CLS ตอนที่ 617: ปัญหาใหญ่
วิญญาณเวทย์มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก แต่นี้ก็เป็นเพราะการมีอยู่ของป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์สิ่งนี้ไม่จําเป็นต้องมีนายคอยควบคุมก็สามารถสังหารศัตรูได้อย่างอิสระ ทั้งยังมีความคิดเป็นของตัวเองนี่มันเกินไปกว่าที่จะเรียกว่าอาวุธได้แล้วแต่ควรจะเรียกว่าคนมีชีวิตมากกว่า!
แม่นี่อาจจะเป็นความคิดที่ดูเกินจริง แต่ความจริงแล้วพวกเขาไม่สามารถส่าเร็จถึงขึ้นนี้ได้ ป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์นั้น แท้จริงแล้วมีนายอยู่ก่อน ซึ่งก็คือผู้สร้างมหาค่ายกลที่นี้การที่สามารถสร้างวิญญาณเวทย์ให้ออกมาโจมตีด้วยตัวเองนี้ ความสําเร็จของมันย่อมไม่เท่ากับตัวเองเป็นคนใช้อุปกรณ์ระดับเทวะนี้โจมตีเอง
ซึ่งนี่ก็เป็นอะไรที่ธรรมดาอยู่แล้ว ถึงยังไงอุปกรณ์ระดับเทวะก็ไม่สามารถกระตุ้นพลังวิญญาณออกมาได้ ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไรไปจากขยะ จากการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย หากที่นี่ไม่มีมหาค่ายกลที่คอยรวบรวมพลังวิญญาณเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้วล่ะก็ป่านนี้ตัวมันคงสลายไปนานแล้ว
และการสร้างภาพออกมาก็ไม่ได้ต่างอะไรกันกับวิญญาณมายา แต่ความต่างที่ใหญ่ที่สุดก็คือมันสามารถใช้พลังของมันเปรียบเสมือนคนๆ หนึ่งได้ ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับพลังของอาวุธแล้ว จึงทําให้พลังของมันนั้นพุ่งไปถึงจุดที่น่าฟัง ถึงยังไงแล้วอุปกรณ์ระดับเทวะชิ้นนี้ก็มีวิญญาณเป็นของตัวเองดังนั้นหากจะวัดกันในด้านพลังแล้วถือว่าแข็งแกร่งกว่าอุปกรณ์ระดับเทวะทั่วไปอยู่มากนัก
และพลังวิญญาณที่ออกมาจากยอดเขาทั้งสิบลูก ส่วนใหญ่ก็ถูกวิญญาณเวทย์ตนนี้ดูดกลืนไว้ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสะกดที่แห่งนี้เอาไว้ได้
“งั้น ในนั้นก็ผนึกปีศาจอยู่จริงๆ อย่างงั้นเหรอ? หรือควรจะพูดว่าผนึกผู้เชี่ยวชาญเอาไว้ดี?” เทียนหยุนหรี่ตามอง พร้อมกับคิดถึงสถานการณ์ด้านใน ขณะที่ถามออกมา
“ความแข็งแกร่งของเจ้าถือว่าดี อีกทั้งยังสามารถซ่อมแซมค่ายกลนี้ได้ด้วยด้วย คงจะรู้สถานการณ์พอคร่าวๆ แล้วสินะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของวิญญาณเวทย์หุบลง “เจ้าเดาได้ถูกแล้วข้างในผนึกมีปีศาจอยู่ตนหนึ่งจริงๆ พูดให้ถูกคือเผ่าที่มาจากนอกโลกซึ่งมาจากนอกโลก ในตอนนั้นมีตัวหนึ่งได้เข้ามาทําการเข่นฆ่าในโลก มนุษย์ จนในที่สุดก็ถูกนายท่านเอาชนะได้สําเร็จและให้ข้าคอยสะกดมันเอาไว้ตลอดกาล”
“เผ่าที่มาจากนอกโลกอย่างงั้นเหรอ? หรือว่าจะเป็นโลกสวรรค์ ไม่ก็โลกใต้พิภพ?” เทียนหยุนถาม
“ไม่ ไม่ใช่ทั้งสองที่ วันหนึ่ง อยู่ๆ ก็ได้มีศัตรูบุกผ่านม่านพลังสีฟ้าเข้ามา ไม่รู้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ในขณะที่ปีศาจตนนี้ทําการสังหาร มันก็ได้ดูดกลืนชีวิตเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ตอนนั้นมีคนตายกันมากนักจนนายท่านต้องทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อผนึกมันเอาไว้ทั้งที่ยังมีชีวิตถือเป็นหายนะทําลายล้างโลกได้อย่างแท้จริง!”
“หลังจากที่โลกมนุษย์ถูกทําลาย กลัวว่าตาต่อไปคงถึงที่ของโลกสวรรค์ ไม่ก็โลกใต้พิภพ!”
สีหน้าของวิญญาณเวทย์เต็มไปด้วยความหดหู หากผนึกมันไว้ไม่ได้ กลัวว่ามันคงกลืนกินกระทั่งสามโลกเข้าไป
“เผ่าที่มาจากนอกโลก นี่มันช่างลึกลับจริงๆ เห็นได้ชัดว่านายท่านของเจ้าต้องเป็นถึงระดับราชาศักดิ์สิทธิ์นี้เขาไม่มีวิธีที่จะสังหารมันเลยเหรอ?” เทียนหยุนขมวดคิ้ว นี่แสดงว่าเขาคิดถูกจริงๆ หากว่าเปิดผนึกออกตามอ่าเภอใจ กลัวว่าแม้แต่เขาเองก็คงต้องตาย
“ใช่ นายท่านของข้าคือราชาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ชื่อของท่านคือราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน!” วิญญาณเวทย์เอ่ยนามของเจ้านายตนอย่างภาคภูมิ พร้อมกับพูดว่า “นายท่านนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ว่าปีศาจจากนอกโลกนี้กลับแข็งแกร่งกว่า! แต่ถึงยังไงนายท่านก็เอาชนะมันได้ ดังนั้นมันจึงได้ถูกนายท่านผนึกไว้ แต่จะให้สังหารมันนั้นนับเป็นเรื่องที่ยากมากสายเลือดของปีศาจตนนี้แข็งแกร่งเกินไปความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองแข็งแกร่งมากทําได้เพียงสะกดเอาไว้เท่านั้น ไม่สามารถสังหารได้”
นี่ก็เหมือนกับเผ่าวิญญาณร้ายที่รั่งฟีนิกซ์ จะฆ่าก็ฆ่าไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็เปล่าประโยชน์ทําได้เพียงสะกดเอาไว้เท่านั้น
และเห็นได้ชัดเลยว่าปีศาจตนนี้มีระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ หากปล่อยออกมา เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยและก็จะต้องเกิดหายนะอย่างแน่นอน
“ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน?” เทียนหยุนตกใจ แต่ก็ไม่ได้ผิดคาด ราชาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หัวผักกาดไม่ใช่ว่าจะมีเยอะขนาดนั้น
“แล้วโลกมนุษย์สามารถรับรองผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้ด้วยเหรอ?” อี้เทียนหยุนรู้สึกแปลกใจอย่างมากก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่า โลกมนุษย์นั้นสามารถรับรองได้แค่ระดับราชาวิญญาณขั้นสูงสุดเท่านั้นหากว่ามีระดับสูงกว่านั้นจําต้องถูกสะกดไว้ หรือไม่ก็ถูกบังคับให้ต้องไปยังโลกสวรรค์ ไม่ก็โลกใต้พิภพแต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังนั้นมีออกมากระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียน
ตอนนี้กลับบอกว่าแม้แต่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถออกมาเดินเล่นที่นี่ได้?
“ที่จริงแล้วโลกมนุษย์ไม่ได้มีการจํากัดระดับอะไรนั่นหรอกแต่เป็นเพราะนายท่านร่วมมือกับราชาศักดิ์สิทธิ์คนอื่นตั้งกฏขึ้นพร้อมกับให้ผู้ฝึกตนที่มีระดับสูงเกินไปไปที่โลกสวรรค์หรือไม่ก็โลกใต้พิภพตอนนี้กฏก็ได้เริ่ม คลายลงเล็กน้อยแล้วทําให้ระดับที่ถูกจํากัดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย”
“ที่นายท่านทําอย่างนี้ เหตุผลก็เพื่อให้ที่นี่ปลอดภัยขึ้น เพราะโลกมนุษย์นั้นเปราะบางเล็กน้อยหากสู้กันมันง่ายที่จะทําให้มิติฉีกขาด จนท่าให้พวกนอกโลกบุกเข้ามาได้ ดังนั้น จึงได้มีการจํากัดความแข็งแกร่งไว้ที่ระดับราชาวิญญาณขั้นสูงสุด หากต้องการเพิ่มระดับมากกว่านั้นจําเป็นต้องเลือกไปอีกสองโลกที่เหลือ”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย?”
เทียนหยุนนัยน์ตาหดลง จากคําพูดนี้ ทําให้เห็นว่าระดับราชาศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังมากถึงขนาดสร้างกฎขึ้นมาได้จากคําพูดนี้ ไม่ใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับราชาศักดิ์สิทธิ์เปรียบดั่งสวรรค์หรอกเหรอ?
“ใช่ พวกนอกโลกถูกฆ่าตายระหว่างสงคราม ส่วนสถานการณ์นอกโลกเป็นยังไงนั้น ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด” สิ่งที่วิญญาณเวทย์รู้มีอย่างจํากัดทั้งยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาก ก่อนที่มันจะต้องมาสะกดที่นี่เอาไว้เสียอีก มันไม่ ได้ออกเดินทางท่องโลกไปพร้อมกับราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนดังนั้นจึงรู้เรื่องไม่มากนัก
“ในสามโลก มีระดับราชาศักดิ์สิทธิ์อยู่มากน้อยเท่าไหร่?” เทียนหยุนจับประโยคหนึ่งได้ นั่นคือเรื่องที่นายท่านของมันร่วมมือกับระดับราชาศักดิ์สิทธิ์คนอื่น
“จากที่ข้ารู้นั้นมีอยู่ 3 ราชาศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งคือนายท่าน, อีกหนึ่งคือในโลกใต้พิภพ, และอีกหนึ่งอยู่ในโลกสวรรค์ นายท่านถือว่าเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ของโลกมนุษย์” วิญญาณเวทย์สรุปออกมา
“3 ราชาศักดิ์สิทธิ์…” เทียนหยุนหรี่ตา “แล้วเจ้ารู้ไหมว่านายท่านของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
สามราชาศักดิ์สิทธิ์หายตัวไป อย่างน้อยก็ราชาศักดิ์สิทธิ์ของโลกนี้ ที่เขาไม่สามารถหาอาณาจักรเฟยเทียนเจอที่โลกใต้พิภพ ที่แท้สถานที่ตั้งที่แท้จริงก็อยู่ในโลกมนุษย์นี่เอง เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนของโลกใต้พิภพเสียอีก
“อันนี้ข้าก็ไม่ทราบ ข้าไม่สามารถติดต่อนายท่านได้เช่นกัน…” สีหน้าวิญญาณเวทย์ดูหดหู กับสถานการณ์แบบนี้หากไม่อยู่ไกลกันมากก็ต้องตายไปแล้ว
“เป็นไปได้ไหมว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามจะยังอยู่ที่นี่…” สายตาอี้เทียนหยุนเหม่อลอย หลังจากที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามสร้างกฏที่นี่ขึ้น ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย มีความเป็นไปได้มากว่าจะต้องมีความสัมพันธ์กับเผ่านอกโลกนี้
“นี่ก็ไม่แน่ชัดนักแต่มีเรื่องสําคัญเล็กน้อย นั่นคือปีศาจที่ข้าสะกดไว้เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทําให้ผนึกได้รับความเสียหายนิดหน่อยอย่างที่เห็น”วิญญาณเวทย์พูดอย่างจริงจัง “ต่อให้เจ้าจะซ่อมแซมค่ายกลทั้งหมดก็ไม่มีทางที่จะสะกดปีศาจตนนี้ไม่ได้อยู่ดี!”
“แล้วต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ก่อนที่มันจะออกมาได้?” เทียนหยุนไม่กลัว ที่เขาอยากรู้คือเหลือเวลาอีกนานเท่าไหร่เท่านั้น
“เพราะเจ้าได้ซ่อมแซมค่ายกลจํานวนมาก หากว่าซ่อมแซมได้สมบูรณ์ อย่างน้อยก็ยังมีเวลาอีก 100 ปีแต่หากซ่อมแซมไม่สมบูรณ์อย่างสภาพตอนนี้ ก็น่าจะต้านทานเอาไว้ได้ประมาณ 60 ปี” วิญญาณเวทย์คิด จากน นก็เสริมขึ้นว่า “ซึ่งเป็นเวลาที่สั้น ไม่ได้นานมาก”
“หากซ่อมแซมได้ดีก็จะต้านทานไว้ได้ 100 ปีสินะ…”
อี้เทียนหยุนครุ่นคิด ว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะจัดการกับปีศาจระดับราชาศักดิ์สิทธิ์นี้ยังไง! ในปัจจุบันนี้เขามีอยู่สองทางเลือก ทางเลือกแรกคือทะลวงเข้าสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็รอให้มันทําลายผนึกออกมาแล้วจัดการมันซะส่วนทางเลือกที่สองคือรวมพลังกับอีกสองโลกเพื่อมาจัดการกับปีศาจตนนี้ด้วยกัน
ซึ่งทางเลือกที่สองนั้น เขาไม่สามารถรู้ได้ว่าจะสําเร็จไหม หากว่าเป็นขุมอํานาจที่โลภมากพูดไปก็เปล่าประโยชน์เมื่อผนึกนี้ถูกทําลาย งั้นทุกคนก็คงถึงจุดจบ
ซึ่งบางครั้งก็เรื่องที่น่ารังเกียจ หากเป็นผู้ฝึกตนที่โลภมากก็คงจะไม่สนใจ อย่างแรกที่ทําคงเป็นการขนสมบัติหนีไปจากนั้นเมื่อหายนะมาเยือนทุกอย่างก็คงสายไปแล้ว เมื่อหายนะมาถึงคนส่วนใหญ่ที่ตายก็คือบริสุทธิ์
ซึ่งเทียนหยุนไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ไม่อยากให้เกิดความเสียหายต่อคนทั่วไป!