็ พวกเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน
“ฉวะ!”
และที่คอยต้อนรับเขาอยู่ก็คือคลื่นกระบี่ ฝั่งตรงข้ามไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ร่างก็ถูกตัดแยกเป็นสอง หัวกับตัวแยกกันไปคนละทาง! ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้เล็งเป้าใครเป็นพิเศษ เมื่อเห็นร่างปรากฏ เขาก็แค่ตวัดกระบี่สวนออกไป พร้อมกับดวงตาที่เย็นชาอย่างน่ากลัว
“ฆ่า!”
อี้เทียนหยุนนําพวกเข้าเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหด โดยไม่มีการปรานีปราศรัย ตรงเข้าไปเข่นฆ่าโดยตรง สังหารผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ อย่างบ้าคลั่ง
จากคําพูดที่พวกเขาได้ยิน อีกฝ่ายวางแผนที่จะจัดการวังเทียนหยุนของเขาอย่างถอนรากถอนโคนพูดได้ว่าวังเทียนหยุนนั้น เป็นได้เพียงหินรองเท้าของพวกเขาเท่านั้น พวกเขาตั้งใจที่จะสานต่อเจตจํานงของอาณาจักรใต้พิภพเพื่อเข้าครอบครองแผ่นดินอื่นหวังจะครอบครองโลกมนุษย์ทั้งหมด!
ดังนั้น เขาจึงไม่มีอะไรต้องพูดกับอีกฝ่าย นอกจากฆ่าให้สิ้นเท่านั้น!