CLS ตอนที่ 610 ได้ยินว่าเจ้าสนิทกับข้าอย่างงั้นเหรอ
“คำบางคำสมควรพูด ขณะที่บางคําไม่สมควรพูด เจ้าไม่รู้เหรอ?”
อี้เทียนหยุนคร้านที่จะเอาเรื่องอะไรกับพวกระดับต่ำพวกนี้ หากไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ได้เป็นปฏิปักษ์อะไรกับวังไป๋เหลียนนี้ ป่านนี้เขาคงขุดลงไปดูหินยักษ์ก้อนนั้นแล้ว
แต่นี้เพราะว่าเขาเห็นแก่หน้าวังไป๋เหลียนที่ไม่รู้จักตัวเอง ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ถึงจะเอาเรื่องอีกฝ่ายไปก็เปล่าประโยชน์ ต่อให้เขาจะจัดการกับอีกฝ่าย พวกเธอก็คงไม่เชื่ออยู่ดีว่าเขาเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุน มีแต่จะนําปัญหามาให้เท่านั้น
แม้ว่าปัญหาพวกนี้เขาแค่ฟาดหลังมือออกไปก็จัดการได้ แต่เขาก็รู้สึกดีต่ออวี่ชีเชี่ยน ไม่ใช่เพราะรักเธอ แต่เป็นเพราะจิตใจที่ดีของเธอ ดังนั้นจึงไว้หน้าเธอหลายส่วน
ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว อวี่ชีเชี่ยนก็ยังให้ความสนใจต่อตัวเขาอย่างมาก ทั้งยังปฏิบัติกับเขาอย่างดี ซึ่งนี่ถือว่าหาได้ยากมาก
“ช่างเป็นแรงกดดันที่รุนแรงนัก…” ผู้อาวุโสไป๋อวี่เหมือนกับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงของเด็กหนุ่มตรงหน้า สามารถแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ เบื้องหลังของอีกฝ่ายย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่ถึงกับบอกว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุน นี่มันจะไม่มั่นใจในตัวเองไปหน่อยเหรอ
“จะ เจ้า…” เว่ยอวิ๋นพูดไม่ออกแม้แต่ครึ่งค่า เธอหวาดกลัวสุดๆ จนตอนนี้ยังไม่ได้สติกลับมาดีเลย
เพียงแค่มองก็ทําเอาร่างของเธออ่อนปวกเปียกแล้ว ทําเอาเธอไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่อี้เทียนหยุน ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากอี้เทียนหยุนเมื่อกี้นี้มันน่าสะพรึงมาก เหมือนกับว่าตัวเธอได้ไปอยู่ท่ามกลางสนามรบอย่างไงอย่างงั้น รู้สึกเหมือนตัวเองถูกฆ่าตายไป 7-8 ครั้ง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนจริงมาก เหมือนกับว่าตัวเธอเพิ่งจะรอดมาจากความตายอย่างนั้นล่ะ
“สหายน้อยท่านนี้ ระดับของเจ้าไม่ต่ำเลย แต่การทําอย่างนี้ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยเหรอ?” ผู้อาวุโสไป๋อวี่รู้สึกไม่พอใจ
“หากเป็นเจ้าถูกคนอื่นพูดจาร้ายๆ ให้ แล้วเจ้ายังจะมีความสุขอยู่งั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าไม่อยากพูดอะไรแล้ว ให้ข้าเจอประมุขของเจ้าชะ ข้ามีเรื่องเล็กน้อยที่ต้องคุยกับประมุขของเจ้า”
ในใจผู้อาวุโสไป๋อวี่ โมโหขึ้นมา “ที่เจ้าช่วยพวกอวี่ชีเชี่ยนไว้นั้นเป็นเรื่องถูก แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการหาเรื่องวังโหมวเทียน และอาณาจักรเทียนหยุนที่อยู่เบื้องหลังด้วย! จากเจตนาดีกลายเป็นร้าย มิหนําซ้ํายังกล้า บอกว่าอยากจะเจอประมุขของพวกเราอีก? ประมุขของพวกเราไม่ใช่คนที่เจ้าคิดอยากจะเจอก็ได้เจอ!”
ผู้อาวุโสไป๋อวี่คนนี้เห็นได้ชัดเลยว่ากําลังปกป้องคนอยู่อย่างเห็นได้ชัด ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเว่ยอวิ๋นผู้นี้ดีมาก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่พูดอย่างนี้ออกมา
“ความหมายของเจ้าคือ ให้ส่งพวกเธอไปอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนมองไปยังอวี่ชีเชี่ยนกับพวก สีหน้าของเธอพลันซีดขาว นัยน์ตาคู่งามต่างก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง
“นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!” ผู้อาวุโสไป๋อวี่มองไปยังพวกอวี่ชีเชียนอย่างเย็นชา แล้วพูดออกมาว่า “ในเมื่อวังโหมวเทียนจะมา พวกเจ้าก็รออยู่ที่นี่ซะ! หากพวกเขาต้องการพาเจ้าไป พวกเจ้าก็ต้องไป นี่เป็นเรื่องที่พวกเจ้าก่อขึ้น อย่างนั้นก็จงรับผิดชอบซะ!”
“คือ…” อวี่ชีเชี่ยนกัดริมฝีปากแน่น พร้อมกับเบ้าตาที่แดง… พวกเธอเป็นเหมือนกับผ้าขี้ริ้ว ที่ถูกทิ้งเมื่อหมดประโยชน์
“ช่างสมกับเป็นหยกทองคําจริงๆ ถึงกับสละผ้าฝ้ายทิ้ง นี่คือการจัดการของสํานักนี้อย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนส่ายหัว แล้วพูดอย่างเฉยชาว่า “นอกจากนี้จะน่าผิดหวังแล้ว ในฐานะผู้อาวุโส ยังไม่สามารถแยกแยะว่าอะไรถูกอะไรผิดอีก”
“เจ้าที่เป็นคนนอกจะไปเข้าใจอะไร! นี่ก็เพื่อประโยชน์ของสํานัก หรือว่าเจ้ากล้าหาเรื่องอาณาจักรเทียนหยุน?” ผู้อาวุโสไป๋อวี่พูดอย่างดูถูก “นอกจากคารมคมคายแล้ว เจ้ายังจะมีอะไรอีก? กล้าบอกว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุน หากที่นี่เป็นอาณาจักรเทียนหยุน เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน!
อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “คุกเข่า!”
แรงกดดันที่น่าสะพรึงกดทับลงบนร่างของผู้อาวุโสไป๋อวี่ ทําให้ขาทั้งสองข้างของผู้อาวุโสไป๋อวี่อ่อนลง คุกเข่าลงกับพื้นจริงๆ! เธอที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณกลับถูกบังคับให้คุกเข่าลงทั้งอย่างนี้เลย
รู้อยู่ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าแข็งแกร่ง แต่ว่าจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ? หรือว่าเขาจะมีพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 6 ที่ 7?
“เจ้า เจ้ากล้าทําให้ข้าคุกเข่าอย่างงั้นเหรอ…” ผู้อาวุโสไป๋อวี่กรีดร้องออกมา เธออยากจะลุกขึ้น แต่ก็ลุกไม่ได้ เธอรู้สึกเหมือนไหล่ทั้งสองข้างของเธอมีแรงกดดันที่หนักกว่าหมื่นจินกดทับอยู่ ทําให้เธอลุกไม่ขึ้น
“อย่าว่าแต่ทําให้เจ้าคุกเข่าเลย ต่อให้ข้าสังหารเจ้าวังไป๋เหลียนของเจ้าก็ไม่กล้าเอาเรื่องข้าแม้แต่น้อย!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา “ข้าสงสัยว่าเจ้าจะรวมหัวกับวังโหมวเทียน จึงคิดจะระบายความโกรธแทนกัน การที่วังไป๋เหลียนรวมหัวกับใครก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า แต่ตอนนี้ใครที่มีความสัมพันธ์กับวังโหมวเทียนแม้แต่น้อย จ่าเป็นต้องถูกคิดบัญชี!”
“คุณชาย…” อวี่ชีเชี่ยนกับพวกตกใจ พากันมองมาที่อี้เทียนหยุน
“เสี่ยวอวี่ เจ้ากลับมาแล้ว?”
ในตอนนี้เอง ผู้หญิงที่มีอายุพอๆ กับผู้อาวุโสไป๋อวี่ก็ได้เดินมา เมื่อเห็นอวี่ชีเชี่ยนก็ได้ยิ้มออกมา จากนั้นก็พบว่าสถานการณ์รอบๆ ดูไม่ดี
“ผู้อาวุโสซูฝาน….” อวี่ชีเชียนร้องออกมาด้วยน้ําเสียงเคารพ
“ผู้อาวุโสไป๋อวี่ เกิดอะไรขึ้น?” ผู้อาวุโสซูฝานขมวดคิ้ว จากนั้นก็มองไปที่อี้เทียนหยุน ไม่รู้ว่าทําไมผู้อาวุโสไป๋อวี่ถึงได้คุกเข่าต่อหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
อี้เทียนหยุนเพียงส่งแรงกดดันเข้าใส่ผู้อาวุโสไป๋อวี่เพียงคนเดียว ดังนั้นคนอื่นจึงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันแม้แต่น้อย
“ก็ไม่มีอะไร ข้าเป็นคนทําให้เธอคุกเข่าเอง” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ดูหมิ่นข้าอย่างต่อเนื่อง แค่ไม่ฆ่าเธอก็ดีเท่าไหร่แล้ว แค่ให้คุกเข่านิดหน่อยจะเป็นไรไป?”
“ผู้อาวุโสซูฝาน เด็กคนนี้ไม่รู้ว่ามีพื้นหลังอะไร ไม่เพียงแต่แกล้งบอกว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุน แต่ยังสังหารคนของวังโหมวเทียนด้วย! รีบไปพาผู้อาวุโสคนอื่นมาจับเขาเร็วเข้า จากนั้นก็ส่งให้อาณาจักรเทียนหยุน!” ผู้อาวุโสไป๋อวี่ตอนนี้รู้สึกอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อยากจะลุกแต่ก็ลุกไม่ขึ้น
“แกล้งบอกว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุนอย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสซูฝานตกใจ นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว
อวี่ชีเชี่ยนกับพวกไม่รู้ว่าเรื่องจะจบยังไง แต่พวกเธอเป็นรุ่นเยาว์ จะให้พูดอะไรได้?
“ที่เขาแกล้งบอกว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุนเพื่อต้องการช่วยศิษย์…” อวีชีเชียนเดินออกมาคุกเข่า พร้อมกับพูดแก้ต่างให้ “ดีที่คุณชายอี้ผู้นี้ช่วยศิษย์ไว้ ไม่อย่างนั้น ศิษย์คงถูกจับไปที่วังโหมวเทียนแล้ว หากจะโทษ ก็ขอผู้อาวุโสซูฝานโทษมาที่ศิษย์เถอะ… เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะศิษย์ จะให้ศิษย์ไปที่วังโหมวเทียนก็ได้”
“คุณชายอี้ พอแค่นี้เถอะ….. ข้ารู้ว่าท่านเจตนาดี แต่ได้โปรดพอได้แล้ว…” อวี่ชีเชี่ยนถอนหายใจ เธอรู้สึกสิ้นหวังแล้ว
ต่อให้อี้เทียนหยุนจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรเทียนหยุน ในสายตาของเธอนั้น ยังถือว่าห่างกันมาก
“เจ้าเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุนจริงๆ เหรอ?” ผู้อาวุโสซูฝานไม่ว่าหรือด่าออกมา แต่มองไปที่อี้เทียนหยุน
“มีปัญหาอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “คิดว่าข้าไม่มีราศีของราชา หรือเพราะว่าข้าเด็กเกินไป?”
เขารู้สึกว่าเป็นอันหลังมากกว่า ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งจะเป็นถึงมหาจักรพรรดิกัน?
“ผู้อาวุโสวังไป๋เหลียน ส่งอวี่ชีเชี่ยนกับเด็กหนุ่มคนนั้นมาให้ข้าซะ!”
ในตอนนี้เอง ได้มีเสียงคํารามด้วยความโกรธดังมาจากรถบินที่อยู่ในอากาศ จากนั้นก็มีสองสามร่างบินลงมา ในนั้นมีผู้ฝึกตนหน้าตาหล่อเหลาซึ่งมีระดับค่อนข้างต่ำ กับผู้ฝึกตนสองคนที่อยู่ใกล้ๆ ที่มีระดับสูงกว่าเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้คุ้มกัน ซึ่งต่างก็มีพลังถึงระดับผันแปรวิญญาณอย่างไม่คาดคิด
“นายน้อยฉี!” เมื่อเว่ยอวิ๋นเห็นนายน้อยผู้นั้น ก็พลันมีแรงขึ้นมา ขณะที่ในตาเต็มไปด้วยความรู้สึก
“อวี่ชีเชี่ยน ข้าอุตส่าห์เชิญเจ้าไปที่วังโหมวเทียนในฐานะแขก แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะสังหารคนของข้า! ไม่แปลกที่จะไม่รับการตามจีบของข้า ที่แท้ก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วนี่เอง!” นายน้อยพูดออกมาด้วยความโกรธ “แล้วเจ้าเด็กนั่นล่ะ อยู่ที่ไหน?”
“นายน้อยฉี เป็นมัน…” หยวนหลงที่นอนอยู่บนรถบินมายังอี้เทียนหยุนพร้อมกับพูดอย่างขมขึ้น “ไม่เพียงแต่จะสังหารคนของเราเท่านั้น แต่ยังบอกว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุนด้วย!”
นายน้อยฉีสายตาเย็นชา จากนั้นก็มองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยความโกรธ “เจ้า….”
แต่เมื่อเห็นใบหน้าอี้เทียนหยุนชัดๆ แล้ว คอของเขาก็เหมือนมีอะไรมาขัดไว้ แม้แต่ครึ่งคําก็ไม่สามารถพ่นออกมาได้
“ได้ยินว่าเจ้าสนิทกับข้าอย่างงั้นเหรอ ถึงขนาดเคยดื่มด้วยกัน แถมยังเรียกกันเป็นพี่เป็นน้องอีก?” อี้เทียนหยุนมองไปที่เขาด้วยท่าทางจริงจังแฝงไว้ด้วยความขบขัน
คราวนี้ได้เวลาคิดบัญชีที่เอาชื่อเขาไปก่อเรื่องแล้ว