ตอนที่ 562: ทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน!
ข่าวที่คาดไม่ถึงนี้ทําให้อี้เทียนหยุนตั้งตัวไม่ทันจริงๆ มันค่อนข้างเหนือไปกว่าที่เขาจะจินตนาการถึง ไม่แปลกที่เย่ชิงเสวียนก็พูดอย่างกระทึกกระอัก คงเพราะกลัวว่าเขาจะตกใจเกินไป
ทุกคนต่างก็เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างอี้เทียนหยุนกับชิเสวี่ยอขึ้น หากจะพูดว่าใครอยู่กับเขามาตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นชิเสวี่ยอขึ้น แม้จะมีผู้หญิงคนอื่นที่พูดได้ว่าใกล้ชิดกับเขา แต่ก็มีเพียงชิเสวี่ยอวิ๋นเท่านั้นที่เชิงเสวียนไม่อาจก้าวข้ามได้ ไม่มีใครที่จะใกล้ชิดกับเขาได้เทียบเท่ากับเธออีกแล้ว
ตอนนี้ การตอบสนองของเขาก็เป็นอย่างที่พวกเธอคิด เป็นการแสดงความโกรธออกมาเยชิง เสวียนแอบคิดอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อี้เทียนหยุนจะรู้สึกแบบนี้กับเธอบ้าง?
“นี่เหมือนกับไม่ใช่คนที่พ่อแม่ท่านส่งมา บางที่อาจเป็นแค่ผู้ฝึกตนที่ลงมาจากโลกสวรรค์หลัง จากมาถึงที่นี่ แล้วเห็นพรสวรรค์ในร่างของเจ้าตําหนักชิ จึงได้ชื่นชมต่อกายาน้ําแข็งอันลึกลับของ เธอมากจากนั้นจึงได้พาเธอไป แม้ตอนแรกเจ้าตําหนักชิจะไม่ยินยอม แต่หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว สุดท้ายจึงได้จากไปพร้อมกับทิ้งคําพูดนี้เอาไว้ ” เชิงเสวียนบอกเล่ารายละเอียดออกมา
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” อี้เทียนหยุนตาวาว เห็นได้ชัดว่าคนที่มาจากโลกสวรรค์ผู้นี้ หลังจากที่เห็นพรสวรรค์อันดีเยี่ยมของชิเสวี่ยอขึ้น จึงได้คิดที่จะรับเธอเป็นศิษย์
ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ตรวจดูสภาพของชิเสวี่ยอขึ้นอยู่ก่อนแล้ว กายาของเธอนั้นเป็นที่โดดเด่นมากเพียงแต่ไม่แน่ชัดนักว่าเป็นกายาอะไร ขนาดดวงตาประเมินยังไม่สามารถตรวจสอบได้มีหลายอย่างที่ดวงตาประเมินไม่สามารถตรวจสอบ เรื่องนี้จําเป็นต้องยกระดับถึงจะดูได้
ดังนั้น เธอจึงถูกพาไปยังโลกสวรรค์ และกุญแจสําคัญคือเธอจะใช้โอกาสนี้ตามหาพ่อแม่ของตนด้วยหรือว่าพ่อแม่ของเขาจะอยู่ที่โลกสวรรค์กัน?
“พ่อแม่อย่างงั้นเหรอ” อี้เทียนหยุนไม่คุ้นเคยกับคําพูดนี้ ความรู้สึกสักนิดก็ไม่มี ขนา ดจะคิดยังไม่คิด
สําหรับเขาแล้ว แค่มีชิเสวี่ยอขึ้นก็พอ ต่อให้จะเป็นญาติหรือคนที่มีสายเลือดเดียวกัน หากว่ามาหาเรื่องเขาแล้วล่ะก็ เขาจะทําให้คนพวกนั้นไปให้พ้นทาง!
ถึงยังไงก็แค่คนที่มีสายเลือดเดียวกัน ซึ่งสําหรับเขาแล้ว ไม่ได้มีความหมายอะไรแม้แต่น้อย ความรู้สึกอะไรก็ไม่มี หากคิดขวางทาง ก็ต้องถูกดีดทิ้งอย่างแน่นอน
พูดได้เพียงว่าที่ซิเสวี่ยอมิ้นตัดสินใจไปในท้ายที่สุดนั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะอนาคตของตน แต่เพื่อช่วยเขาตามหาพ่อแม่! เพราะไม่รู้ว่าจะไปโลกสวรรค์ได้ยังไง คงมีแต่ต้องตามคนผู้นั้นไปเท่านั้น
“แล้วผู้ฝึกตนคนนั้นแข็งแกร่งหรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้วถามขึ้น
“ข้าจําได้ว่ายังเด็กมาก เป็นผู้ฝึกตนหญิงอายุประมาณ 30 หากเทียบกับผู้เชี่ยวชาญที่ แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงส่งมาก่อนหน้านี้แล้ว ระดับของเธอถือว่าแข็งแกร่งกว่ามาก! แม้จะปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” คนที่ตอบคือบรรพชนเผ่าภูต และหลังจากหยุดคิดสักพักก็พูดต่อว่า “ตอนนั้นพวกเราคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นซะแล้ว แต่โชคดีที่เป็นแค่แขกที่ผ่าน ทางมาเธอไม่สนใจพวกเราแต่กลับสนใจในตัวเจ้าตําหนักชี ดังนั้นจึงได้พาเธอไป”
“แต่ว่าก่อนที่จะพาเจ้าตําหนักชิไป เธอก็ได้ทิ้งทรัพยากรจํานวนมากเอาไว้ให้เรา ตัวอย่างเช่นอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ และก็สมุนไพรวิญญาณขั้นที่ 5 ที่ 6 และยังมีอย่างอื่นอีก นอกนั้นยังมีวิชายุทธ์ระดับสวรรค์อยู่ 1-2 เล่ม ถือเป็นทรัพยากรที่มหาศาลมาก มากจนทําให้พวกเรารู้สึกอายที่จะรับมัน..”
บรรพชนเผ่าภูตส่ายหัว ของที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ให้ ดูแล้วราวกับเป็นขยะ ทิ้งให้พวกเขาอย่างง่ายๆแต่สําหรับพวกเขาแล้ว นี่เปรียบได้กับสมบัติ ที่ไม่มีทางได้มาง่ายๆ
อี้เทียนหยุนพยักหน้า เรื่องนี้เขาเข้าใจดีพวกระดับสูงก็เป็นกันแบบนี้แหละ ยิ่งฝั่งตรงข้ามมาจากโลกสวรรค์ นัยน์ตาย่อมสูงส่งเป็นธรรมดายิ่งกว่านั้น สําหรับผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณ แล้วอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เปรียบได้กับของทั่วไปการจะใช้มันเพื่อแลกกับศิษย์ที่โดดเด่น แน่นอนว่าย่อมเป็นของดี
“โลกสวรรค์อย่างงั้นเหรอ…”
ในใจอี้เทียนหยุนรู้สึกหนัก ตอนนี้เขาอยากจะไปหาชเสวี่ยอขึ้นและพาเธอกลับ ไม่จําเป็นต้องไปตามหาไอ้ที่เรียกว่าพ่อแม่อะไรนั่น พวกเขาจะเป็นยังไงก็ช่าง ต่อให้ชาติเจอไม่เจอก็ไม่มีปัญหา
แต่เพื่อที่จะช่วยเขาตามหาพ่อกับแม่ เธอถึงกับไปที่โลกสวรรค์คนเดียว มีเพียงแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าที่นั่นมีขุมอํานาจอยู่กี่มากน้อย แล้วยังเรื่องกินอยู่อีก หากเธอถูกดูแลไม่ดีแล้วจะทํายังไง? ที่โลกสวรรค์นั้นการประเมินจะต้องเป็นไปอย่างเข้มงวดแน่นอน และยังต้องผ่านความลําบากไปทีละขั้นอีก
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้อี้เทียนหยุนก็ได้แต่ส่ายหัว เขาอยากจะไปหาชเสวี่ยอขึ้นอย่างมาก แต่สถานการณ์กลับไม่เอื้ออํานวย ตอนนี้พวกเขาถูกแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงจับตาอยู่ หากว่าไม่จัดการแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงนี่ซะก่อน ก็ไม่มีทางที่จะไปยังโลกสวรรค์ได้
ส่วนทางจะไปยังโลกสวรรค์นั้นเขาไม่จําเป็นต้องรู้ สิ่งที่เขาต้องทําคือต้องเพิ่มพลังให้ขึ้นไปถึงระดับราชาวิญญาณให้ได้ จากนั้นก็ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนเพื่อไปยังโลกสวรรค์ แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
แต่ปัญหาคือจะจัดการกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงที่เป็นหนามยอกอกได้ยังไง? ฝั่งตรงข้ามมีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนอยู่ ต่อให้เขาเข้าสู่ระดับราชาวิญญาณ ก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับอีกฝ่ายได้
นอกจากว่าจะอยู่ในระดับราชาวิญญาณพร้อมกับโหมดคลั่งที่เพิ่มระดับขึ้นอีกครั้ง แบบนั้นถึงจะมีโอกาสต่อสู้ข้ามระดับกับคนระดับนั้นได้ แล้วถ้ายิ่งเป็นระดับราชาวิญญาณที่ขั้นสูงขึ้น ก็จะยิ่งจัดการกับอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้นด้วย
“อย่างแรกคงต้องทําให้สถานการณ์ของที่นี่มั่นคงก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที” อี้เทียนหยุนพยักหน้า พร้อมกับตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
ทางฝั่งชิเสวี่ยอขึ้นนั้น คาดว่าคงไม่มีอันตรายอะไร อย่างน้อยก็คงไม่หนักหนามาก การรับสมัครศิษย์ที่มากพรสวรรค์ แน่นอนว่าต้องมีการดูแลอย่างดี
แต่หากว่าเป็นการจับตัวไปแล้วล่ะก็ เขาคงจะทําการแยกฟ้า แล้วพุ่งตรงไปยังโลก สวรรค์ในทันทีพร้อมกับจัดการใครก็ตามที่กล้าจับตัวชเสวี่ยอขึ้นไป!
ที่เหลือก็แค่เรื่องทั่วไป โดยรวมก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนา พูดได้ว่ามีพัฒนาการวันต่อวันส่วนเรื่องการก่อตั้งอาณาจักรเทียนหยุนนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่จําเป็นต้องใช้เวลาอยู่บ้าง จากนั้นก็จะก่อตั้งได้สําเร็จ
หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างแล้ว เขาก็กลับไปยุ่งเรื่องของตัวเอง และเมื่อเขาออกมาจากตําหนักใหญ่แล้วนั้น ในขณะที่กําลังเดินเพื่อไปยังวังเทียนหยุน จิ๋วหลิงจวินก็ได้เดินเข้ามาหา
“ท่านประมุข!” จิ๋วหลิงจวินในตอนนี้มีความสามารถอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แม้ว่าทางด้านหน้าตาจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อน แต่สองตาของเธอกลายเป็นสุกสกาวอย่างมาก ไม่ได้ขาดความมั่นใจเหมือนก่อนหน้า กลายเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองแล้ว
ทั้งหมดนี้ก็มาจากพลังของเธอเอง ที่ตอนนี้ได้เป็นถึงนักสลักอาคมขั้นที่ 5 ระดับสูงสุดซึ่งตอน นี้กําลังเตรียมตัวเพื่อเลื่อนเป็นนักสลักอาคมระดับอาจารย์ และเมื่อกลายเป็นอาจารย์สลักอาคมก็หมายความว่าเธอเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง
ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนหยุนนี้ นอกจากอี้เทียนหยุนแล้ว ก็กลัวว่าคงมีแต่จิ๋วหลิงจวินเท่านั้นที่ตามเขาทัน ไม่ใช่ทางด้านการสลักอาคม แต่เป็นด้านอายุ!
ระดับสลักอาคมของบรรพชนเผ่าภูตนั้นแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็แก่แล้ว ส่วนจิ๋วหลิงจวินยังเด็กมาก แล้วก็เรียนการสลักอาคมมาได้ไม่นาน นี่คือระดับของพรสวรรค์ แต่การที่จะเหนือกว่าบรรพชนเผ่าภูตในตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้
“เรียกข้าว่าประมุขออกจะห่างเหินเกินไป เรียกข้าว่าพี่ใหญ่อี้เหมือนเดิมดีกว่า แบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย ไม่เจอกันนาน ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เด็กเหมือนเดมแล้ว…” เทียนหยุนมองดูจิ๋วหลิงจวินด้วยท่าทางพอใจ ตอนแรกที่พาเธอกลับมาก ส่วนใหญ่ล้วนเพราะความสงสาร
ไม่คิดว่าแค่ความสงสารจะทําให้เขาพาผู้มีพรสวรรค์มาคนหนึ่ง อัจฉริยะผู้ที่ในอนาคตมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นปรมาจารย์สลักอาคม!
“อืม พี่ใหญ่อี้” จิ๋วหลิงจวินยิ้มหวาน นัยน์ตาคู่งายเผยความมีชีวิตชีวาขึ้นอีกหลายส่วน
“ครืนนนนน…”
ในตอนนี้เอง อี้เทียนหยุนเหมือนสัมผัสได้ถึงเสียงที่ดังมาจากหน้าอกของเขา เขารีบหยิบแผ่นหยกนั้นออกมาจากหน้าอกอย่างรวดเร็ว แล้วก็พบว่าแผ่นหยกนั้น ได้มีการตอบสนองขึ้น และการตอบสนองนี้ก็ไม่ใช่กับใครอื่น แต่เป็นจิ๋วหลิงจวิน!
“เจ้าเป็นทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนอย่างงั้นเหรอ” อี้เทียนหยุนตกใจ ไม่คิดเลยว่าทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนจะเป็นจิ๋วหลิงจวินไปได้!