ตอนที่ 566: กระหนาบ
“4 อาณาจักรรวมตัวกันโจมตีเรา?”
อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา นัยน์ตาทั้งคู่เปล่งประกายจิตสังหารออกมา! ในช่วงอันตรายอย่างนี้ ก็ยังมีบางคนคิดจัดการกับพวกเขา ไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้ความกล้ากับพวกมัน
“ใช่ ใช่แล้ว 4 อาณาจักรรวมตัวกัน ก่อตั้งเป็นพันธมิตรขึ้น พร้อมกับเตรียมตัวที่จะโจมตี อาณาจักรเทียนหลงของพวกเรา พูดได้ว่าเป้าหมายของการรวมตัวครั้งนี้คือที่นี” ทูตคนนี้พูดพลางปาดเหงื่อ การโจมตีนี้พุ่งเป้ามาที่นี่ แต่หากปล่อยให้ชักช้าเสียเวลา กลัวว่าอาณาจักรเทียนหลิงของเขาคงถูกฆ่าล้างไปซะก่อน
“ทําไมพวกนั้นถึงโจมตีเรา?” เทียนหยุนถาม “เรื่องนี้เจ้าได้ไปสืบมาหรือยัง?”
อาจจะเป็นดินแดน หรืออาจจะเป็นสมบัติอะไรสักอย่าง ไม่ก็วิชายุทธ์ เขาอยากจะรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่พุ่งเป้ามาที่นี่นั้นคืออะไร ก็เหมือนกันกับน้ําบ่อไม่ยุ่งน้ําคลอง ดินแดนที่อาณาจักรอื่นครอบครอง หากเทียบกันแล้ว ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากของพวกเขา
แต่นี่สี่อาณาจักรกลับรวมตัวกันโจมตีพวกเขา นี่มันออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไป พูดอย่างไม่เกินไปเลยว่า หากปราศจากเขา ภายใต้ความร่วมมือของทั้งสี่อาณาจักรนี้ พวกเขาจะต้องภายแพ้อย่างแน่นอน!
แต่การจะทําลายล้างพวกเขาทั้งสองอาณาจักรให้สิ้น สิ่งที่ต้องจ่ายก็ไม่ใช่น้อยๆ แม้ว่าสิ่งที่ได้รับคืนมา พอจะแทนกันได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่านี่จะใช่เป้าหมายจริงๆหรือเปล่า การโจมตีที่ประจวบเหมาะอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเป้าหมายที่อย่างอื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ของแต่ละอาณาจักรต่างก็ไม่มั่นคง แต่อยู่ๆกลับร่วมมือกันอย่างนี้ ยิ่งเป็นพันธมิตรสี่อาณาจักรด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางที่รวมกันได้เลยด้วยซ้ํา
“เรื่องนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะอยู่ๆ ก็โจมตีเข้ามา ตอนนี้พื้นที่ชายแดนต่างก็ตกเป็นของศัตรูหมดแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่วัน ก็คงจะมาถึงเมืองเทียนหลงของพวกเรา” ทูตคนนี้พูดพลางปาดเหงื่อไม่หยุด ใบหน้าซีดขาวเป็นอย่างมาก
นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขากลัว แต่เพราะต้องรีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุด จึงทําให้พลังวิญญาณของเขาต้องถูกใช้ไปเป็นจํานวนมาก ทําให้ตอนนี้พลังวิญญาณของเขา เหลืออยู่แค่พอประคองตัวได้เท่านั้น
กับสถานการณ์ที่เร่งด่วนอย่างนี้ เขาจะไม่กังวลได้เหรอ? ทําให้เขาต้องบินมาอย่างบ้าคลั่ง โดยที่ไม่กล้าหยุดพักแม้แต่ชั่ววินาทีเดียว
“ท่านประมุข ตอนที่ท่านไม่อยู่ที่นี่ อาณาจักรเทียนหลงได้ดูแลพวกเราดีมาก ทั้งยังส่งทรัพยากรมาให้บ่อยๆ รวมถึงช่วยจัดการกับกองทัพกบฏเป็นบางครั้ง และก็ไม่รู้ว่ามีกลุ่มโจรอีกเท่าไหร่ที่พวกเขาช่วยพวกเราจัดการ” อวี่เหว่ยมองเขาด้วยสายตามุ่งมั่น หากว่าอี้เทียนหยุนไม่อยู่ที่นี่ คิดว่าพวกเขาคงส่งกําลังมาช่วยแล้ว
“เรื่องนี้ข้ารู้ เจ้าอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ ข้าจะไปดูที่นั่นเอง” สายตาอี้เทียนหยุนเป็นประกายเย็นชา พร้อมกับเตรียมบินไปยังอาณาจักรเทียนหลง
ต่อให้ไม่พูดถึงเรื่นหลงที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานของเขา แค่ตัวเริ่นจือโหรวคนเดียวก็คุ้มค่าให้ เขาเข้าไปช่วยแล้ว แน่นอนว่าอาณาจักรเทียนหลงเองก็ไม่ได้ช่วยพวกเขาเพียงเล็กน้อย เรื่องนี้เขาก็เคยได้ยินมา
“แล้วไม่ต้องให้พวกเราไปด้วยเหรอ?” พวกเธอพากันตกใจ พวกเธอคิดว่าจะต้องเตรียมผู้เชี่ยวชาญไปด้วยหลายคน แต่ใครจะรู้ว่าอีเทียนหยุนจะบอกว่าจะไปคนเดียว!
“ไม่ต้องหรอก ตอนพวกเจ้าไปถึง ทุกอย่างคงสายไปแล้ว” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“องค์ชาย แต่นี่ ” ทูตพูดไม่ออก เขาได้ยินว่าอี้เทียนหยุนนั้นร้ายกาจมาก แต่การจะไปช่วยอาณาจักรเทียนหลงแค่คนเดียวนี่มัน
หากว่าท่านไม่ได้ควบคุมสมบัติลับเทียนหลง พลังของท่านก็ต้องตกลงไปมาก แล้วอย่างนี้ท่านจะสู้ยังไง? ตอนนี้การโจมตีมาจากสี่ทิศแปดทาง เป็นไปไม่ได้ที่ท่านเพียงคนเดียวจะเอาชนะได้
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ข้าจัดการเองก็พอ” อี้เทียนหยุนยังคงไม่ใส่ใจ “แล้วข้าก็ไม่อนุญาตให้เจ้าตามไปด้วย เพราะนี่อาจจะเป็นแผนที่ศัตรูลวงเจ้าออกมา ดังนั้น เจ้าจงอยู่ที่นี่เสีย แล้วทําการคุ้มครองที่นี่ แค่นี้ก็พอแล้ว”
ทุกคนพากันตาโต นี่จะเป็นไปได้จริงๆเหรอ!
เทียนหยุนไม่รอให้พวกเขาพูดอะไรอีก เขาทําการถีบเท้า พร้อมกับบินหายไปในเส้นขอบฟ้า ความเร็วของเขาเหนือยิ่งกว่าที่พวกเขาจะคาดคิด! พวกเขาพากันมองด้วยความตกใจ ความเร็วนี้เร็วเกินไป เร็วจนน่าเหลือเชื่อ
“นะ นี่คือพลังขององค์ชายอย่างงั้นเหรอ?” ทูตมองด้วยความตกใจ อื้อวี่เหว่ยกับพวกก็เช่นกัน นี่เพิ่งผ่านไปได้เท่าไหร่กันเชียว อี้เทียนหยุนทะลวงขั้นได้อีกแล้วอย่างงั้นเหรอ?
พวกเขาเคยเห็นผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้บินมาก่อน แต่ความเร็วของอีกฝ่ายยังไม่ถึง 1 ใน 10 ของเทียนหยุนเลยด้วยซ้ํา!
ที่อี้เทียนหยุนไม่เรียกฟีนิกซ์ออกมานั้น เหตุผลก็ง่ายมาก นั่นเพราะความเร็วของฟีนิกซ์ช้ากว่าตัวเขายังไงล่ะ แล้วอย่างนั้นทําไมเขาต้องเรียกฟินิกซ์ออกมาด้วย?
“เปิดใช้งานสายเลือดฟีนิกซ์!”
อึดใจต่อมา ทั่วทั้งร่างของเขาก็มีเปลวเพลิงนิรันดร์ลุกท่วม พร้อมกับปรากฏปีกฟีนิกซ์ขึ้น กับความเร็วที่เพิ่มขึ้นอีก 7 เท่าในพริบตา “พรึ่บ” อากาศถูกแหวกเป็นทางในระยะร้อยล์ทันที ดูแล้ วช่างน่าขนลุกนัก!
ขณะเดียวกัน ที่ทางฝั่งอาณาจักรเทียนหลงก็กําลังวุ่นวายกันอยู่ เมืองส่วนใหญ่ล้วนตกเป็นของศัตรู สถานการณ์นี้หากเทียบกับตอนเหตุการณ์ของอัครเสนาบดีหลงแล้วย่ําแย่กว่ากันมาก ตอนนั้นอัครเสนาบดีหลงไม่ได้บุกยึดเมืองอื่นด้วย พวกเขาเพียงต้องการยึดเมืองหลวงเพียงเมืองเดียวเท่านั้น
ถึงยังไงที่อัครเสนาบดีหลงต้องการก็คืออาณาจักรนี้ หากว่าทําการเข่นฆ่าสังหารเข้าไป มันจะทําให้พวกเขาสูญเสียเป็นจํานวนมาก แต่พันธมิตรสี่อาณาจักรต้องการกําจัดให้สิ้นซาก ดังนั้นจึง เริ่มจากการกําจัดเมืองที่ชายแดนก่อน จากนั้นค่อยกระหนาบเข้ามาอย่างทั้งสี่ทิศแปดทาง
อาณาจักรทั้งสี่ต่างก็รับผิดชอบกันคนละทิศ จากนั้นค่อยมารวมตัวกันที่เมืองเทียนหลง แต่อาณาจักรไหนจะมาถึงก่อน อันนี้ก็ไม่แน่ใจนัก แต่เมื่อไหร่ที่ทั้งสี่อาณาจักรมาพร้อมหน้ากันที่นี่ ก็หมายความว่าเมืองทั้งหมดได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูแล้ว
นี่เป็นเพราะพวกเขาต้องการกลืนอาณาจักรเทียนหลงเข้าไปจนหมด ไม่คิดที่จะเหลือไว้
ที่ในห้องโถงหลักในเมืองเทียนหลง เริ่นจือโหรวและพวกเริ่นหลงต่างก็พากันมีสีหน้าหดหู่ เหล่าขุนนางข้างล่างก็มีสีหน้าหนักใจไม่ต่างกัน นี่เป็นช่วงเวลาเป็นตาย ต้องเผชิญหน้ากับพันธมิตรสื่อาณาจักรแบบนี้ พวกเขาจะเอาที่ไหนไปสู้?
“ข้าได้ส่งทูตไปขอกําลังเสริมจากวังเทียนหยุนแล้ว เชื่อว่ากําลังเสริมน่าจะมาถึงโดยไว” เริ่นหลงที่อยู่ข้างบนพูดอย่างจริงจัง หวังที่จะปลอบใจทุกคน
“วังเทียนหยุน
พวกเขาพากันส่ายหัว ในสายตาต่างก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง กับกองกําลังที่ไม่สําคัญอย่างวังเทียนหยุน กระทั่งอาณาจักรก็ไม่ใช่ ไปขอกําลังเสริมแล้วจะได้อะไร? นี่มันเป็นการรวมตัวของพันธมิตรสีอาณาจักร แค่วังเทียนหยุนเล็กๆแห่งเดียว จะไปทําอะไรได้?
“ตอนนี้องค์ชายไม่อยู่ หากว่าองค์ชายกลับมา พวกเราอาจจะมีโอกาสชนะ!” เหล่าขุนนางพากันคิดถึงอี้เทียนหยุน พวกเขาต่างประจักษ์ถึงพลังของอี้เทียนหยุนดีแน่นอนว่าต้องสนับสนุนเขา
“ใช่อยู่ที่องค์ชายร้ายกาจ ทั้งยังสามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้ แต่นี่เป็นการรุกรานของสี่อาณาจักรพร้อมกัน! แม้ว่าเทียบกันแล้วจะด้อยกว่าอาณาจักรใต้พิภพ แต่หากสี่อาณาจักรรวมตัวกัน ต่อให้เป็นอาณาจักรใต้พิภพเองก็ไม่สามารถต้านทานได้!”
“ใช่ ได้ยินว่าครั้งนี้ถึงขนาดส่งระดับบรรพชนของอาณาจักรมาด้วย ไม่เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นสูงสุดเท่านั้น กระทั่งระดับราชาวิญญาณก็ยังมี ต่อให้องค์ชายมา เฮ้อ น่ากลัวว่าแม้แต่สมบัติลับเทียนหลงก็ไม่สามารถปกป้องได้”
พวกเขาพากันถอนหายใจ ในสายตาไร้ซึ่งประกายแห่งความหวัง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เชื่อใจอี้ เทียนหยุน แต่ว่าพลังของศัตรูแข็งแกร่งเกินไป จึงทําให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังอยู่อย่างนี้
พวกเขาสองพี่น้องก็ไม่ต่างกัน ต่างก็พากันทอดถอนใจ
“ก็ได้แต่หวังว่าน้องชายอี้จะไม่มาสมทบ.” เริ่นหลงส่ายหัว คิดว่าการที่ตนให้คนไปหาอี้เทียนหยุน เป็นตัวเลือกที่ผิด
นี่เป็นสถานการณ์ที่ต้องตายอย่างแน่นอน แล้วจะมีความหมายอะไรที่ต้องลากคนอื่นไปด้วย?
“ท่านพี่ ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่สามารถปกป้องอาณาจักรเทียนหลงนี้ไว้ได้แล้ว” เริ่นจือโหรวเผยรอยยิ้มฝืดผื่นออกมา คราวนี้พวกเธอไม่มีวิธีป้องกันแล้วจริงๆ
“ใช่” เริ่นหลงถอนหายใจ จากนั้นสายตาก็กลายเป็นเย็นชา พร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า “แต่แล้วจะยังไง ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะขอสู้จนถึงนาทีสุดท้าย!”
“ข้าก็ด้วย!” เริ่นจือโหรวก็พยักหน้าตอบรับ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง พวกเธอก็ต้องสู้จนถึงที่สุด
จากนั้นเธอก็มองขึ้นไปข้างบนแล้วพูดพร้อมทอดถอนใจว่า “พี่ใหญ่อี้ ข้าขอลาก่อน”