CILS ตอนที่ 616: วิญญาณเวทย์
สมบัติที่แสนน่าทึ่งอยู่ตรงหน้า เป็นไปไม่ได้ที่อี้เทียนหยุนจะไม่ตื่นเต้น หากสามารถได้รับอุปกรณ์ระดับเทวะขั้นกลางมา ก็จะมีส่วนช่วยกับการต่อสู้ในอนาคตของเขามาก
ถึงยังไงเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงอยู่แล้ว สมบัติยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่มีใครหรอกที่จะรังเกียจว่ามีสมบัติมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วกับสมบัติล้ําค่า เจอเมื่อไหร่เขาก็อยากจะเก็บมันลงกระเป๋าเมื่อนั้น
แต่ปัญหาคือมันทําหน้าที่ผนึกปีศาจอยู่! แต่จะเป็นปีศาจอะไรนั้น เขาก็ไม่แน่ใจนัก แต่การที่ต้องสร้างผนึกอย่างแน่นหนาขนาดนี้ ตัวตนที่ถูกผนึกไว้นี้ ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
หากปล่อยออกมา ตัวเขาเองนั้นสามารถหนีไปยังโลกสวรรค์ หรือว่าโลกใต้พิภพได้ แต่สหายในโลกมนุษย์ของเขาล่ะ? ขุมอํานาจของเขาล่ะ? กลัวว่าทั้งหมดคงถูกทําลายสิ้น พร้อมกับมีคนตายนับไม่ถ้วน
ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากจะเห็น ดังนั้นจึงจําเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผนึกนี้ ไม่สามารถปล่อยให้ผนึกนี้ถูกทําลายได้อย่างเด็ดขาด
“เจ้าออกไปด้านนอกและฝึกด ในสภาพที่หยินหยางรวมกันอยู่ มันจะทําให้ความเร็วในการฝึกของเจ้าเร็วขึ้นมาก หากเทียบกับปกติ” อี้เทียนหยุนแนะน่า
“เป็นแบบนี้ได้ด้วยเหรอเพคะ?”
ในใจพวกไป๋อวี้เหลียนรู้สึกสงสัย พร้อมกับเดินออกไปนอกห้องลับ จากนั้นก็นั่งเข้าสมาธิเพื่อฝึกฝน และก็พบว่าความเร็วในการฝึกของพวกเธอเร็วขึ้นกว่าปกติมากจริงๆ ในสภาพที่หยินหยางรวมตัวกัน มันจะก่อให้เกิดพลังที่สมดุลเป็นพิเศษ หลังจากที่ดูดซับเข้าไป ต่อให้พวกเธอจะกายาที่ตรงกันข้าม ก็ยังได้รับผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง
อยู่ดี
“มีแบบนี้ด้วย พวกเราไม่เคยคิดเลยจริงๆ…”
อย่าว่าแต่พวกเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลย ตั้งแต่ไหนแต่ไร ที่นี่ก็ไม่ได้เป็นที่ที่เหมาะอะไรอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีสถานการณ์แบบนี้ขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครเคยลอง และที่อี้เทียนหยุนให้พวกเธอออกมาฝึกที่ด้านนอก พวกเธอก็รู้ดีว่าเพราะอะไร เพราะเขาเตรียมจะซ่อมแซมค่ายกลนั่นยังไงล่ะ
หลังจากพวกเธอออกไป เขาก็จะได้ทุ่มสมาธิทั้งหมดให้กับการซ่อมแซม ทั้งยังเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุอื่นๆอีก
แต่ที่จริงแล้วอี้เทียนหยุนคิดว่าอาจจะมีอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้เกิดขึ้น และจะส่งผลต่อพวกเธอ ดังนั้นคงจะดีกว่าหากให้พวกเธอออกจากห้องนี้ไปก่อน
“ค่ายกลที่นี่ซับซ้อนจริงๆ สมแล้วที่เป็นถึงค่ายกลระดับผู้สร้าง กลัวว่าคงมีแต่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงจะสร้างมันขึ้นมาได้…”
เทียนหยุนสอดส่ายสายตาตรวจสอบบนตัวโซ่ และก็พบว่าค่ายกลที่อยู่บนโซได้เกิดความเสียหายอยู่หลายจุด แม้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะไม่ได้ใหญ่มาก เป็นเพียงร่องรอยเล็กๆ แต่ถึงจะเล็กก็ทําให้ไม่สามารถป้องกันพลังงานด้านในไม่ให้ออกมาได้
“มาเริ่มซ่อมกันเลยดีกว่า”
เทียนหยุนเปิดใช้งานเนตรสวรรค์ในทันที พริบตา ค่ายกลเล็กๆ ที่สลักอยู่ก็ปรากฏขึ้นโดยสมบูรณ์ แม้จะเป็นค่ายกลระดับผู้สร้าง แต่เนตรสวรรค์ก็ยังใช้งานได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน นี่คือทักษะชั้นยอด ต่อให้เป็นตัวราชาศักดิ์สิทธิ์เอง ก็ยังไม่มีทักษะที่ทั้งน่าทิ้งและใช้งานง่ายขนาดนี้
ภายใต้เนตรสวรรค์ เขาทําการตรวจสอบทุกอย่างอย่างละเอียดผ่านทางดวงตาประเมินไม่หยุด และหาวิธีซ่อมแซม ในพริบตา เขาก็รู้ว่าต้องซ่อมยังไง แม้ว่าจะเป็นค่ายกลระดับผู้สร้าง แต่การซ่อมแซมส่วนเล็กส่วนน้อย สําหรับเขาแล้วถือว่าไม่มีปัญหา
ทั้งเขาในตอนนี้ก็เป็นถึงปรมาจารย์สลักอาคมแล้ว แม้จะไม่สามารถสร้างขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะซ่อมไม่ได้เสียหน่อย
จากนั้น ในมือของเขาก็ปรากฏพู่กันสลักอาคมขึ้น ข้างหนึ่งเป็นพู่กันเวทย์ขนมังกรที่ได้มาจากรังฟีนิกซ์ และอีกอันคือพู่กันระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ําที่เถ้าแก่เย่มอบให้เขา
จากนั้นเขาก็ค่อยๆรวมพลัง พร้อมกับเริ่มทําการซ่อมแซม ความเร็วที่ใช้เป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่พลังวิญญาณกลับถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว การจะซ่อมแซมค่ายกลที่เหนือไปกว่าความชํานาญของตน แน่นอนว่าต้องมีการเผาผลาญจํานวนมากเป็นธรรมดา
โดยเฉพาะเมื่อเปิดใช้งานเนตรสวรรค์ร่วมด้วย ทําให้การเผาผลาญของเขาเป็นไปในอัตราที่ค่อนข้างสูง
“ตั้ง ท่านซ่อมแซมค่ายกลระดับผู้สร้างสําเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 1 ล้าน, ค่าความชํานาญในการสลักอาคม 5,000!
ใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วยาม ในที่สุดเขาก็ซ่อมแซมค่ายกลเล็กๆ นี้สาเร็จ ค่าประสบการณ์และค่าความชํานาญที่ได้ก็สุดยอดอย่างที่คิดเอาไว้
แม้ว่าเขาจะสามารถเปิดใช้งานโหมดคลั่งเพื่อเพิ่มความเร็วในการสลักอาคมขึ้น 16 เท่าได้ แต่ค่าความคลั่งที่ต้องเสียไปก็เป็นจํานวนมหาศาล ดังนั้นหากไม่จําเป็นเขาก็จะไม่ทํา
ตอนนี้เขามีเวลาอย่างเหลือเฟือ ดังนั้นจึงไม่จําเป็นใช้มัน แต่หากว่าอีกไม่นานปีศาจจะทําลายผนึกออกมาได้ อย่างนั้นก็คงเป็นอีกแบบ
“มาซ่อมอันต่อไปกัน….”
ขณะที่อี้เทียนหยุนทําการซ่อมแซมอย่างบ้าคลั่งอยู่ด้านใน ไป๋อวี้เหลียนหลังจากที่ใช้เวลาฝึกสักพักก็ได้ ออกไปจากที่นี่ ทิ้งให้อรี่ชีเชียนคอยดูที่นี่ไว้
สภาพแวดล้อมในการฝึกของที่นี่ดีเยี่ยม แต่ว่าเรื่องที่ไป๋อวี่เหลียนต้องจัดการนั้นมีมาก ในฐานะประมุข เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะปิดด่านฝึกตน ดังนั้นจึงต้องออกไปจัดการเรื่องราวต่างๆ ยิ่งกว่านั้น เธอยังต้องจัดการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ที่นี้ พร้อมทั้งประกาศให้ที่นี่เป็นเขตหวงห้าม ห้ามไม่ให้ใครเข้ามา แม้แต่ระดับผู้อาวุโสเองก็ตาม!
พร้อมๆกับเวลาที่ล่วงผ่าน วันแล้ววันเล่า พลังวิญญาณของอี้เทียนหยุนก็ถูกผลาญจนเกือบหมด ทําให้เขาเลือกที่จะนั่งสมาธิเพื่อพักผ่อน หลังจากฟื้นตัวดีแล้ว เขาก็ลุกขึ้นมาซ่อมแซมต่อ
พร้อมกับการซ่อมแซมเสร็จครั้งแล้วครั้งเล่า ทําให้เขาได้รับค่าประสบการณ์และค่าความชํานาญมาเป็นจํานวนมาก นี่เป็นโอกาสในการเลื่อนระดับที่หาได้ยาก เขาต้องใช้โอกาสนี้สะสมค่าความชํานาญ เพื่อเลื่อนระดับความเชี่ยวชาญด้านการสลักอาคมของตน
ในเมื่อที่นี่มีโอกาสที่จะเลื่อนระดับ ดังนั้นเขาจึงต้องใช้โอกาสนี้เลื่อนระดับมันเสียเลย
“ตั้ง ท่านซ่อมแซมค่ายกลสําเร็จ…”
เมื่อเขาซ่อมแซมค่ายกลอีกอันสําเร็จ พร้อมกับรับค่าประสบการณ์ค่าความชํานาญมาแล้ว ในขณะที่เขากําลังจะซ่อมโซ่เส้นต่อไปนั้น ก็มีเสียงดังมาจากใกล้ๆขึ้นมา
“เจ้ากําลังซ่อมแซมผนึกของนายท่านอย่างงั้นเหรอ?”
ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเสียงเหมือนภูตผีดังขึ้นมาใกล้ๆ พร้อมกันนั้นก็ได้มีร่างของชายชราลอยออกมาจากหินก้อนนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือวิญญาณมายา
“วิญญาณเวทย์ของป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์อย่างงั้นเหรอ?”
เทียนหยุนตกใจไปครู่หนึ่ง เขาไม่ค่อยได้เจอวิญญาณเวทย์เท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่จะเป็นวิญญาณมายาที่ถูกสร้างมามากกว่า แต่กับวิญญาณเวทย์นี้มันต่างกันไปโดยสิ้นเชิง
วิญญาณเวทย์เปรียบเสมือนกับวิญญาณของป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์ หากว่าวิญญาณเวทย์ตาย สมบัติชิ้นนี้ก็จะสลายไปด้วย มันค่อนข้างยากที่จะมีวิญญาณเวทย์เกิดขึ้นมา การที่สามารถทําให้สมบัติพูดได้ คิดดูสิว่ายากขนาดไหน
นี่จําเป็นต้องอาศัยเวลาที่นานมาก จึงจะสามารถให้กําเนิดวิญญาณเวทย์ขึ้นมาได้ แต่พลังของมันก็น่าที่งมากเช่นกัน
“ใช่แล้ว ข้าคือวิญญาณเวทย์ของป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์ หากว่าเจ้าไม่ซ่อมแซมค่ายกลนี้ ข้าก็คงไม่มีวิธีที่จะแสดงตัวออกมาได้จริงๆ“ชายชรามองเขาขึ้นๆ ลงๆ จากนั้นก็พูดว่า”เจ้าก็ดูไม่เหมือนว่าจะเป็นทายาทของนายท่าน ทําไมถึงต้องมาช่วยซ่อมผนึกนี้ด้วย?” “ข้าก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ถูกผนึกไว้นี้คืออะไรเหมือนกัน แต่รู้สึกว่า มันอันตรายมาก ในเมื่อข้ามีความสามารถที่ซ่อมมันได้ ก็เลยคิดว่าช่วยซ่อมมันจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะออกมาสู่โลก”อี้เทียนหยุนพูด
หากว่าระดับของเขาแข็งแกร่งกว่านี้ เขาก็คงไม่รังเกียจที่จะปล่อยมันออกมา แต่ตอนนี้เขาไม่คิดว่าตนจะไร้เทียมทาน ต่อให้จะมีชุดเทพมารอยู่ เขาก็ไม่คิดว่าจะจัดการกับมันได้
แม้เขาอาจจะสังหารระดับราชาเซียนขั้นสูงสุดได้ แต่หากเป็นระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาล่ะ เขายังจะสามารถป้องกันไว้ได้อีกไหม? กลัวว่าคงถูกตบตายในฝ่ามือเดียวมากกว่า
“ฮ่าๆ ไม่คิดเลยว่าคนที่สามารถมองเห็นระดับของสมบัติชิ้นนี้ได้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่โลภมาก เจ้าเป็นคนส่วนน้อยที่ข้าเคยเจอเลยล่ะ“วิญญาณเวทย์เอ่ยชมเขา”เห็นเจ้าซ่อมแซมค่ายกลแล้ว ข้าก็เคยไม่ตบเจ้าจนตาย ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะท่าลายค่ายกลนี้ จะต้องตายโดยไม่มีการละเว้น!”
วิญญาณเวทย์เหมือนมีข้อตกลงอยู่ก่อน พร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกมา! นี่เป็นจิตสังหารที่รุนแรงมาก ไม่ใช่อะไรที่วิญญาณเวทย์ทั่วไปจะสามารถปล่อยออกมาได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์นี้ จะต้องคร่าชีวิตไปจํานวนมากอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้น มันคงไม่มีจิตสังหารที่น่าขนลุกได้ถึงขนาดนี้
อี้เทียนหยุนหรี่ตาจ้องไปที่วิญญาณเวทย์ตนนี้ และก็พบว่าพลังของมันแข็งแกร่งมาก เป็นพลังระดับราชาเซียนขั้นที่ 2 เทียบกับบรรพชนไท่ซ่างแล้วยังแข็งแกร่งกว่า
หากว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณทั่วไปเข้ามา กลัวว่าคงถูกมันตบตายในฝ่ามือเดียวจริงๆ