ตอนที่ 601: หวาดกลัวถึงขีดสุด
หลังจากที่สงครามสิ้นสุด ก็เหมือนกับไฟป่าที่ไหม้ลามทุ่ง แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทําเอาอาณาจักรน้อยใหญ่ต่างก็พากันร้อนใจไปตามๆกัน สั่งอาณาจักรที่ไม่สนับสนุนต่างก็พากันหวาดกลัวจนถึงขีดสุด ขณะที่อาณาจักรที่สนับสนุนต่างก็พากันยิ้มกว้าง
ฝั่งอาณาจักรที่ไม่สนับสนุนเมื่อได้ยินข่าวในคราวแรก พวกเขาต่างก็มีอาการไม่เชื่อว่าอาณาจักรเทียนหยุนจะชนะได้จริงๆ และที่สําคัญคือเขาบุกไปตัวคนเดียว แต่ก็ยังสามารถพลิกคว่ําอาณาจักรชื่อหลงลงได้ นี่จึงเป็นจุดที่น่าหวาดกลัวที่สุด
1 ประเทศ 5 ราชันย์ กับ มังกรเทพพิทักษ์ แล้วยังจะบรรพชนไท่ซ่างอีก ทั้งหมดต่างก็พากันตกตายไปจุดหมด ทําให้อาณาจักรชื่อหลงในตอนนี้ไม่เหลือผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณเลยสักคน ด้วยเหตุนี้ ก็หมายความอาณาจักรชื่อหลงได้ล่มสลายลงแล้ว
จะ 1 ประเทศ 5 ราชันย์อะไรนั่น อาณาจักรเทียนหยุนเพียงแค่ส่งราชาออกมาแค่คนเดียวก็เหลือแหล่แล้ว แค่ตัวคนเดียวก็สามารถจัดการเมืองชื่อหลงจนราบคาบ จนไม่มีศัตรูหน้าไหนมีแรงลุกขึ้นมาต่อต้าน!
“เร็ว ไปที่เมืองเทียนหยุนเร็วเข้า เอาสมบัติที่ดีที่สุดไปด้วย!”
“จบแล้ว ไม่รู้ว่าอาณาจักรเทียนหยุนจะจัดการพวกเรายังไง…”
“ทําไมมหาจักรพรรดิเทียนหยุนถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ แท้จริงแล้วเขาอยู่ระดับไหนกันแน่! นี่เป็นไปไม่ได้ ทําไมเขาถึงชนะได้ละ
เหล่าจักรพรรดิของอาณาจักรที่พากันเพิกเฉย ตอนนี้เหมือนกับน้ําท่วมปาก พากันพูดอะไรไม่ออก พร้อมกับสงสัยว่าตัวเองกําลังฝันไป แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ความฝัน อาณาจักรชื่อหลงล่มสลายแล้ว
ทั้งนี้ยังไม่ใช่แค่การตายธรรมดา แต่หมายถึงการล่มสลายอย่างสมบูรณ์ จากนั้น เรื่องราวที่บรรพชนไท่ซ่างกระทําก็ถูกบอกเล่าผ่านปากผู้ที่รอดออกมา ใครจะคิดว่าบรรพชนไท่ซ่างนั้นจะชั่วร้ายขนาดนั้น ถึงกับสร้างมหาค่ายกลกระหายเลือดเอาไว้ใต้เมืองหลวงของตนเลยทีเดียว?
และหลังจากที่อาณาจักรเทียนหยุนทําการขุดค้น พวกเขาก็พบโครงกระดูกนับไม่ถ้วนที่ถูกฝังอยู่ด้านล่าง แค่คิดก็ทําเอาพวกเขารู้สึกหวาดกลัวแล้ว
หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป อาณาจักรชื่อหลงก็ถูกละทิ้งโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครเข้าข้างอาณาจักรชื่อหลงอีก ก่อนหน้านี้ที่อาณาจักรใต้พิภพทําตัวโหดเหี้ยม ก็ยังมีผู้ให้การสนับสนุนพวกเขา เพราะถึงยังไงคนในเมืองนั้นต่างก็เป็นพวกคนโฉดด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครที่มือไม่เปื้อนเลือด ดังนั้น ต่อให้อาณาจักรใต้พิภพจะสังหารคนเป็นล้าน พวกเขาก็ยังจะชูมือสนับสนุนทั้งสองข้างอยู่ดี
แต่คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมกับอาณาจักรชื่อหลงล้วนแต่เป็นพวกชอบธรรมทั้งนั้น ใครจะรู้ละว่าพวกเขาจะถูกอาณาจักรชื่อหลงหลอก ดังนั้นหลังจากที่พวกเขารู้ความจริง ก็พากันจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่คิดจะหลงเชื่อทุกอย่างอย่างงมงายอีก
อี้เทียนหยุนทําการถือสิทธิ์เหนือที่แห่งนี้ ยึดเอาดินแดนทั้งหมดของอาณาจักรชื่อหลงเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทําได้เพียงมองเขารับเอาดินแดนทั้งหมดมา
แม้ว่าความแข็งแกร่งโดยรวมของอาณาจักรเทียนหยุนจะด้อยกว่าอาณาจักรอื่น ตัวอย่างเช่นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณที่มีเพียงอี้เทียนหยุนเพียงคนเดียว ส่วนระดับวิญญาณเที่ยงแท้ก็มีแค่นิดหน่อย แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือกับพวกเขาแม้แต่น้อย
เหตุผลนั้นก็ง่ายมาก ก็เพราะว่าอี้เทียนหยุนเพียงคนเดียว ก็แข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านทุกทวีปยังไงล่ะ
พลังของเขาน่ากลัวถึงขนาดที่ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณมากันมากขนาดนั้นก็ถูกตบคว่ํากลับไปมากขนาดนั้น โดยที่ไม่มีแรงกดดันแม้แต่น้อย แค่นี้ก็ถือว่าน่ากลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว โดยที่ไม่จําเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญหลายคน เพียงเขาคนเดียวก็จัดการทุกอย่างได้อย่างเหลือเฟือแล้ว
ดังนั้น อี้เทียนหยุนจึงถูกคนอื่นตั้งฉายาให้ว่า “อี้อู่ตี้” (ไร้เทียมทานแซ่)
เพราะในโลกมนุษย์แล้ว ถือว่าเขานั้นไร้เทียมทานจริงๆ ขนาดผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างอาณาจักรชื่อหลงยังถูกบดขยี้ แล้วยังจะมีอาณาจักรไหนต้านทานเขาได้อีก? นอกจากว่าทุกอาณาจักรจะรวมตัวกัน ไม่อย่างนั้นยังจะต้านทานเขาได้เหรอ?
แต่ต่อให้ทุกอาณาจักรรวมตัวกันแล้วสามารถต่อต้านอี้เทียนหยุนได้ พวกเขาก็ไม่เต็มใจทําอยู่ดี เพราะหลังจากที่ทําอย่างนี้ มันก็เท่ากับเป็นการสู้ตาย ซึ่งไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไร?
“ฝ่าบาท มหาจักรพรรดินับไม่ถ้วนพากันมาขอเข้าพบด้วยตัวเองพะยะค่ะ!”
ยามรีบเข้ามาจากด้านนอก ขณะที่ทั้งหน้าแดงกําด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าจะไม่ได้มาพบเขา แต่เขาก็ยังคงตื่นเต้นมากเช่นกัน ก่อนหน้านี้ที่อี้เทียนหยุนทําพิธีขึ้นครองราชย์ พวกเขาต่างก็ไม่เห็นแก่หน้าอี้เทียนหยุน เลือกที่จะพากันหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้กลับทําหน้าหนาขอเข้าพบ พร้อมกับนําสมบัติจํานวนมากมา
ซึ่งนี่ทําให้ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนหยุนเต็มไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจและปีติยินดีอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนหน้านี้ทําเป็นไม่เห็นหัว แต่ตอนนี้กลับมาคุกเข่าด้วยความเคารพ รู้แล้วว่าใครเป็นฝ่ายถูก!
“อืม ข้ากําลังยุ่ง ให้พวกเขารออยู่ข้างนอกไปก่อน”
อี้เทียนหยุนปรายตามองไปยังยามผู้นั้น ไม่ให้มหาจักรพรรดิพวกนั้นเข้าพบในทันที
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท!” ยามผู้นั้นพยักหน้ารับหมึกหงัก พร้อมกับรีบวิ่งออกไปอย่างเร็วรี่ เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายที่รออยู่นอกท้องพระโรงเมื่อเห็นเขาออกมา ต่างก็เตรียมตัวที่จะเข้าไปพบอี้เทียนหยุน แต่ใครจะรู้ว่ายามจะตอบพวกเขาว่า “ฝ่าบาททรงกําลังยุ่ง พระองค์บอกให้พวกท่านรออยู่ข้างนอกก่อน!”
ขณะที่เขาพูดคํานี้ออกไป ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขาไม่คิดว่าตนเองจะพูดคํานี้ออกมาได้
มหาจักรพรรดิต่างพากันไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ทําได้เพียงแค่สบถในใจ ไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ ตอนนี้อี้เทียนหยุนเทียบได้กับมหาจักรพรรดิชื่อหลง แล้วใครมันจะไปกล้าทําให้มหาจักรพรรดิชื่อหลงไม่พอใจกัน?
ตอนนี้อาณาจักรเทียนหลงได้เข้าแทนที่ ดังนั้นก็เท่ากับว่าตอนนี้ อาณาจักรเทียนหลงคือ อาณาจักรอันดับ 1!
“เฮ้อ ผิดพลาดแล้ว พวกเราทําผิดไป…” มหาจักรพรรดิเฉียนหยวนสายหัว หากว่าให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาก็ยังจะคงเลือกมหาจักรพรรดิชื่อหลงอยู่ดี เพราะอิทธิพลของทางนั้นเหนือกว่ามาก ตัวเลือกจึงมีเพียงฝั่งนั้นเท่านั้น
แต่ใครจะคิดเล่าว่าอี้เทียนหยุนจะร้ายกาจขนาดนี้? แน่นอนว่าไม่มีใครที่จะคิดอย่างนี้ ขนาดผู้ฝึกตนในอาณาจักรเทียนหยุนเองก็ยังไม่เชื่อเลย
“มหาจักรพรรดิเทียนหยุนจะไม่เย่อหยิ่งไปหน่อยเหรอ? ให้มหาจักรพรรดิทั้งหลายต้องรอแบบนี้! เขาไม่กลัวว่าพวกเราจะร่วมมือกันโจมตีเขาหรือไง?”
“ชู! ระวังปากหน่อย หากว่าเจ้าอยากตายก็อย่ามาลากข้าไปด้วย! ที่มหาจักรพรรดิเทียนหยุนเย่อหยิ่งก็เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะทําอย่างนั้น หากว่าเจ้าสามารถถล่มอาณาจักรชื่อหลงจนราบด้วยคนเดียว เจ้าก็สามารถทําตัวเย่อหยิ่งแบบนี้ได้เช่นกัน!”
“ใช่ หากอีกฝ่ายเห็นว่าเจ้าขัดตา ก็จะจัดการกับเจ้าในทันที คราวนี้แม้แต่ตายยังไง เจ้าเองยังไม่รู้เลย!”
“แล้วก็เรื่องร่วมมือกันโจมตีนั่นอีก หากว่าเจ้าอยากตาย ก็อย่ามาดึงข้าเข้าไปด้วย! ต่อให้เจ้าจะทุ่มทุกอย่างเพื่อจัดการเขา เขาก็จะไม่เป็นอะไร คนเพียงคนเดียวแต่สามารถสังหารระดับราชาวิญญาณได้ถึง 5 คน แล้วเจ้ายังจะคิดว่าจะทําอะไรอีกฝ่ายได้อีกเหรอ เมื่อถึงตอนนั้น อย่าว่าแต่ตําแหน่งอาณาจักรเลย ข้ากลัวว่าจะถูกลดตําแหน่งลงไปเป็นขุมอํานาจชั้น 3 ด้วยซ้ํา!”
ทุกคนพากันมองไปยังมหาจักรพรรดิผู้นั้นด้วยสายตาโมโห พร้อมกับเลือกที่จะเว้นระยะห่างกับเขา ไม่กล้าอยู่ใกล้ๆ ปล่อยให้เขาต้องยืนอยู่คนเดียวโดดๆ
มหาจักรพรรดิผู้นี้หวาดกลัวจนแข็งขาอ่อนแรง ขุนนางที่อยู่ใกล้ๆก็อยู่ในสภาพกระอักกระอ่วน ไม่คิดเลยว่ามหาจักรพรรดิของพวกเขาจะพูดคํานี้ออกมา หากว่าไปทําให้อี้เทียนหยุนโกรธเข้า กลัวว่าอาณาจักรของพวกเขาคงถูกพลิกคว่ําแล้ว
“ข้า ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง…” มหาจักรพรรดิผู้นี้ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสั่นสะท้าน มีมหาจักรพรรดิหลายคนที่ไม่เคยเห็นพลังของอี้เทียนหยุน แต่การที่สามารถพลิกคว่ําอาณาจักรชื่อหลงได้ แล้วใครจะไปกล้าพูดจาไร้สาระออกมาล่ะ?
ต่อให้อี้เทียนหยุนไม่ลงมือเอง แต่ก็ยังมีบางคนพร้อมที่จะช่วยเขาลงมือ แล้วอย่างนี้ใครจะไปกล้าเสี่ยงล่ะ?
จากนั้น ในใจของเขาก็ได้รู้สึกผิดสุดๆ พร้อมกับเลือกที่จะรออยู่ด้านนอก กระทั่งมหาจักรพรรดิเฉียนหยวนยังต้องรอ นอกจากมหาจักรพรรดิที่เลือกจะสนับสนุนอาณาจักรเทียนหยุนเท่านั้น ถึงจะได้รับการยกเว้นให้เข้าไปข้างในได้
เหล่าจักรพรรดิที่สนับสนุนอาณาจักรเทียนหยุนตอนนี้ต่างก็พากันอาศัยอยู่ด้านในท้องพระโรง พร้อมกับกําลังลิ้มรสสุรารสดี พร้อมกับพูดคุยกันด้วยท่าทางมีความสุข แตกต่างจากข้างนอกลิบลับ เหมือนกับความต่างของสวรรค์และปฐพีอย่างไงอย่างงั้น แม้แต่มหาจักรพรรดิเฉียนหยวนยังต้องรออยู่ด้านนอก นี่จึงทําให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้น
พูดได้แค่ว่าการเสี่ยงของพวกเขาได้รับผลตอบแทน! พวกเขาอาศัยความรู้สึกเพื่อเลือกสนับสนุนอี้เทียนหยุน พร้อมกับปฏิเสธที่จะยอมรับอาณาจักรชื่อหลง คนที่พอจะรู้อะไรอยู่บ้าง ต่างก็รู้ว่าอาณาจักรชื่อหลงนั้นชั่วร้ายแค่ไหน พวกเขาต้องการควบคุมทุกอาณาจักร เพื่อที่จะให้ทําตามคําสั่งของตน
แม้ว่าจะไม่ใช่หุ่นเชิด แต่อย่างน้อยเจ้าก็ต้องทํางานให้ ไม่สามารถเพิกเฉยได้!