CLS ตอนที่ 611: มหาจักรพรรดิ!
เทียนหยุนมองไปยังนายน้อยฉีเบาๆ แม้แต่ชื่อของเขาก็ยังไม่เรียก ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะชื่ออะไร เพราะยังไงเขาก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่เขาจะต้องไปทําความรู้จัก
“นายน้อยฉี มันนี่แหละที่แสร้งทําเป็นว่าตนเองคือมหาจักรพรรดิเทียนหยุน ไม่ใช่ว่าท่านเคยเห็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุนแล้วหรอกเหรอ ตอนนี้ได้เวลาฉีกโฉมหน้าที่แท้จริงของมันออกมาแล้ว!” หยวนหลงหัวเราะอยู่ด้านหลัง ขณะที่ในสายตาเต็มไปด้วยความความพอใจอย่างไร้ขีดจํากัด
เขาเตรียมที่จะเห็นอี้เทียนหยุนตายอยู่ตรงหน้าแล้ว แสร้งว่าตนเป็นมหาจักรพรรดเทียนหยุน คิดว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกอย่างงั้นเหรอ?” “ใช่ เขาแสร้งทําตัวเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุน แล้วยังบอกว่าตนเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุนอีกด้วย!“เว่ยอวนลุกขึ้น ราวกับมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมา พร้อมกับมองมาที่อี้เทียนหยุนโดยไม่หลบสายตาเขาอีกต่อไป ไม่มีอาการหวาดกลัวเหมือนแต่ก่อน
มีนายน้อยฉีคอยหนุนอยู่ด้านข้าง เธอก็สามารถโอ้อวดได้ พร้อมกับขจัดความกลัวเมื่อก่อนหน้าทิ้งไป กลายเป็นคนอวดดีคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส ในความคิดของเธอนั้น การได้รู้จักกับคนที่สนิทกับมหาจักรพรรดิเทียนหยุน ก็เหมือนกับว่าตัวเองได้สนิทกับมหาจักรพรรดิเทียนหยุนเช่นกัน
มหาจักรพรรดิเทียนหยุนนั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก เพียงคนเดียวก็แข็งแกร่งพอที่จะสามารถกวาดล้างอาณาจักรได้ เรื่องนี้ทําให้ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความเลื่อมใสอย่างไร้ขีดจํากัด เปรียบเสมือนตํานานของโลกมนุษย์!
อวที่เชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ หน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปตรงหน้านายน้อยฉี แล้วพูดว่า”นายน้อยฉี คุณชายไม่ได้แสร้งทําเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุน ทั้งหมดเป็นความผิดของผู้น้อยเอง…“
การออกมารับผิดของอวีเชียนทําให้เว่ยอขึ้นรู้สึกพอใจอย่างถึงที่สุด
ผู้อาวุโสไปอวก็อยากจะลุกขึ้นเหมือนกัน แต่ก็ทําไม่ได้ ทําได้เพียงร้องด่าออกมา”เจ้าเด็กนี้ ยังไม่รีบปล่อยข้าลุกขึ้นอีก!”
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าอี้เทียนหยุนเป็นตัวปลอมนั้น สองขาของนายน้อยฉีก็สั่นเทา หลังจากได้สติ ภายใต้สายตาที่ตกใจของผู้คน เขาก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่หน้าของเว่ยอน”เพี้ยะ”จนเสียงของมันดังออกมาให้ทุกคนได้ยิน
“บังอาจ! กล้าดียังไงถึงได้ลบหลู่มหาจักรพรรดิ์เทียนหยุน ท่านคือมหาจักรพรรดิเทียนหยุนตัวจริง ไม่ใช่ตัวปลอม!““ตุบนายน้อยทรุดเข่าลงกับพื้น พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าเคารพว่า”ขะ ขอคารวะมหาจักรพรรดิเทียนหยุน. “แขนขาทั้งสีของเขาหมอบราบกับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะยกมันขึ้น เนื่องเพราะความหวาดกลัว
เขาอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ําตา เรื่องที่เขาบอกว่าเคยดื่มกับอี้เทียนหยุนอะไรนั่น ล้วนแต่เป็นค่าพูดอวดโอ ของเขาทั้งนั้น ในความเป็นจริงเขาจะมีสิทธิ์ดื่มกับอี้เทียนหยุนได้ยังไง อย่างมากก็แค่เคยเห็นจากไกลๆครั้งหนึ่ง รู้ว่าหน้าตาเป็นแบบไหนเท่านั้น
คุณสมบัติที่จะดื่มกับอีกฝ่าย กระทั่งพ่อของเขายังไม่มี อย่าว่าแต่ตัวเขาเลย ทุกสิ่งที่พูด ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เขาคุยโม้ออกไปทั้งนั้น
ขณะที่นายน้อยฉีคุกเข่าลงไป คําพูดที่เขาพูดก็ได้ทําให้ทุกคนหวาดกลัว กระทั่งหยวนหลงหรือคนอื่นๆ ที่ตั้งคําถามในตัวอี้เทียนหยุน ต่างก็พากันเงียบราวกับคนตาย แม้แต่ครึ่งคําก็ไม่กล้าพูดออกมา
หนึ่งในตํานานที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ยุคนี้ ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าตนแล้ว แต่พวกเขากลับพากันตั้งค่าถามกับเขา ขนาดเทียนหยุนบอกว่าเขาเป็นมหาจักรพรรดิ์เทียนหยุนด้วยตัวเองก็ไม่มีใครเชื่อ
ตอนนี้เมื่อนายน้อยฉีเป็นคนพูดออกมา แล้วใครยังจะไม่เชื่ออีก? มีแค่เขาเท่านั้นที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของอี้เทียนหยุนมาก่อน
เว่ยอขึ้นเอามือกุมหน้าที่ถูกตบด้วยสีหน้าซีดเซียว พร้อมกับมองมาที่อี้เทียนหยุนท่าทางโง่งม ขณะที่ในตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ตัวปลอมที่พวกเธอเอาแต่หัวเราะเยาะพร้อมกับพูดจาดูถูกเมื่อก่อนหน้า ที่แท้กลับเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุนตัวจริง
ตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บที่ใบหน้าอีกต่อไป แต่กําลังตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้ามากกว่า
“ได้ยินว่าเจ้าสนิทกับข้ามากสินะ?“อี้เทียนหยุนถามขึ้นอย่างเฉยชา
“ไม่ ไม่… ปะ เป็นเขาที่พูดจาเหลวไหล ข้าไม่เคยรู้มาก่อน! “นายน้อยฉีกระโดดตึงขึ้นมา พร้อมกับชักกระบี่ที่เหน็บอยู่ที่เอวเล็งไปยังหยวนหลงที่นอนอยู่บนรถบิน พร้อมกับแทงออกไปอย่างโหดเหี้ยม”เจ้ากล้าใช้ชื่อของมหาจักรพรรดิเทียนหยุน เพื่อทําสิ่งชั่วร้ายที่ภายนอก จงตายเพื่อชดใช้ความผิดเสีย!”
หยวนหลงไม่กล้าเชื่อเมื่อมองดูกระบี่พุ่งมาที่อก นี่เป็นกระปที่เอากันถึงตาย ไร้ซึ่งความปรานี เขาติดตามนายน้อยฉีมาหลายปี แต่ไม่คิดเลยว่าจะบอกฆ่าเป็นฆ่า ไม่มีการยั้งมือ
“นายน้อยฉี…..“ก่อนที่จะตาย สีหน้าของหยวนหลงต่างก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาไม่ได้ไม่พอใจเทียนหยุน แต่ไม่พอใจนายน้อยของตน ไม่คิดว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องโกหก เขาไม่ได้รู้จักอะไรกับอี้เทียนหยุน เพียงแค่เคยเห็นหน้าเท่านั้น นอกจากนี้ เขายังโยนความผิดทุกอย่างมาให้เขา ทั้งที่ตัวเองเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมาก่อน
จากนั้น หยวนหลงก็ได้ตายไป ตัวเขานั้นตายโดยที่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่ว่าก็สามารถเข้าใจได้ หากว่านายน้อยฉีไม่ทําอย่างนี้ วังโหมวเทียนของพวกเขาคงต้องถูกดึงเข้ามาพัวพันอย่างแน่นอน
“มหาจักรพรรดิเทียนหยุน สร้างปัญหาให้ท่านแล้ว ตอนนี้ข้าได้สั่งสอนคนที่ก่อปัญหานี้เรียบร้อยแล้ว…“หลังของนายน้อยฉีชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่รู้ว่าการกระทํานี้ของเขาจะทําให้ตัวเองรอดไหม
“คุกเข่า!”
เทียนหยุนหน้าเย็นชา พร้อมกับส่งแรงกดดันมหาศาลเข้าใส่นายน้อยฉีผู้นี้”ตุบเข่าทั้งสองข้างของนายน้อยฉีทรุดลงกับพื้นอย่างแรง จนทําให้มีเลือดไหลออกมา ย่อมพื้นเป็นสีชมพูอ่อนๆ เห็นได้ชัดเลยว่าแรงกดดันนี้หนักหน่วงแค่ไหน ถึงขนาดว่าหนักกว่าของผู้อาวุโสไป๋อที่อยู่อีกด้านอีก
“การกระทํานี้คงจะได้ผลหากใช้กับผู้อื่น แต่สําหรับข้าแล้ว เจ้าคิดว่ามันได้ผลไหม?”เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา”เอาชื่อข้าไปใช้ประโยชน์ ทําเรื่องเลวร้ายที่ด้านนอก และยังคิดลักพาคนอีก ความกล้าของเจ้านี้ไม่ใช่น้อยๆเลยจริงๆ “ขะ ข้าผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย…“นายน้อยฉีเข้าใจดี ดังนั้นจึงรีบโขกคํานับรับความผิด โขกหัวลงกับพื้นอย่างแรง ไม่กล้าที่จะหยุด
ซึ่งฉากนี้ล้วนแต่ตกอยู่ในสายตาของทุกคน และก็ไม่สามารถอธิบายด้วยความว่าตกใจได้ ตอนนี้ในใจแต่ละคนต่างก็พากันรู้สึกสั่นสะท้าน
โดยเฉพาะจาวอวที่หลั่งเหงื่อซก ก่อนหน้านี้เธอยังเคยพูดไปว่า หากเทียนหยุนเป็นมหาจักรพรรดิ งั้นเธอก็คงเป็นจักรพรรดินี้แล้ว ตอนนี้ปรากฏว่าอีกฝ่ายเป็นมหาจักรพรรดิจริงๆ อย่างนี้ตัวเองคงเสร็จแน่แล้วใช่ไหม?
“ขะ ข้า…“จ้าวอวรีบคุกเข่าลง อยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ําตา หวาดกลัวจนแข้งขาอ่อน ไม่ใช่ว่าเทียนหยุนทําให้เธอคุกเข่าลง แต่เป็นเธอที่คุกเข่าลงด้วยตัวเอง
เทียนหยุนปรายตาไปมองพวกเธอ กระทั่งเว่ยอขึ้นเองก็คุกเข่าลงด้วย แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าโง่งม ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ยิ่งสีหน้าของผู้อาวุโสไปอวด้วยแล้วยิ่งน่าดูเข้าไปใหญ่ เดี๋ยวขาวเดี่ยวคล้า ก่อนหน้านี้ที่ดูถูกอีกฝ่าย ทําให้ในตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจจนลําไส้บิดเขียว
หากเทียนหยุนจะเอาโทษ และสังหารพวกเธอ ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะเอาเรื่องอย่างแน่นอน
อวี่ชีเชี่ยนก็มองมาที่เขาเช่นกัน รู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างเป็นดั่งภาพลวงตา มหาจักรพรรดิเทียนหยุนที่ เพียงเคยได้ยินชื่อ ตอนนี้กลับปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอแล้ว ไม่คิดว่าประมุขหุ่นเชิดของวังเทียนจเมื่อตอนนั้น ตอนนี้จะเป็นถึงมหาจักรพรรดิ!
“ลูกขึ้น”เทียนหยุนบอกให้อวี่ชีเชียนและจ้าวอลุกขึ้น ส่วนคนอื่นยังคงต้องคุกเข่าต่อไป
“ฝ่าบาท…. ท่านจะไม่เอาเรื่องข้าใช่ไหม?”จ้าวอวรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เมื่อคิดถึงค่าพูดที่เคยพูดเอาไว้เมื่อก่อนหน้า ยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัด
“มีอะไรต้องโทษเจ้าด้วย ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด… “จากนั้น เทียนหยุนก็ละสายตาจากพวกเธอไปยังผู้อาวุโสไปอวี่ พร้อมกับพูดอย่างเฉยชาว่า”แต่สําหรับบางคนก็จําเป็นต้องคุกเข่า แม้ว่าข้าจะไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับประมุขวิ่งไป๋เหลียน แต่คนที่รวมหัวกับคนนอกรังแกคนอ่อนแอโดยอาศัยความสัมพันธ์นั้นเป็นสิ่งที่ข้าไม่ต้องการจะเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้าด้วยแล้ว…..”
สีหน้าของพวกผู้อาวุโสไอวี่เปลี่ยนสี พร้อมกับหลังที่ชุ่มไปเหงื่อ รับทําการโขกศีรษะในทันที
“ขออภัยด้วย พะ พวกเราไม่ได้ตั้งใจ…”
พวกเธอพากันโขกศีรษะไม่หยุด การโขกศีรษะในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ยังไงก็ต้องเอาชีวิตให้รอดก่อน และก็ไม่อยากให้สํานักต้องถูกดึงเข้ามาร่วมด้วย!
หากเทียนหยุนโมโหขึ้นมา ทั่วทั้งสํานักคงถึงคราวจบสิ้น