ตอนที่ 563: สืบทอด
จิ่วหลิงจวินคือทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน นี่เป็นเรื่องที่อี้เทียนหยุนไม่เคยคิดมาก่อน เขาคิดว่าทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนน่าจะอยู่ที่โลกใต้พิภพ แต่ไม่คิดว่าจะมาพบที่โลกมนุษย์นี้
โดยเฉพาะคนผู้นั้นยังเป็นคนใกล้ชิดที่อยู่กับเขามานาน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนไปได้ แม้ว่าสายเลือดจะบางเบาลงมาก แต่ผลลัพธ์ของมันก็ยังน่าซึ่งอยู่ดี
หลังจากผ่านการขุดค้นอย่างละเอียด พรสวรรค์ของจิ่วหลิงจวินก็แสดงออกมาถึงขีดสุด แม้จะยังอายุน้อยอยู่ แต่ก็ได้มาถึงนักสลักอาคมขั้นที่ 5 ซึ่งเหนือไปกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และตอนนี้ก็รู้แล้วว่าพรสวรรค์ของเธอนั้นได้มาจากราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน แม้จะไม่รู้ว่าเป็นรุ่นที่เท่าไหร่ แต่ก็ยังคงสืบทอดสายเลือดมาอยู่ดี
และเมื่อเธอมีระดับที่สูงขึ้น สายเลือดก็จะตื่นขึ้นด้วย ซึ่งตอนนี้ยังเป็นพรสวรรค์เพียงผิวเผินเท่านั้น และเมื่อสายเลือดของเธอตื่นขึ้นเต็มที่เมื่อไหร่ เมื่อนั้น เธอก็จะกลายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนคนที่สอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อสุดๆ!
จากเด็กผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดา จากนี้ไปมีโอกาสที่จะเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนคนที่สอง แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว เขาจําได้ว่าก่อนหน้านี้มีภารกิจฝึกฝนเสิ่งหนี่ ที่แท้ก็เกี่ยวกับเรื่องนี้นี่เอง หากว่าเธอไม่มีพรสวรรค์ อย่างนั้นคงไม่มีทางที่จะเปิดภารกิจนี้ได้อย่างแน่นอน
และเมื่อคิดดีๆแล้ว ก็หมายความว่าตัวเขาได้มีคนที่มีสิทธิ์จะไปถึงระดับราชาศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างกายไม่ใช่เหรอ นี่มันช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ หากว่าเขาไม่นําจิ่วหลิงจวินก้าวเข้ามาในธรณีประตูนี้ พรสวรรค์ทางสายเลือดของเธอคงจะไร้ประโยชน์ไป
หรือว่าหากอี้เทียนหยุนเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนทั่วไป ไม่ได้มีวิชาที่โดดเด่น หรือทรัพยากรมหาศาล ก็คงไม่สามารถฝึกราชาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้อยู่ดี
หากคิดจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง จะให้พึ่งแต่สายเลือดอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ จําเป็นต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลเพื่อฝึกฝน ต่อให้เป็นสัตว์เทวะเองก็ตาม หากไม่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และทรัพยากรจํานวนมากก็ไม่มีทางฝึกให้แข็งแกร่งได้
“ทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนอะไรเหรอ?” จิ่วหลิงจวินทําสีหน้าสงสัย ไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนกําลังพูดอะไรอยู่
อี้เทียนหยุนมองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้ เจ้าจะรู้หลังจากที่ตามข้ามา!”
พูดเสร็จ เขาก็หมุนตัวเดินตรงไปยังโถงฝึกหลักที่อยู่อีกด้าน แม้ในใจจิ่วหลิงจวินจะสงสัย แต่ก็ทําตามคําสั่งเขาอย่างดี อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็เข้าไปในห้องฝึก เมื่อทั้งสองเข้าไปแล้ว อี้เทียนหยุนก็ได้ปิดประตูไว้
ทั้งห้องตอนนี้มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น ใบหน้าที่งดงามของจิ่วหลิงจวินขึ้นสี ผู้ชายและผู้หญิงอยู่ในห้องเดียวกันสองต่อสอง มันยังจะมีเรื่องอะไรอีก แม้ว่าเธอจะเชื่อว่าอี้เทียนหยุนจะไม่ทําเรื่องอย่างนั้น แต่ในใจก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน
แต่ว่าน่าเสียดายที่เธอยังคงคิดมากเกินไป อี้เทียนหยุนไม่มีทางทําอะไรเธออยู่แล้ว
อี้เทียนหยุนเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ จากนั้นก็วางมือลงบนศีรษะของเธอ และพูดด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนว่า “ทําใจให้สงบนะ ข้าจะส่งมอบความทรงจําบางอย่างให้กับเจ้า”
จากนั้น เขาก็ส่งต่อความทรงจําทุกอย่างที่เกี่ยวกับมรดกของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนโดยไม่มีกั๊ก แม้ว่ามรดกของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนจะดีมาก แต่สําหรับเขา มันก็แค่ดีเท่านั้น!
มันจะมีอะไรที่เหนือไปกว่าระบบของเขาได้? แค่โหมดคลั่งเพียงอย่างเดียว ก็บดขยี้ทุกวิชาได้อย่างเพียงพอแล้ว
ขณะที่รับความทรงจําที่ส่งต่อมาไม่หยุด จิ่วหลิงจวินก็รู้สึกตกใจต่อความทรงจําที่ได้รับมา โดยเฉพาะความทรงจําเกี่ยวกับผู้สร้าง นี่เป็นนักสลักอาคมระดับผู้สร้างที่มีแต่ในตํานาน
อี้เทียนหยุนส่งต่อความทรงจําที่ได้รับมาให้เธอแบบตรงๆ ทําให้เธอรู้สึกตกใจ แต่เธอก็รีบเข้าสู่สมาธิอย่างรวดเร็ว พร้อมกับจดจ่ออยู่กับการดูดซับความทรงจํานี้
ในฐานะนักสลักอาคม การฝึกฝนหลักจึงอยู่ที่พลังวิญญาณ ดังนั้นจึงทําให้การส่งต่อความทรงจํานี้ไม่มีอะไรผิดพลาด สามารถจดจําได้อย่างง่ายดาย
อย่างรวดเร็ว เขาก็ได้ส่งต่อความทรงจําที่ได้รับมาทั้งหมดออกไป กระทั่งเคล็ดวิชาเฉียนคุนเองก็ด้วย แม้ว่าสิ่งนี้จะดีมาก แต่เขาก็ได้ให้คําสาบานเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงต้องมอบออกไป หากว่าต้องเผยแพร่มันออกไป แน่นอนว่าต้องเผยแพร่มันกับคนรอบตัว
ต้องพูดว่านี่เป็นวิชาที่ดีที่สุดที่เขามีในตอนนี้ เพราะมันสามารถทําให้ขึ้นไปถึงระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ได้ แล้วอย่างนี้ทําไมเขาถึงจะไม่ส่งต่อมั่นให้กับสหายล่ะ?
หลังจากส่งมอบให้เธอแล้วเสร็จ เทียนหยุนก็ค่อยปล่อยมือช้าๆ จิ่วหลิงจวินยังคงยืนนิ่ง ดูดซับความทรงจําที่ได้รับมาอย่างระวัง
ตัวเขาที่ไม่มีอะไรให้ทําก็นั่งรออยู่ด้านข้าง รอให้จิ่วหลิงจวินฟื้นขึ้นมาจากสภาพรับความทรงจํา ซึ่งก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่
“พี่ใหญ่อี้ ข้าอยู่อย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้ว?” จิ่วหลิงจวินรู้สึกเกรงใจ เธอเห็นอี้เทียนหยุนนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนกับกําลังคอยปกป้องเธอจากสิ่งที่จะเข้ามารบกวน
“สักพักนี้เอง ไม่นานเท่าไหร่” อี้เทียนหยุนลุกขึ้นพูดด้วยรอยยิ้ม ซึ่งคํานี้เขาก็ไม่ได้พูดเหลวไหลแต่อย่างใด แม้ว่าจิ่วหลิงจวินจะรู้สึกว่านาน แต่ความจริงเวลาเพิ่งจะผ่านไปได้สักพักเอง ไม่ได้นานเท่าไหร่
การท่องไปในทะเลแห่งความทรงจํา แน่นอนว่าต้องรู้ว่านานกว่าความเป็นจริงเป็นธรรมดา
“ไม่นานก็ดีแล้ว…” เธอกลัวว่าจะทําให้อี้เทียนหยุนเสียเวลา จากนั้นก็พูดด้วยความตื่น เต้นว่า “ความทรงจําที่พี่ใหญ่อิ่มอบให้ข้านั้นล้ําค่ามาก ไหนจะบันทึกกองโตเกี่ยวกับการเป็นนักสลักอาคมระดับผู้สร้างที่แสนล้ําค่า แล้วยังจะวิชายุทธ์พวกนี้อีก…”
เธอไม่รู้ว่าจะควรจะพูดถึงจุดไหนก่อนดี เพราะทุกอย่างล้วนแต่ล้ําค่าเกินไป
นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว ก็นี่เป็นถึงความทรงจําของระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ สิ่งนี้เป็นที่ต้องการแม้ แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียน อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนตัวเล็กๆ อย่างจิ่วหลิงจวินเลย
แม้ว่าก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนจะให้ความรู้มากมายเกี่ยวกับค่ายกลกับเธอ แต่หากเทียบกับราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนแล้ว ถือว่ายังห่างกันมาก ถึงยังไงนี่ก็เป็นถึงนักสลักอาคมระดับผู้สร้าง
“ไม่เป็นไรหรอก ก็นั่นมันของเจ้าหนิ” อี้เทียนหยุนคิด จากนั้นก็อธิบายว่า “ของพวกนี้ข้าได้รับมาจากโลกใต้พิภพ และเจ้าก็เป็นทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนด้วย ”
อี้เทียนหยุนอธิบายอย่างคร่าวๆ บอกเกี่ยวกับความเป็นมาของจิ่วหลิงจวิน แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทําไมถึงได้มาอยู่ที่โลกมนุษย์ได้ เหมือนว่าพ่อแม่ของเธอจะคิดว่าไม่สามารถเอาตัวรอดได้ หากอยู่ที่โลกใต้พิภพ ดังนั้นจึงได้พาเธอมา แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไร เธอก็คือทายาทที่ถูกนํามาอยู่ดี
เขาคิดว่าการค้นหาทายาทจะเป็นเรื่องยาก กระทั่งคิดว่าอาจจะหาไม่พบเลยด้วยซ้ํา แต่ใคร จะรู้ว่าจะหาเจอได้ในทันที
“ติ๊ง ท่านทําภารกิจ “ตามหาทายาทราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน” สําเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 200 ล้าน, ค่าความคลั่ง 500,000, ค่าความชอบของทายาทราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนเพิ่มขึ้น!”
ข้อความบอกว่าภารกิจสําเร็จเด้งขึ้นมาทันที พร้อมกับค่าประสบการณ์มหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างอย่างง่ายดาย เขาคิดว่าจะยาก แต่เหมือนว่านี่จะเป็นโชคชะตา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นล่ะก็ กลัวว่าคงต้องใช้เวลาตามหาอยู่นานมากแน่ๆ
“ขะ ข้าคือทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์” จิ่วหลิงจวินตกใจ ไม่คิดมาก่อนว่าความเป็นมาของตนจะน่าตกใจได้ถึงเพียงนี้
เธอก็คิดว่าตนเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าจะได้รับข่าวนี้อย่างไม่คาดคิด ทําให้เธอตกใจจนคิดว่าเป็นเรื่องโกหกเลยทีเดียว
“ใช่แล้ว ดังนั้นเจ้าต้องตั้งใจฝึกให้ดี อย่าให้เสียชื่อเสียงของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน” อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไปตบไหล่เธอ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าข้านี่มันช่างโชคดีจริงๆ ถึงกับมีทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนอยู่ข้างกาย ช่างเป็นความโชคดีอย่างแท้จริง”
นี่ถือเป็นโชคดีจริงๆ แต่กับจิ่วหลิงจวินแล้ว มันยังมีความโชคดีอื่นอยู่หรือเปล่า?